ส่ง‘ชาดา’จัดการมาเฟีย
มท.1สั่งผวจ.ขึ้นบัญชีดำ‘เจ้าพ่อ’
หลังเกิดเหตุยิงตร.ดับ
ลั่นบ้านเมืองมีขื่อมีแป
ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน
ต้องไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก
อนุทิน “มท.1” สั่งผู้ว่าฯทั่วประเทศ ขึ้นบัญชีดำ“ผู้มีอิทธิพล” หลังเกิดเหตุยิงตำรวจเสียชีวิต ที่บ้านกำนันดังนครปฐม ลั่นจะปล่อยให้เกิดขึ้นอีกไม่ได้ ย้ำดีเอ็นเอ มหาดไทย “ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที” ยันไม่มีผลประโยชน์-สายโน้นสายนี้ถ้าใครมาแอบอ้างถ่ายคลิปส่งมาได้เลย ลั่นยุคนี้ต้องสลายขั้ว-เส้นสาย ชี้ไม่มีประโยชน์กับประชาชน
เมื่อเวลา 09.15 น. ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กทม. มีการประชุมขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายชาดาไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย เข้าร่วมประชุม พบปะผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง
นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างการประชุม ถึงเหตุการณ์ที่คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนเป็นเหตุให้มีเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 1 ราย ในพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ที่บ้านกำนันดังว่า ทุกคนก็เห็นและทราบดีว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น ต้องช่วยกันคิดว่าทำอย่างไรไม่ให้มีระบบเช่นนี้มาทำร้ายชีวิต ทำลายความเป็นอยู่ของประชาชน ลูกน้องผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งถือปืนเข้ามาสังหารประชาชนชาวบ้านหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐ สิ่งเหล่านี้ภายใต้ความเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะพ่อเมืองจะปล่อยให้เกิดขึ้นอีกไม่ได้เราต้องไปดูว่า คนเหล่านี้เข้ามาเป็นกำนัน มาเป็นหัวหน้าผู้นำมวลชนได้อย่างไร และจะปล่อยให้มวลชนเดินตามสไตล์คนเหล่านี้แล้วชุมชนและประเทศจะเป็นอย่างไร
“เรื่องเหล่านี้ภายใต้การบริหารงานของพ่อเมืองจะยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศของเราหรือ เราต้องไปดู ไปขึ้นบัญชี ไปดูประวัติและดูพฤติกรรม ใครที่มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ จะมาเป็นผู้นำมวลชนไม่ได้ มีที่เดียวที่คนเหล่านี้จะอยู่ได้ซึ่งสมัยก่อนอยู่ในสังกัดของกระทรวงมหาดไทยแต่ตอนนี้อยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมแล้ว เราต้องส่งไปอยู่ตรงนั้น ซึ่งปลายทางเขายินดีที่จะรับคนเหล่านี้ ไม่ให้ออกมารบกวนวิถีชีวิตของประชาชนคนไทยที่เรารักสงบและมีแต่ความร่มเย็น” รมว.มหาดไทย กล่าว
ต่อมา นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยขึ้นบัญชีผู้ทรงอิทธิพลไม่ให้เข้ามาเป็นผู้นำท้องถิ่น หลังเกิดเหตุการณ์ที่จังหวัดนครปฐม ว่า อย่าใช้คำว่าสั่งการ เราเพียงแต่จะต้องคัดกรองบุคคลที่จะเข้ามาดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน นอกจากจะต้องมีบุคลิกลักษณะเป็นผู้นำแล้ว จะต้องมีคุณธรรมไม่ใช้อิทธิพลในการปกครองดูแลชาวบ้าน แต่ถ้าเป็นผู้มีอิทธิพลแล้วมาปกครองดูแลชาวบ้านก็อาจจะเกิดเหตุการณ์แบบที่จังหวัดนครปฐมได้อีก ไม่พอใจก็จะใช้อารมณ์
“นี่ขนาดเป็นแค่ลูกน้อง แล้วถ้าเป็นลูกพี่จะขนาดไหน และลูกน้องไม่มีทางที่จะไม่ทำตามลูกพี่ที่เลว ๆ แบบนี้ เพราะฉะนั้นรัฐมนตรีช่วยฯ ผู้ว่าราชการจังหวัด และจังหวัดจะต้องช่วยผม ไปขึ้นทะเบียนและคัดกรอง คนแบบนี้จะปล่อยให้อยู่ในสังคมและบ้านเมืองเราไม่ได้ เพราะประชาชนเดือดร้อนเอาถึงขั้นที่จะเอาชีวิตกันเลย มันไม่ได้ บ้านเมืองเรามีขื่อมีแป จะต้องทำให้เกิดความเข้มข้น ความจริงแม้จะมีใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนเขาก็ไม่ให้พกไปในที่ชุมชนและที่สาธารณะห้ามบรรจุกระสุน ไม่ใช่ว่าพอมีใบอนุญาตพกปืนแล้วจะพาไปไหนมาไหนก็ได้ ประเทศไทยไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนทำไมจะต้องพกปืน ถ้าเอาไปเพื่อฝึกฝนหรือเป็นการกีฬาก็สามารถทำได้เพียงแต่ต้องอยู่ในพื้นที่จำกัด” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่าจำเป็นจะต้องประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อขอประวัติบุคคลเหล่านี้หรือไม่ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า