นอนทำเนียบ3-4วัน/สัปดาห์
‘เศรษฐา’ลุยหนัก
ลั่นเทหมดหน้าตัก-ไม่มีกั๊ก
รับไม่ได้ซื้อขายเก้าอี้ตร.
ต้องทำให้เหลือน้อยที่สุด
ครม.เคาะลดค่าไฟ3.99บ.
คาดพ.ย.ปรับค่าแรงขั้นต่ำ
เต็มที่ทุกเรื่อง“เศรษฐา”ลั่นเทหมดหน้าตัก ไม่มีกั๊ก ย้ำจุดยืนไม่เห็นด้วยรัฐประหาร แต่พรรคร่วมไม่มีใครมาจากรัฐประหารแล้วรับไม่ได้ซื้อขายตำแหน่ง ลั่นต้องให้เหลือน้อยที่สุด ปลื้มคนทักไหว้สวย บอกคุณแม่สอนไว้ เล็งนอนทำเนียบ 3-4 วันต่อสัปดาห์ เผย“บิ๊กตู่”เคยเตือนระวังคนมองสร้างภาพ“อดิศร”ไม่ขอแทรกแซง “พิธา” ไขก๊อกพ้นหน.ก้าวไกล เปิดทางคนอื่นนั่ง “ผู้นำฝ่ายค้าน” ชี้เป็นสิทธิ์ส่วนตัว“หมออ๋อง”ยังนั่งรองปธ.สภาฯ ต่อหรือไม่ หากนั่งต่อก็ไม่ได้ผู้นำฝ่ายค้าน ถาม“หมออ๋อง”ผิดอะไรจะขับออกจากพรรค ชาวบ้านได้เฮอีกรอบ ด้าน’ครม.’เคาะลดค่าไฟฟ้าอีก11สต.ต่อหน่วย เหลือหน่วยละ3.99บาท
เมื่อวันที่ 18กันยายน2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ร่วมเสวนาในหัวข้อ “Future Perfect เปิดมุมคิด พลิกอนาคต”ในงานเสวนา Thairath Forum2023 ที่สำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ มีรัฐมนตรีเดินทางร่วมคณะจำนวนมาก ประกอบด้วย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงานและนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์
โดยผู้ดำเนินการถามว่า ทราบมาว่าหลังเป็นนายกรัฐมนตรี 7วันที่ผ่านมาไม่เห็นหยุดเลย เหนื่อยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่มีสิทธิเหนื่อย เพราะมีหน้าที่ต้องทำงาน ตราบใดที่มีภารกิจก็ต้องทำ เมื่อถามว่า ตอนอยู่ภาคเอกชนไม่มีห้องทำงาน ตอนเป็นนายกฯใช้วิธีนั้นหรือไม่ โดย นายเศรษฐา กล่าวว่า ตั้งแต่เข้าทำเนียบฯ ไปตนนั่งเก้าอี้นายกฯประมาณ10วินาที ตามที่ซินแสบอกให้นั่ง แล้วลุกออกมาไม่เคยไปนั่งอีก
นายกฯย้ำทำงานตามไทม์ไลน์แจ้งไว้
เมื่อถามว่า เคยพูดว่าอีกสักพักจะมีแผนปฏิบัติงานที่ชัดเจน นายเศรษฐา กล่าวว่า ปีใหม่น่าจะได้ สิ่งที่ตนไปแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เป็นเพียงการแถลงนโยบาย ไม่อยากจะพูดไว้เฉยๆ ไม่ลืมที่ไปหาเสียงไว้ ไม่ลืมที่ไปพูดไว้ ไทม์ไลน์อาจมีความคลาดเคลื่อน ไม่ถูกจริตความต้องการของประชาชน แต่ตนไม่ได้เป็นนายกฯ ที่เป็นมา 4ปี หรือ8ปีแล้ว ตนเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ยังไม่ทราบกระบวนการ งบประมาณ กลไก เท่าที่อยากจะทราบ แต่พยายามเรียนรู้ระบบราชการให้เร็วที่สุด เพื่อทำงานร่วมกับภาคราชการต่อไป
ตั้งรบ.ข้ามขั้วมีข้อจำกัด-ให้ดูที่ผลงาน
เมื่อถามถึงกรณีที่บอกว่า เทหมดหน้าตัก ก่อนเลือกตั้งมีคำมั่นต่างๆ แต่การตั้งรัฐบาลครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปอธิบายเหตุผลได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรามี 141เสียง เราต้องการ376เสียง เรารวมกับพรรคก้าวไกล แต่ได้ไม่ถึง ถ้าเราไม่จับมือกับคนอื่นจะได้376หรือไม่ จะคอย 9-10เดือน ประชาชนคอยได้หรือไม่ มันคอยไม่ได้ ตนไม่ได้ขอความเห็นใจแต่เป็นคณิตศาสตร์พื้นฐาน
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ขั้วประชาธิปไตยชนะเลือกตั้ง แต่การตั้งรัฐบาลทำให้เห็นว่าการรัฐประหารลงอย่างสวยงาม นายเศรษฐา กล่าวว่า จุดยืนตนไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร พรรคที่มาร่วมกับเราอย่างภูมิใจไทย แม้มาจากรัฐบาลเก่า แต่ไม่มีส่วนร่วมรัฐบาลเก่า อีก2พรรคคนที่เกี่ยวกับการรัฐประหารก็ไม่อยู่แล้ว ประเทศต้องเดินต่อ หลายคนจะบอกว่า นายกฯส้มหล่น นายกฯ ตระบัดสัตย์ก็พูดกันไป แต่คนเข้าใจจริงทราบคณิตศาสตร์เป็นอย่างไร สิ่งที่จะตอบได้ดีสุดคือ เรื่องผลงาน
เทหมดหน้าตัก-เต็มที่ทุกเรื่อง-แก้แน่รธน.
เมื่อถามอีกว่า ที่บอกว่าอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริง มีสองนัยคือ อยู่กับปัจจุบันที่มีอยู่โดยไม่มีความฝันที่จะผลักดันไปวันข้างหน้า นายเศรษฐา กล่าวว่า ความฝัน ความหวัง แรงบรรดาลใจ เป็นภารกิจกิจหลักที่ตนแบกไว้และต้องนำเสนอ ต้องแสดงให้เห็นใน4ปี ต้องทำให้ประชาชนมีความหวัง ถ้าเขาไม่มีความหวัง อีก 4ปี ก็ไปใช้สิทธิสะท้อนออกมาในคะแนนเสียง เมื่อถามถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะพูดได้หรือไม่ 1 ปีครึ่ง หรือ 2ปีจะเสร็จ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ประชาชนต้องการ สถานการณ์ที่เราอยู่เป็นความผิดปกติของรัฐธรรมนูญที่ต้องแก้ไข เมื่อถามว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) บอกว่า เรื่องแก้รัฐธรรมนูญถ้าทำอย่างเต็มที่จะเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยสัญญาแล้วทำได้จริง นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมเทหมดหน้าตักแล้ว ถ้าเกิดคำว่า ไม่เทหมดหน้าตักแสดงว่า ยังมีก๊อกสองในกระเป๋า ผมมีอะไรในกระเป๋า ผมไม่มี ผมเต็มที่กับทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม รัฐธรรมนูญ เราพูดไปทุกเวที อาจยังไม่มีความชัดเจนเรื่องเวลา ถ้าชัดแล้วจะมีการขีดไทม์ไลน์”
รับไม่ได้ซื้อเก้าอี้ตร.-ก.ย.วิ่งกันขาขวิด
เมื่อถามถึงการซื้อขายตำแหน่งจะทำอย่างไรให้การซื้อขายหมดไป นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ใช่แค่ตำรวจอย่างเดียว แต่การให้เกียรติข้าราชการ ไม่ยอมรับการซื้อขายตำแหน่ง การซื้อขายตำแหน่งถือว่าเป็นการคอรัปชั่นที่ร้ายแรงและรัฐบาลนี้ไม่ยอมรับ ส่วนตัวดูกระทรวงการคลัง มอบนโยบายก็เน้นเรื่องนี้ ตนไม่ได้หลีกเลี่ยงประเด็นตำรวจ เพราะรู้ว่าข้าราชการตำรวจเสียเวลาอย่างมากการวิ่งเต้นโยกย้าย ขออภัย ผบ.ตร.