‘หัวหน้าเท้ง’บี้ถาม‘ภูมิธรรม’เคลียร์ชัดเจน‘ยุบสภา’ ค้าน‘นิติสงคราม’จี้ถอนฟ้อง‘ม.112-157’

‘หัวหน้าเท้ง’บี้ถาม‘ภูมิธรรม’เคลียร์ชัดเจน‘ยุบสภา’ ค้าน‘นิติสงคราม’จี้ถอนฟ้อง‘ม.112-157’

วันพฤหัสบดี ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2568, 11.40 น.

‘เท้ง’บี้ขอความชัดเจน‘ภูมิธรรม’ เคลียร์กระจ่างกระบวนการ‘ยุบสภา’ยุติหรือยัง โวจะเป็นนั่งร้านให้‘ภท.’หรือไม่อยู่ที่การแสดงออกในสภาฯ ค้านใช้กระบวนการ‘นิติสงคราม’ทำลายกัน เรียกร้องถอนฟ้อง‘ม.112-157’ สร้างบรรยากาศการเมืองที่ดี กล่อม‘ด้อมส้ม’เริ่มไม่พอใจ รับเข้าใจ แต่ผ่านกระบวนการรับฟังมารอบด้านแล้ว หวังว่าจะเข้าใจ

4 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรแถลงขอความชัดเจนกรณีการทูลเกล้าฯยุบสภาจาก นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีว่า สืบเนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้บรรจุวาระการโหวตนายกรัฐมนตรีเข้ามาแล้ว และพรรคเพื่อไทยก็มีมติเสนอแคนดิเดตชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่กลับมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลได้เสนอความเห็นเพิ่มเติมไปยังสำนักองคมนตรี เพื่อยืนยันการทูลเกล้าฯ ยุบสภา พรรคประชาชนมีจุดยืนแน่วแน่ว่า ฝ่ายบริหารมีอำนาจเต็มในการยุบสภา จึงขอความชัดเจนจากนายภูมิธรรม ว่ากระบวนการยุบสภาได้สิ้นสุดลงแล้วหรือไม่ หากกระบวนการยังดำเนินอยู่ ตนในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน เห็นว่าประธานสภา ควรทบทวนการบรรจุญัตติการโหวตนายกรัฐมนตรี จนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องยุบสภา แต่หากรัฐบาลยืนยันว่า กระบวนการสิ้นสุดแล้ว สภาผู้แทนราษฎร ก็จะได้ดำเนินการเลือกนายกรัฐมนตรีต่อไป


ส่วนกรณีที่วานนี้(3ก.ย.) นายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ และนายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย มีการไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายภูมิธรรมนั้น ตนและพรรคประชาชนไม่เห็นด้วย ที่จะใช้เครื่องมือทางกฎหมายในการดำเนินคดีดังกล่าว จึงขอเรียกร้อง ให้ทั้ง 2 คนนั้นถอนคำกล่าวโทษ เพื่อสร้างบรรยากาศในการหาทางออกให้กับประเทศ ไม่เห็นด้วยที่จะใช้กฎหมายเป็นการกลั่นแกล้ง หรือ นิติสงครามใดๆ

“การฟ้อง ม.157 และการแจ้งความเอาผิดตาม มาตรา 112 ต่อนายภูมิธรรมนั้น ยังไม่ได้มีการพูดจากตัวผมเอง แต่เชื่อว่าเพื่อนสมาชิกน่าจะมีการหารือกันอยู่แล้ว ก็ไม่ทราบว่ามีใครที่หารือกันอยู่บ้าง แต่ในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้าพรรคเชื่อว่าการแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ ต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรกพร้อมๆ กันทั่วทั้งประเทศ ในนามตัวเองเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ซึ่งเราเองไม่เห็นด้วย จึงขอเรียกร้องให้ผู้ที่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษไปถอนออก” หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย จะเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ชิงนายกรัฐมนตรี นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในการดำเนินการของฝั่งพรรคเพื่อไทยเอง ก็อาจจะมีความย้อนแย้งในตัวเอง ทั้งที่ในพรรคมีการเตรียมเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็ยังมีกระแสข่าวว่าจะมีการเตรียม ยุบสภา ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ตนเรียกร้องขอความชัดเจนจากนายภูมิธรรมว่าตกลงแล้ว ได้ยุติกระบวนการยุบสภาแล้วหรือไม่อย่างไร