จำเป็นจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะเชื่อว่าประชาชนเองก็ไม่ต้องการที่จะอยู่ภายใต้การนำของอันธพาลเหล่านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทยครั้งนี้ นายอนุทิน ได้ขึ้นกล่าวตอนหนึ่งว่า กระทรวงมหาดไทยดูแลประชาชนตั้งแต่เกิด ทำงาน และสิ้นอายุไข เราต้องแปรสิ่งเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศ ต้องทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที แต่ขณะเดียวกัน ภารกิจสำคัญที่สุดคือการถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญที่สุดของตน ในฐานะ รมว.มหาดไทยและทีมงาน รมช.มหาดไทย ทั้ง 3 คน ภารกิจสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ หรือเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับการถวายงานของพระราชกรณียกิจที่ก่อเกิดคุณประโยชน์ต่อประเทศและพสกนิกรขอเรียนตรงๆไปที่ผู้ว่าฯ และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงไม่ต้องถาม ให้ทำทันทีด้วยความทุ่มเทสุดความสามารถที่สุดที่เราจะทำได้เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศและประชาชน ถือเป็นภารกิจยิ่งยวดของกระทรวงมหาดไทย
นายอนุทินกล่าวว่า ตนไม่มีพิธีรีตอง หากผู้ว่าฯ มีปัญหาอะไรสำคัญ สามารถโทรหาตนและรัฐมนตรีช่วยฯ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ขอให้ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ด้วยความสบายใจ ไม่มีสายโน้นสายนี้ เรื่องตำแหน่งแห่งหน เรื่องผลประโยชน์ พวกเราไม่มี อย่าไปเชื่อใคร ถ้ามีใครไปแอบอ้างเกี่ยวกับการโยกย้ายตำแหน่งให้ถ่ายคลิปส่งมาตนได้เลย หรือ หากใครมีอะไรสงสัยก็มาคุยกับตนและรัฐมนตรีช่วยฯ ได้เลย
นายอนุทิน ยังได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังมอบนโยบายให้กับผู้ว่าฯ ทั่วประเทศว่า จากนี้ไปจะไม่มีเรื่องของเส้นสาย รวมทั้งไม่มีการแบ่งแยกในการทำงานว่า เป็นสไตล์การทำงานของพวกตนอยู่แล้วโดยเฉพาะตนเอง ซึ่งมีความเชื่อมั่นว่า ถ้าให้ความเป็นธรรมกับทุกคนได้คำว่าเส้นสายจะไม่เกี่ยวข้อง เพราะถ้าทุกคนมีผลงาน ใครรักประชาชน ได้รับความชื่นชอบจากประชาชนอย่างไร ก็เข้าตาผู้บริหารและเข้าตารัฐมนตรีจากนี้ต่อไป จะไม่มีคำว่าสิงห์เหลือง สิงห์แดงหรือสิงห์อะไรทั้งสิ้น พิสูจน์ได้ตั้งแต่ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย สมัยผู้เป็นพ่อของตน เราเอาผลงานเป็นที่ตั้ง เรื่องของเส้นสายมันควรจะหมดไปตั้งนานแล้ว ตนเองก็จะพยายามทำงานโดยไม่มีเรื่องการแบ่งพวกแบ่งฝ่าย
“กระทรวงมหาดไทยต้องเป็นกระทรวงที่มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนคำว่าสีหรือขั้วฝ่ายไม่ได้ช่วยทำให้ประชาชนคลายทุกข์ได้ จิตใจ ความสามารถ ประสบการณ์และความตั้งใจต่างหากที่จะทำให้ประชาชนมีความสุข คลายความทุกข์ได้ และคนไหนที่ทำได้นั่นแหละจะเข้าตาในการทำงาน” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า นโยบายเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดจะไม่นำมาเป็นนโยบายสำคัญแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้เป็นนโยบายในส่วนของตนที่ให้สัญญาหาเสียงไว้กับประชาชน และที่ตนพูดถึงการปกป้องสถาบันนั้นเป็นความภาคภูมิใจของตนเองที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จะให้ท่านถูกลบหลู่ดูหมิ่นไม่ได้ ซึ่งในเรื่องของการศึกษาต้องให้เยาวชนได้มีความภาคภูมิใจในสถาบันหลักของชาติที่มีมาอย่างช้านาน แก้วิกฤตต่าง ๆ ของประเทศไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ในหลักสูตรต่างๆ ก็ต้องมีการบรรจุไว้ต่อไป
“สมัยพวกผมเป็นนักเรียนก็ถูกสั่งสอนและมีความรู้สึกหวงแหน มีความภาคภูมิใจ ดีใจปลื้มใจ ที่เรามีสถาบันอันเป็นที่รักของพวกเรา และตั้งแต่มีการถอดหลักสูตรออกไป ก็จะเห็นได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง คงต้องมีการสังคายนาปลูกฝังค่านิยมที่ดีเหล่านี้ให้มีต่อไป ต้องสร้างความเข้าใจให้กับเด็กและเยาวชน” นายอนุทิน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี