แผนตั้งรบ.315เสียงสะดุด

พปชร.กลับลำ

ปัดยก40สส.โหวต‘เศรษฐา’

อ้างทุกอย่างต้องรอมติพรรค

‘ภูมิธรรม’รับ‘รทสช.’ส่อชิ่ง

มั่นใจทีม‘บิ๊กป้อม’ไม่ทอดทิ้ง

เคาะใหม่รวมได้แค่278เสียง

“ชัยวุฒิ” ปัดข่าว พปชร.นำ 40 เสียงไปโหวตอุ้ม“เศรษฐา” นั่งนายกฯ ระบุต้องรอมติพรรค ยัน “บิ๊กป้อม” ฟิตปั๋งไม่วางมือทางการเมือง ขณะที่“ภูมิธรรม” เสียงอ่อยบอกเสียงโหวตผู้นำเหลือแค่ 278 เสียง หลังไม่มีความชัดเจน รวมทั้งจากพรรคเล็ก ด้าน “วิโรจน์” ตามอัดฝ่ายประชาธิปไตยแค่คำโฆษณา เพราะหันไปเสริมนั่งร้านเผด็จการ ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญยืดเวลา 30 วัน“พิธา-ก้าวไกล” ส่งเอกสารประกอบ พิจารณาคดี 112

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม หลังมีกระแสข่าวออกระบุว่าพรรคเพื่อไทยปิดดีลในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่รวมเสียง315เสียงแล้วพร้อม มีสูตรสัดส่วนโควตารัฐมนตรี 9สส.ต่อ1เก้าอี้รัฐมนตรีนั้น ทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าว

โต้ข่าวยก40สส.อุ้ม”เศรษฐา”

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ว่าพล.อ.ประวิตร ได้ให้ความมั่นใจกับสมาชิกว่าจะทำงานร่วมกับพรรคเพื่อให้พรรคเข้มแข็งและเดินหน้าต่อไป ส่วนที่มีข่าวว่ามีการขอให้ซื่อสัตย์กับลุงป้อมนั้น ก็คงมีบางคนพูดแต่ก็เป็นแนวทางของเราอยู่แล้วที่จะต้องมีความจริงใจต่อกันในการทำงาน ตั้งใจทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพรรคและทำนโยบายพรรคต่อไปในอนาคต

ปัด40สส.หนุนโหวตนายกฯ-รอมติ

เมื่อถามว่าพล.อ.ประวิตรได้กำชับสมาชิกในพรรคเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีในครั้งต่อไปหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร บอกจะยกทั้ง 40 ส.สโหวตนายกฯให้เพื่อไทย นายชัยวุฒิ กล่าวว่าไม่มีคุยกันเรื่องนี้ งานวันเกิด ไม่ใช่การประชุมพรรค เดี๋ยวคงจะมีการประชุมพรรคเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง ข่าวที่ออกมาเป็นเพียงแนวคิดของ ส.ส.บางกลุ่ม แต่จะเป็นทางการก็ต่อเมื่อมีการประชุมพรรค เป็นมติพรรค และแถลงข่าวร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล ตอนนี้สมาชิกในพรรค ยังไม่มีการพูดคุยกันว่าแนวทางการโหวตจะเป็นอย่างไร แน่นอนว่านักการเมืองตอนนี้คุยกันในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล ถือเป็นวาระสำคัญของสภา แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการ

เมื่อถามว่าข่าวการจัดตั้งรัฐบาลที่ออกมาคิดว่าจะเป็นไปตามนั้นหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ก็ต้องรอติดตามดูอีกที ตนก็รู้จากนักข่าวนี่แหละว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะมันเป็นข่าวจากหลายพรรคหลายที่ ตนก็รู้ แต่เรื่องในพรรคพลังประชารัฐ