เมื่อถามถึงกระแสข่าวตีกลับทูลเกล้าฯ ร่าง พ.ร.ฎ.ยุบสภา นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ก็เป็นกระแสข่าวที่ได้ยินมา ว่ามีการเตรียมกัน นำความเห็นประกอบเพิ่มเติมเสนอไปยังสำนักองคมนตรี จึงอยากได้ความชัดเจนว่าตกลงแล้วยุติแล้วใช่หรือไม่ และเดินหน้าในการโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่แล้วใช่หรือไม่

เมื่อถามว่า มติสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกฯ จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ยืนยันว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ และขอยืนยันอีกครั้งว่า มติของพรรคที่ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน เราไตร่ตรองและทบทวนมาอย่างดีแล้ว เพียงแต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ อยู่ในสภาพที่เราบอกว่า รักษาการนายกรัฐมนตรี มีอำนาจในการยุบสภา จึงอยากทำให้เกิดความชัดเจนก่อน ดังนั้น หากรัฐบาลยังคงคาราคาซัง ไม่ทำให้เกิดความชัดเจน พวกเราก็เห็นควรว่า ควรจะดำเนินการตามที่ประธานสภาได้ใช้ดุลพินิจ บรรจุระเบียบวาระ เพื่อโหวตเลือกนายกฯในวันพรุ่งนี้(5ก.ย.)ต่อไป

เมื่อถามถึงข้อกังวลว่าพรรคภูมิใจไทย อาจจะลุแก่อำนาจ จากการที่พรรคประชาชนโหวตสนับสนุน นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ขอยืนยันในหลักการที่เราพูดมาโดยตลอด ว่าเราไม่เห็นด้วยกับกระบวนการนิติสงคราม เพราะตอนนี้ประชาชน คือเมื่อใครขึ้นมามีอำนาจ แล้วใช้กระบวนการทุกอย่าง หรือใช้อำนาจที่ตัวเองจะได้รับ เล่นงานคู่ขัดแย้งหรือฝ่ายตรงข้าม หากเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น ไม่ว่าจะพรรคภูมิใจไทยหรือใครก็ตาม ที่พรรคประชาชนได้ยืนยันในมติไปแล้วว่าเราจะเลือกสนับสนุน เราไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว ดังนั้น ในฐานะหัวหน้าพรรค ขอส่งสัญญาณว่าเราไม่เห็นด้วยกับการฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายภูมิธรรม เมื่อวานนี้ รวมถึงบางอย่างที่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษร การดำเนินการต่อจากนี้ เราจะใช้เสียงในสภาที่เรามี กำกับทิศทางของประเทศให้เดินไปตามทางที่เราเห็นว่าถูกและควร โดยใช้รัฐบาลเสียงข้างน้อย หรือกลไกฝ่ายค้านเสียงข้างมาก

เมื่อถามถึงกรณีที่ถูกมองว่า จะกลายเป็นนั่งร้านให้กับพรรคภูมิใจไทย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นนั่งร้าน หรือไม่เป็นนั่งร้าน ก็อยู่ที่การแสดงออก และใช้เสียงในสภาฯของพวกเราเอง สำหรับการเคลื่อนไหวภายนอกสภาฯ เราคงจะห้ามคนที่ไปยื่นฟ้องร้องไม่ได้ และตนก็ไม่มีอำนาจในการไปกำกับการทำงานของ สส.แต่ละคน โดยเฉพาะ สส.ของพรรคอื่น หากมีการดำเนินการอะไรไปแล้ว ก็เชื่อมั่นว่าเสียง สส.ของเรา จะเป็นอำนาจในสภาที่เราสามารถกำกับทิศทางการดำเนินการของพรรคการเมืองต่างๆ ได้

เมื่อถามถึงการตั้งข้อสังเกตที่ในตอนแรกพรรคประชาชนจะควบคุมพรรคภูมิใจไทยด้วย MOA แต่เมื่อเกิดกระบวนการเช่นนี้ จะเป็นสัญญาณเริ่มว่าพรรคประชาชนจะคุมพรรคภูมิใจไทยไม่ได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การเซ็น MOA ในครั้งนี้ เราไม่ได้ร่วมรัฐบาล เพราะฉะนั้น เราไม่มีอำนาจใดๆ ไปสั่งห้ามไม่ให้เขาทำอะไรเป็นการล่วงหน้าฉะนั้น การจัดตั้งรัฐบาล และการดำเนินการต่างๆ เป็นสิทธิ์ที่เขาจะทำ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเห็นว่ารัฐบาลทำไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นไปตามหลักการ เราก็พร้อมใช้เสียงในสภาที่เรามี

ทั้งนี้ การแถลงข่าวต่อสาธารณชนทางการครั้งแรกของตน ถือเป็นการพูดคุยอย่างเป็นทางการ เชื่อว่า พรรคภูมิใจไทยและฝ่ายอื่นๆ ที่รวมเสียงอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ได้เห็นสัญญาณที่ตนส่งออกไปแล้ว

เมื่อถามถึงกรณีที่มีผู้สนับสนุนพรรครู้สึกไม่พอใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในช่วงสั้นๆ นี้ ต้องยอมรับตามข้อเท็จจริงจากการประเมินกระแสต่างๆ ที่เราได้ยินมา ว่าอาจจะยังมีโหวตเตอร์ หรือผู้สนับสนุนของพรรคบางส่วนที่ยังรู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งพวกเราก็เข้าใจดี เพราะตนเชื่อว่า ผู้บริหารพรรคเองได้รับฟังเสียงอย่างรอบด้านแล้วเพราะก่อนจะออกมาเป็นมติของผู้บริหารพรรคที่ตนได้แถลงไป เราได้มีการฟังเสียงทุกองคาพยพของพรรคอย่างรอบด้านแล้ว

“ยืนยันอีกหนึ่งครั้งว่า การตัดสินใจในครั้งนี้ ทุกองคาพยพของพรรคภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิกพรรคประชาชน ผู้ที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริง เห็นไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น การดำเนินงานต่อจากนี้ ที่จะทำให้คะแนนความนิยมของพรรคเพิ่มมากขึ้น หรือทำให้ผู้สนับสนุนพรรคเข้าใจว่า สิ่งที่เราจำเป็นต้องดำเนินการเช่นนี้ เป็นไปเพื่ออะไร ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของพวกเราที่เราต้องดำเนินงานต่อ เชื่อว่าหาก 4 เดือนต่อจากนี้ พรรคประชาชนสามารถกำกับทิศทาง ให้เดินไปตามข้อตกลงที่มีการเซ็นร่วมกันได้ ก็เชื่อว่า ทุกคนจะเข้าใจดี ” นายณัฐพงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ฉากทัศน์เช่นนี้กังวลหรือไม่ ว่าจะทำให้อำนาจนอกระบบที่กลัว ถูกแทรกแซงเข้ามาได้ง่ายขึ้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ เราประเมินอย่างรอบด้านแล้ว ก็คงไม่ได้กลัวอะไร เราพร้อมใช้เสียง สส.ที่เรามีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแบบนั้น