ด้วย แต่เป็นเรื่องจริงที่ต้องพูด ก็จะกำกับเรื่องนี้ ถ้าพูดถึงความเป็นจริงเรื่องซื้อขายตำแหน่งอย่างไรก็ไม่หมดไป แต่ต้องทำให้เหลือน้อยที่สุด เท่าที่ทำได้ ไม่ได้ยอมรับการซื้อขายตำแหน่ง แต่เราต้องอยู่กับความเป็นจริง เดือนก.ย.ก็เป็นเดือนที่ร้อนแรงเหลือเกิน ตนคนที่ไม่รู้จักกัน 20-30ปี ก็ส่งเข้ามา ญาติกันเต็มไปหมดเลย ตนก็ไม่รู้ เยอะมากเกินไป ที่ปรึกษาที่คุยกันอยู่ให้ปรึกษา ไม่ได้ให้เอาคนมาฝากมันอะไรก็ไม่รู้ ตนจะรู้ได้อย่างไรคนไหนเก่งคนไหนดี ก็ต้องไปถามผู้บังคับบัญชา เป็นความลำบากใจเหมือนการที่ต้องจัดลำดับความเหมาะสมระหว่างภาคการเมือง ภาคธุรกิจและภาคราชการ ที่ต้องให้ความสำคัญ แต่ยืนยันแกนของการทำงานให้ความเป็นธรรมมากที่สุดกับภาคราชการ
ไหว้สวยเพราะแม่สอนให้เกียรติผู้อื่น
เมื่อถามอีกว่า นายกฯ เป็นคนไหว้สวย นายเศรษฐา กล่าวว่า คุณแม่สอนไว้ว่า การไหว้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นความประทับใจแรกพบ เป็นการเริ่มต้นที่ดี ถ้าทักทายเหมาะสม เป็นการให้เกียรติให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นใคร ต้องให้ความเสมอภาคตรงนี้ ส่วนที่บอกว่าจะนอนทำเนียบนั้น จริงเพราะบ้านที่ตนอยู่เล็ก ต้องมีตำรวจไปดูแลเพื่อนบ้านจะเดือดร้อน รวมถึงต้องใช้เวลาเดินทางเยอะ ไม่อยากเป็นภาระกับตำรวจและหน่วยรักษาความปลอดภัย คนที่เป็นภาระคือฝ่ายเลขาฯระหว่างตนทานอาหารเช้า 06.30 น.ก็ต้องมีคนมาสั่งงานได้แล้ว ตนยอมเป็นภาระกับกลุ่มเลขาฯสี่ห้าคนเท่านั้น โดยจะไปนอน 3-4วันต่อสัปดาห์ ถ้ามีภารกิจตอนค่ำก่อนนอน ก็สามารถสั่งงานก่อนนอนได้ ยืนยันทำงานเต็มที่ เทหมดหน้าตัก จริงๆ ก็ต้องทำงานหนักจริงๆ ตอนเจอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ก็เตือนให้ระวังคนจะหาว่าสร้างภาพ ตนเข้าใจในความหวังดี เพราะโดนแน่นอน
เมื่อถามว่า อยากเขียนประวัติให้คนจดจำตัวเองอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่อยากเขียนเรื่องราวตัวเอง แต่อยากให้ประชาชนเขียนเรื่องราวของตน อยากให้ประชาชนเห็นว่า ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างไร ความแตกแยกของสังคม ทั้งความต่างวัย ต่างความคิดเราสามารถอยู่กันได้ โดยไม่พูดจาด้อยค่ากันด้วยคำหยาบคาย อยากให้สังคมดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อจะหมดวาระ
นั่งหัวโต๊ะถกครม.ก่อนบินนิวยอร์ก
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนที่เวลา 11.15น.จะเดินลงจากตึกไทยฯ เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นครั้งที่ 2 ที่ห้องประชุม501 ตึกบัญชาการ1 โดยการประชุมเลื่อนมาวันนี้ เนื่องจากนายกฯมีกำหนดเดินทางเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA78) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 18 - 24 ก.ย.66 ผู้สื่อข่าวถามว่า จะนอนที่ทำเนียบฯเมื่อไหร่ นายกฯ กล่าวว่า “ยังตกแต่งไม่เสร็จ” เมื่อถามย้ำว่า จะนอนบนตึกไทยใช่หรือไม่ ไม่ได้นอนบ้านพิษณุโลก นายกฯ กล่าวว่า “แน่นอน” ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการประชุม ครม.มีรัฐมนตรีแจ้งลาประชุม 2คน ได้แก่ 1.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ 2.นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.การต่างประเทศ