ย้ำ’บิ๊กป้อม’ฟิตปั๋ง-ยังไม่วางมือ

เมื่อถามว่าในส่วนของพล.อ.ประวิตรชัดเจนหรือไม่จะไม่รับตำแหน่งในรัฐบาลชุดนี้ เพราะมีกระแสข่าวว่าจะให้พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ รับตำแหน่งแทน นายชัยวุฒิ กล่าวว่า“ไม่ทราบ ยังไม่ได้คุยกัน” เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรได้มีการบอกหรือไม่ว่าจะวางมือในรอบนี้นายชัยวุฒิ กล่าวว่า“ก็เห็นยังฟิตทำงานอยู่ตลอด จะวางมือตอนไหน พลังประชารัฐทุกคน ก็ยังคงทำงานร่วมกัน โดยมีพล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรค และดูจากวันเกิด ก็จะเห็นว่ามีลุงก็มีเรา อย่าคิดมาก”

ปัดลุงป้อมไม่รับเก้าอี้-มีลุงก็มีเรา

เมื่อถามว่ามีข่าวว่าพล.อ.ประวิตรจะไม่รับตำแหน่งในรอบนี้ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า”ใครบอกว่าไม่รับตำแหน่ง ท่านไม่เคยพูดสักหน่อย ตนยังไม่เคยได้ยินเลย ลุงป้อม เคยพูดที่ไหน ถ้าท่านทำงานได้ท่านก็ทำอยู่แล้ว และตอนนี้ พล.อ.ประวิตรยังคงเป็นแคนดิเดตนายกฯอยู่ ดังนั้น จะมาบอกว่าท่านจะไม่รับตำแหน่งในรัฐบาลนี้ได้อย่างไร แต่ว่าโอเคอาจจะไม่ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ทำไมสื่อชอบไปยุให้ท่านถอนตัวหรือวางมือ

เมื่อถามว่ามีกระแสคัดค้านลุงก่อนหน้านี้ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า มีลุงมีเราอย่าไปคิดมาก ส่วนที่มีสื่อบางสำนักไปลงว่า มีลุงไม่มีแรงนั้น ไม่ทราบ แต่ยืนยันว่ามีลุงก็มีเรา ยังอยู่ๆ อย่าคิดว่าลุงไม่อยู่ เพราะท่านก็ยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ ยังไม่ได้วางมือทางการเมือง สื่อต้องลงข่าวให้มีข้อเท็จจริงด้วยเพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน

รอ’วันนอร์’เคาะโหวตนายกฯ

ขณะที่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาให้สัมภาษณ์ถึงการกำหนดวันโหวตนายกรัฐมนตรีจะใช่วันที่22ส.ค. นี้หรือไม่ว่าก็คงเร็วๆนี้ซึ่งการพูดถึงวันที่22ส.ค.บ้าง ขอให้รอนายวันมูหะมัดนอร์ มะทาประธานรัฐสภาเดินทางกลับมาจากต่างประเทศก่อน เมื่อถามว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีรอบนี้จะผ่านหรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า ถามตนไม่ได้ ต้องถามคนโหวต

เมื่อถามว่า ที่เข้าไปอวยพรวันคล้ายวันเกิดพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ได้มีการพูดคุยเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ว่า ไม่มี ตนแค่ไปอวยพรวันคล้ายวันเกิดพล.อ.ประวิตร

‘ภูมิธรรม’ชี้เสียงโหวตอยู่ที่278

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.)กล่าวถึงกรณีการรวบรวมเสียงที่จะโหวตให้แคนดิเดตนายกฯพรรคพท. ซึ่งล่าสุดมีทั้งหมด 315เสียงว่า ขณะนี้หากนับเสียงที่ชัดเจนที่จะโหวตให้กับแคนดิเดตนายกฯ พรรคพท.นั้น ตัวเลขที่ชัดเจนจริงๆ ยังอยู่ที่ 278 เสียง ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย (ภท.) 71 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) 10 เสียง พรรคประชาชาติ (ปช.) 9 เสียง พรรคเพื่อไทยรวมพลัง (พทล.) 2 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) 2 เสียง ส่วนพรรคเสรีรวมไทย (สร.) พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย พรรคละ 1 เสียง รวมเป็น 238 เสียง รวมกับทางพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ประกาศจะยกมือให้กับพรรคพท.อีก 40 เสียง ทำให้มีเสียงรวมกันอยู่ที่ 278 เสียง