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า พรรคประชาชนถูกหลอกอย่างแนบเนียนที่สุด นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่แต่ละคนจะประเมินได้ ว่าถูกหลอกหรือไม่ถูกหลอกอย่างไร แต่เรามีการประเมินฉากทัศน์มาอย่างรอบด้านแล้ว เพราะข้อเสนอนี้ เป็นสิ่งที่เรานำเสนอไว้ตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว เพราะเราประเมินทุกสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด จึงคิดว่าทางเลือกนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดต่อประเทศ ไม่ใช่ต่อพรรคประชาชน

เมื่อถามว่าคิดถึงการเลือกตั้งรอบหน้าแล้วหรือยัง ว่าพรรคประชาชนอาจจะจับมือกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดไปถึงตรงนั้น ว่าจะจับกับใคร สิ่งสำคัญ ณ ตอนนี้ คือการเดินหน้าเพื่อนำไปสู่การยุบสภาพร้อมๆ กับการเปิดประตูสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หลังจากนั้น หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น สิ่งที่สำคัญคือการเสนอนโยบาย รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เพื่อให้ได้มาซึ่งจำนวนเก้าอี้ สส.ในสภามากที่สุด หลังจากนั้น จึงจะสามารถบอกได้ว่าหน้าตารัฐบาลใหม่เป็นอย่างไรบ้าง

เมื่อถามว่า หากพรรคประชาชนไม่ได้เปลี่ยนเสียงข้างมาก จะสามารถรวมกับพรรคภูมิใจไทยได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ตอนนี้สิ่งที่ตนสามารถบอกได้ ในนามหัวหน้าพรรคประชาชน คือ เราพร้อมลงสนามเลือกตั้ง และเป้าหมายของพรรคประชาชน คือการได้เสียงข้างมากในสภา

เมื่อถามถึงการตั้งข้อสังเกตว่าสถานการณ์เช่นนี้คือประชาธิปไตยที่ถูกแทรกแซง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เราต้องรับฟังเสียงสะท้อน และพร้อมที่จะเข้าไปทำความเข้าอกเข้าใจอย่างรอบด้าน เราจะใช้อำนาจที่พวกเรามี ที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ในการกำกับทิศทางประเทศให้เดินไปสู่ทางออก เพราะสิ่งที่เราเห็นจากโพลต่างๆ ก็พบว่าประชาชนอาจเริ่มผิดหวัง หรือเริ่มขาดความศรัทธาต่อนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง และการเมืองในระบบรัฐสภา เพราะฉะนั้น ตนเองไม่สามารถที่จะทิ้งความหวังตรงนี้ได้ เป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องยืนยันว่า เราต้องใช้อำนาจในระบบ ตามกระบวนการระบอบประชาธิปไตย

เมื่อถามว่า หากพรรคภูมิใจไทยผิดข้อตกลง แม้แต่ข้อเดียว พร้อมจะอภิปรายเลยใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าทันที รวมถึงอาจจะมีการดำเนินการอื่นใด ที่แม้ไม่มีการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรกับตามข้อตกลง แต่ตามวิญญูชนจะสามารถเห็นได้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ก็เชื่อว่าพวกเราพร้อมยื่นอภิปราย ม.151 ทันที แม้จะไม่สามารถให้รายละเอียดได้ ขอพูดเป็นหลักการกว้างๆ เช่น มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพื่อล้างคดีให้กับกลุ่มผลประโยชน์ของตัวเองนั้น เป็นสิ่งที่เรายอมรับไม่ได้

“เราเป็นฝ่ายค้านมาโดยตลอดอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวว่าจะต้องร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลกับใคร ส่วนจะทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ ผมก็อยากให้ทุกๆ พรรค ไม่ว่าจะพรรคเพื่อไทยหรือใครก็ตาม ที่ทำหน้าที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็อยากให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ภายหลังมีการโหวตนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็ยังมีกลไก ม.151 อยู่ตามข้อตกลงก็มีการระบุว่า พรรคภูมิใจไทยต้องคงสถานะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ขอย้ำว่า เรายังมีเสียง และกลไกในสภาอยู่” นายณัฐพงษ์ กล่าว

-005

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top