ยอมรับเสียง”รทสช.”ยังไม่ชัด

ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)นั้น เราถือว่า ยังไม่ชัดเจน เพราะทางนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคห้สัมภาษณ์ว่า ยังต้องขอคุยกันภายในพรรคก่อน ขณะที่พรรคประชาธิปไตยใหม่อีก 1 เสียงนั้น ขณะนี้เรายังไม่ตอบรับ

“สำหรับตัวเลข 278 เสียงสำหรับสภาล่าง ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความมั่นคง และเราก็จะยินดีมากหากพรรคการเมืองอื่นๆจะช่วยโหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท.เพิ่มขึ้น เราเชื่อว่าหลายฝ่ายพร้อมจะให้โอกาสกับพรรคพท.ซึ่งการโหวตสนับสนุนจะเป็นจุดเริ่มต้นของโอกาสที่จะพูดคุยกันต่อในการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันว่าหากพรรคใดไม่โหวตสนับสนุน ก็ไม่ได้อยู่ในสมการนี้”นายภูมิธรรม ระบุ

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า สำหรับรายชื่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่เริ่มปรากฏเป็นข่าวในขณะนี้ ก็เป็นเพียงแค่การเสนอแนะ ความคิดเห็น หรือวิเคราะห์กันเองของแต่ละบุคคลที่ให้ข่าวเท่านั้น ยืนยันว่าพรรคพท.ยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีกับพรรคใดทั้งสิ้น เพราะต้องรอให้การโหวตแคนดิเดตนายกฯพรรคพท.เสร็จสิ้นก่อน ถึงตอนนั้น รายชื่อ ครม.ของจริง จะเกิดขึ้นหลังได้นายกฯ แล้วอย่างแน่นอน

‘เศรษฐา’รับรวมเสียงได้300อัพ

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย(พท.)กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวที่พรรค พท.สามารถรวมเสียงโหวตแคนดิเดตนายกฯพรรคพท.ได้ถึง315 เสียง มั่นใจ จะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพหรือไม่ว่าตนมองว่าเสียง 300 ต้นๆ ถือว่ามีเสถียรภาพ แต่ถ้าต้องบริหารเรื่องความคาดหวังของแต่ละพรรคร่วม ก็ต้องมาพูดคุยถึงนโยบายรวมซึ่งจะเป็นนโยบายของรัฐบาล ต้องมาพูดคุยกันให้ดี

เมื่อถามว่าการมาเป็นนายกฯในขณะที่ประเทศเจอวิกฤติเช่นนี้เหนื่อยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า การมาเป็นผู้นำรัฐบาล การทำงานการเมือง ตนมองว่าก็เหนื่อยตลอด คณิตศาสตร์ที่ออกมาจากการเลือกตั้งตัวเลขที่ออกมายิ่งทำให้เหนื่อย มันจะง่ายขึ้น ถ้าพรรคพท.ได้แลนด์สไลด์ แต่ก็ไม่ได้ เราก็ต้องยอมรับและอยู่กับความเป็นจริงว่า เราไม่ได้แลนด์สไลด์

มั่นใจทุกพรรคเข้าร่วมเข้าใจปัญหา

เมื่อถามอีกว่าการเป็นรัฐบาลผสมเช่นนี้ จะพาประเทศออกจากหล่มที่เป็นอยู่ในตอนนี้หรือไม่ นายเศษฐา กล่าวว่า มั่นใจว่า พรรคใดก็ตามที่จะเข้าร่วมรัฐบาล ต้องเข้าใจปัญหาที่มีในปัจจุบัน ทั้งความเป็นอยู่ประชาชนที่ต้องยกระดับขึ้นมา ปัญหาของรัฐธรรมนูญ ปัญหาความขัดแย้งด้านความคิด เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจดี จากการแถลงร่วมกันของแต่ละพรรคทุกคนเข้าใจปัญหาดี ดังนั้น การมาร่วมด้วยช่วยกันในรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้น ตนเชื่อว่าต้องร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาประเทศและแก้ไขปัญหาดังกล่าว

เมื่อถามว่าหากพรรค พท.ได้เสียงแลนด์สไลด์เป้าหมายอาจเป็นอย่างหนึ่ง พอเป็นพรรคร่วมเช่นนี้เป้าหมายจะเหมือนกันหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่าตนมั่นใจ เพราะผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว 3 เดือน ถือเป็นครั้งยาวนานที่สุดในการตั้งรัฐบาล นักการเมือง และพรรคการเมืองทุกพรรคตกผลึกเรียบร้อยแล้วว่า มันยากลำบาก จึงต้องร่วมด้วยช่วยกัน ปัญหาของประเทศสำคัญที่สุด ดังนั้น หน้าที่ของผู้นำรัฐบาลก็ต้องพยายามหล่อหลอมให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและไปสู่จุดมุ่งหมายได้ จะเป็นพรรคไหนก็ตามทีเชื่อว่าความเป็นห่วงบ้านเมือง ต้องมีอยู่แล้ว

จัดครม.ต้องให้เกียรติพรรคร่วมฯ

เมื่อถามว่ามีเงื่อนไข ไม่ให้พรรคการเมืองเดิมบริหารกระทรวงเดิมหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นหลักการหนึ่งที่เป็นประโยชน์ เมื่อถามว่าเมื่อได้เป็นนายกฯ จะทำหน้าที่เลือกบุคคลที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีของแต่ละพรรคการเมืองหรือไม่นายเศรษฐากล่าวว่า เชื่อว่าต้องพูดคุยกัน และต้องให้เกียรติพรรคร่วมด้วย ซึ่งตรงนี้มีความสำคัญ เมื่อถามอีกว่าบางคนถูกสังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมหากมารับตำแหน่งรัฐมนตรีจะคัดเลือกอย่างไรให้คณะรัฐมนตรีสง่างาม นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องให้เกียรติผู้ที่รับเสนอชื่อด้วย และหากใครที่มีเรื่องคดีความ ก็ต้องไปว่าตามกฎหมาย ถ้าเป็นไปได้ ก็เป็นไปได้

เมื่อถามว่าการมีพรรคร่วมจำนวนมากในฐานะผู้นำรัฐบาลจะสามารถบริหารให้รัฐบาลไปรอดได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า นโยบายรวมเป็นเรื่องสำคัญการพูดคุยกันก่อนที่จะเข้ามาร่วมรัฐบาล ความคาดหวังผลงานของแต่ละกระทรวง จึงเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยและตกลงกันและต้องตั้งเป้าหมายให้เป็นจริง และมีระยะเวลาของแต่ละภารกิจให้ชัดเจนจะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกัน เราอย่าบอกว่ารัฐมนตรีมาจากพรรค ก. หรือ ข.แต่เราเป็นรัฐบาลของประเทศไทย จึงถือเป็นภารกิจร่วม นายกฯมีหน้าที่หล่อหลอมให้บรรลุไปถึงจุดมุ่งหมายให้ได้

พท.มั่นใจโหวตรอบเดียวฉลุย

นายสมคิด เชื้อคง อดีตสส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ที่มีกระแสข่าวเรื่องพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐจะร่วมยกมือโหวตนายกฯให้กับพรรคเพื่อไทย ว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ส่วนจะร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่อย่างน้อยๆก็ให้ได้นายกฯก่อน ให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้ พรรคเพื่อไทยก็ชวนทุกพรรคให้าช่วยยก มาสนับสนุนรวมทั้ง สว.ด้วย ทางคณะประสานงาน คงอยากเคลียร์ให้โหวตจบในครั้งเดียว เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่านายกฯจากเพื่อไทยสามารถโหวตผ่านได้ในครั้งเดียวนายสมคิด ย้ำว่าเท่าที่ได้คุยกับผู้ประสานงาน เขาก็มั่นใจ ยังพอมีเวลาอีกหลายวัน เขาอาจจะประสานต่อกันไปเรื่อยๆ

เมื่อถามว่ามีความกังวลหรือไม่ว่าหากเวลายิ่งผ่านไป อาจจะมีตัวแปรเข้ามาทำให้นายกฯของพรรคเพื่อไทยไม่ผ่านการโหวตในที่ประชุมรัฐสภา นายสมคิด ตอบว่าไม่กังวล เพราะจากที่พรรคเพื่อไทยทำ คือ ประสานกันอย่างเปิดเผย ทุกอย่างไม่ได้ปิดบัง ทุกคนรู้ ตนคิดว่า ไม่น่าจะมีอะไร ส่วนขณะนี้ทีมเจรจาได้พูดคุยหรือไม่ว่าเสียงของสว.ที่จะมากสนับสนุนเพียงพอหรือไม่ ตนไม่ทราบรายละเอียด

ลั่นเป็นรบ.ลดทันทีค่าไฟ-น้ำมัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทางเพจของพรรคเพื่อไทย โพสต์เพสบุ๊ก ระบุข้อความว่า“พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล มุ่งมั่นที่จะเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ แก้วิกฤตปัญหาให้พี่น้องประชาชน”

พท.ดึงร่วมโหวตนายกฯ-เคาะครม.

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลว่าแหล่งข่าวระดับสูงจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า ในการเจรจาพูดคุยกันระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและคณะกับแกนนำพรรคก้าวไกล ที่ทำการพรรคก้าวไกลเมื่อวันที่9 ส.ค.ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลยังคงเสนอขอโควต้ารัฐมนตรี 14กระทรวงเช่นเดิมหากจะร่วมรัฐบาลด้วย โดยยังเป็นกระทรวงสำคัญทั้งกระทรวงมหาดไทย คลัง แรงงาน แต่เป็นข้อเสนอที่พรรคเพื่อไทย คงไม่สามารถให้ตกลงให้ได้

ดังนั้น จึงเป็นที่มาที่ทำให้พรรคเพื่อไทยตัดสินใจเจรจากับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติเพื่อให้มาร่วมรัฐบาลโดยจะให้มีการโหวตนายกฯเสร็จสิ้นลงไปก่อนจากนั้นจะมาเจรจากันเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรี เพื่อเป็นหลักประกันว่าพรรคการเมืองที่ไปเชิญมาร่วมรัฐบาลจะยกมือโหวตนายกฯให้รวมทั้งเงื่อนไขดังกล่าวจะทำให้พรรคก้าวไกลจะนัดหารืออีกครั้งว่าจะร่วมรัฐบาล กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ และจะลดเงื่อนไขลงบ้างได้หรือไม่

นอกจากนี้ แหล่งข่าวระบุว่า กรณีที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ออกมาบอกว่าการโหวตนายกฯครั้งที่ 3 น่าจะมีขึ้นในวันที่ 23 ส.ค.นี้ อาจมีแนวโน้มเลื่อนออกไปเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญอาจจะต้องเลื่อนการพิจารณาออกไปอีก ดังนั้น จะไปอยู่ในช่วงที่การแต่งตั้งโยกย้ายผู้นำเหล่าทัพเสร็จสิ้นลงพอดี

‘วราวุธ’รอข้อมูล ชัดๆก่อนโหวด

ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าหลังแถลงข่าวจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยว่ารายละเอียดต่างๆเชื่อว่าเมื่อใกล้ถึงเวลา ก็จะมีการ พูดคุยกันในรายละเอียดอีกครั้ง

เมื่อถามย้ำว่าพรรคชาติไทยพัฒนายืนยันใช่หรือไม่ว่าจะต้องพูดคุยตำแหน่งก่อนที่จะโหวตเก้าอี้นายกรัฐมนตรีนายวราวุธกล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าต้องมีความชัดเจนในระดับหนึ่งก่อนแต่คงต้องรอดูในสัปดาห์หน้าอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถามย้ำส่วนตัวนายวราวุธจะนั่งเก้าอี้เดิมหรือไม่นายวราวุธกล่าวเชิงหยอกล้อว่า“ ตอนนี้ผมโดนเปลี่ยนไป 3 เก้าอี้แล้ว ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆอีก”

‘ก.ก.ซัดรบ.เสริมนั่งร้านเผด็จการ

ทางด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ทวีตข้อความต่อเนื่องผ่านทวิตเตอร์ ว่า “มาฉุกคิดดู องค์ประกอบของรัฐบาลใหม่ นี่ก็คือรัฐบาลเดิม เพิ่มเติมก็คือ มีพรรคอีกพรรคหนึ่งเข้าไปเสริมเป็นนั่งร้านให้เผด็จการเท่านั้นเอง รัฐบาลพิเศษตรงไหน”

ศาลรธน.ยืด30วัน‘ก.ก.’คดีม.112

วันเดียวกัน นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง พิจารณาคดีที่มีผู้ร้องว่าการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ. ...เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่

ซึ่งศาลให้นายพิธา และพรรคก้าวไกล ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน15วันว่า

หลังครบกำหนดระยะเวลา 15 วัน ที่ศาลให้ส่งเอกสารประกอบนั้น ล่าสุด ทางพรรคก้าวไกลได้ขอขยายเวลาออกไปอีก 30 วันนั้น โดยให้เหตุผลว่าเอกสารเยอะ ต้องใช้เวลาในการรวบรวม โดยศาลก็อนุญาต ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และเป็นการปฏิบัติแบบเดียวกับทุกคดีที่ขอขยายเวลา ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ทั้งนี้ กฎหมายไม่ได้กำหนดเอาไว้ว่าให้ขยายเวลาได้กี่ครั้ง ส่วนถามว่าแค่ไหนถึงจะถือว่าอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม นั้นหากหลายครั้งเกินไป ศาลก็จะดูว่ามีเจตนาดึงเรื่องหรือไม่ การพิจารณาคดีทุกคดีของศาลไม่ได้ทำตามกระแสสังคม

ทั้งนี้การร้องว่าบุคคลใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองตามบทบัญญัติมาตรา49บุคคลจะใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขไม่ได้นั้น ถ้าศาลฟังว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ศาลก็จะสั่งให้หยุดการกระทำ แต่ไม่มีกรณีการยุบพรรคเพราะในคำร้องก็ไม่มีเรื่องนี้อยู่แล้วแต่ถึงมีคำร้องเราก็ไม่สามารถสั่งได้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)จะต้องพิจารณาว่าผิดหรือไม่ผิดถ้าเห็นว่าผิดก็ค่อยส่งมาถ้าเห็นว่าไม่ผิดก็ยกไป

เตือนอย่าตระบัตรสัตย์

รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ให้สัมภาษณ์ถึงผลลัพธ์ทางการเมืองกรณีที่พรรคเพื่อไทยเลือกจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติตั้งรัฐบาลว่า อย่าลืมพรรคเพื่อไทย เคยตั้งธงสื่อสาร ไม่เอาพรรครัฐบาลเดิม รวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ไม่เอา ไม่เอา แต่วันนี้ กลับจะมาดึงทุกพรรคที่เคยปฏิเสธเขา มาเข้าร่วมรัฐบาล สังคมมีสิทธิ์ถามนะ ว่าเพื่อไทยทำเพื่อใคร เพื่อชาติ หรือเพื่อพาคุณทักษิณ กลับบ้าน ถ้าฝืนทำ ความเสียหายกับพรรคเพื่อไทยเกิดแน่นอน

“อาจถึงขั้นมีประชาชนมาลงถนน เพราะนี่มันจะใกล้เคียงกับเงื่อนไขยุคพฤษภาทมิฬ ที่พล.อ.สุจินดา คราประยูร ก็ตระบัดสัตย์แบบที่เพื่อไทยทำ เพื่อไทยต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ ถ้าปล่อยให้คลุมเครือ เพื่อไทยได้เจอพลังมวลชนครั้งใหญ่ ในระหว่างที่เป็นรัฐบาลนี่เอง ทีนี้ การบริหารประเทศ จะยุ่งยากแล้ว แผนที่เลือกปั่นตัวเลขเศรษฐกิจกลบความล้มเหลวด้านอุดมการณ์ รับรองพังเละเทะ เพราะถ้ามีม็อบ เศรษฐกิจ มันก็ฟุบ ไหนจะการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่การตัดสินใจวันนี้ หากไปจับมือกับพรรคลุง อาจทำให้พรรคกลายเป็นพรรคที่ได้เสียงน้อยกว่าเดิม ถึงขั้นที่ไม่ใช่พรรคหลักร้อย” รศ.ดร.โอฬาร กล่าว

รศ.ดร.โอฬาร กล่าวด้วยว่า ทุกการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย มีค่าใช้จ่ายราคาแพงรออยู่ ขึ้นกับว่าพรรคเพื่อไทย จะบริหารความเสี่ยงอย่างไร ซึ่งทุกวันนี้ พรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่เด็ดขาดว่าจะเอาอย่างไรกับอนาคต เพราะไปจับมือกับฝ่ายรัฐบาลเดิม แต่ก็ยังไปคุยกับก้าวไกลด้วย แบบนี้ใครจะไว้ใจได้ สุดท้าย เกมแบบนี้ จะพาพรรคเพื่อไทย สะดุดขาตัวเองล้ม พังทั้งกระดาน

ระวังเลือกตั้งครั้งหน้ารากเลือด

ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่พรรคเพื่อไทย จะดึงพรรคพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ มาร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า เข้าใจว่าเป็นไฟลท์บังคับ เพื่อให้การตั้งรัฐบาลสำเร็จ ซึ่งเป็นข้ออ้างของฝ่ายเพื่อไทยมาตลอด แต่อย่าลืมว่าทั้ง 3 พรรค มีความขัดแย้งร่วมกันมาก่อน และความขัดแย้งนั้น ก็ฝังรากไปถึงมวลชน ดังนั้น หากจะมาจับมือกัน มันจะทำให้สังคมตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมา 3 พรรคนี้ ไม่ได้มองถึงเรื่องอุดมการณ์ แต่มองแค่เรื่องผลประโยชน์เฉพาะหน้าเท่านั้นเอง ที่ประชาชนเจ็บแทน โกรธแทน ดีใจแทน ไม่ได้มีค่าอะไรเลย พรรคเพื่อไทย มีทางเลือก ที่จะไม่เอาพรรคลุง สามารถค่อยๆ ขยับได้ ต้องดูว่า เขาจะทำหรือไม่ ส่วนพรรคลุง ก็ต้องมีศักดิ์ศรี ไม่ใช่เออะอยากจะไปร่วมรัฐบาลอย่างเดียว ทั้งที่ เมื่อก่อน พรรคคุณก็ไปด่าเขาขี้โกง โกงจำนำข้าว แล้วอย่ามาอ้างว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไปแล้ว ไม่ใช่พรรคลุง หรือ มาอ้างว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ได้ยึดอำนาจ แบบนั้น มันดูจะเล่นลิ้นกันไปหน่อย

“ถ้าฝืนจะจับมือกัน ก็บอกเลยว่าพังกันหมด แถมทำงานลำบาก เพื่อไทย อย่าหวัง จะคุมเศรษฐกิจได้แบบเบ็ดเสร็จ เพราะ 2 พรรคนี้ เข้ามา เขามาแชร์แน่ ที่เพื่อไทยมีนโยบายมากมาย รับรองทำยาก ส่วนในอนาคต ที่น่ากลัวคือเพื่อไทย เพราะการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็ต้องกลับเข้าสู่สนามเลือกตั้งอีก การตัดสินใจครั้งนี้ ถ้าเป็นรัฐบาลร่วมกับพรรคลุง รับรองว่า คะแนนประชาชน ที่เคยให้ จะลดน้อยถอยลงแน่ เผลอๆ จะกลับมาไม่ได้แล้ว เพราะอย่าลืมว่า ประชาชนมีพรรคอื่น มาเป็นทางเลือกเพิ่มเข้ามา เกมนี้ ต้องชั่งน้ำหนักกันให้ดี การเลือกตั้ง จากนี้ ผลงานอย่างเดียวอาจจะไม่พอ ต้องมีอุดมการณ์ด้วย แล้วเพื่อไทย ชูคำว่าอะไรมาตลอดหลายปีหลัง ก็คือคำว่าประชาธิปไตย ส่วนกลุ่มพรรคลุง สมาชิกในพรรคหลายคน เคยด่าจำนำข้าวของเพื่อไทย ไปตราหน้าเขาว่าโกง แล้วอยู่ดีๆ มาจับมือกัน เลือกตั้งรอบหน้า รับรองว่าเหนื่อยหนักกันหมด” ผศ.ดร.วันวิชิต ระบุ