ยันเงินดิจิทัลใช้ได้ไตรมาสแรกปี67
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวระหว่างร่วมเสวนาหัวข้อ “Future Perfect เปิดมุมคิด พลิกอนาคต” ในงานเสวนา Thairath Forum 2023 ตอนหนึ่งถึงเรื่องเศรษฐกิจปากท้องว่า จะหารือเรื่องค่าไฟฟ้าที่ขณะนี้สามารถปรับลดไปอยู่ที่ 4.10บาทต่อหน่วย ซึ่งอยากให้ลดลงอีก ซึ่งสั่งการและเจรจาให้แตะลงมาถึงเลข 3 หากได้รับความร่วมมือก็อาจจะได้เห็นเร็วขึ้น
นายเศรษฐากล่าวต่อว่า นโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต ยืนยันจะดำเนินการให้ได้ช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า ไม่ต้องเถียงกันว่า เป็นประชานิยมหรือไม่ เพราะหลายรัฐบาลก็มีการทำเรื่องนี้มา เพื่อนำเงินใส่กระเป๋าให้กับประชาชน ซึ่งเรื่องนี้จะต้องพูดคุยรายละเอียดทั้งเรื่องของระยะทาง ที่อยากให้มีการจับจ่ายในหัวเมืองต่างๆของแต่ละจังหวัด ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ในระยะสั้น เชื่อว่าก่อนที่ตนจะประกาศความชัดเจนว่าจะเริ่มเมื่อใด น่าจะมี การเร่งผลิตและการจ้างงานเพื่อมารองรับ รวมถึงแนะให้ผู้ประกอบการทำการตลาด เพื่อทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี ทั้งนี้ตัวชี้วัดของนายกรัฐมนตรีคือ ระยะเวลา และตัวเลข GDP ส่วนในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ คือ 1 ในมาตรการระยะสั้นที่รัฐบาลให้ความสำคัญ
คาดพย.ประกาศค่าแรงขั้นต่ำได้
นอกเหนือจากการลดค่าใช้จ่าย ก็คือเพิ่มรายได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อว่า ก่อนปีใหม่ ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2566 คาดว่าจะสามารถประกาศค่าแรงขั้นต่ำได้ และต้องดูตามความเหมาะสม เพราะหลายภาคส่วนก็มากกว่าขั้นต่ำอยู่แล้ว โดยรัฐบาลได้มีการพูดคุยกับSMEs ภาคอุตสาหกรรมบ้างแล้ว ซึ่งถ้าเห็น Roadmap ของรัฐบาลในการเพิ่มรายได้ การเปิดตลาดใหม่ ๆ และมีมาตรการต่อเนื่องเป็นระยะ ก็จะมีแรงจูงใจ รัฐบาลก็สามารถประกาศได้อย่างมั่นใจ เพราะภาคเอกชนก็ส่วนสำคัญ ต้องมองให้ครบทุกมิติ รัฐบาลเข้าใจ และขอรับข้อมูลให้ครบทุกส่วนก่อน เพื่อได้สั่งการอย่างเหมาะสม และมีแผนที่ชัดเจนออกมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีคาดว่า น่าจะได้แผนช่วงปีใหม่ ส่วนเรื่องราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20บาทตลอดสาย คาดว่าหากทำภายใน 3 เดือนอาจจะยาก แต่จะเริ่มดำเนินการในทันที โดยได้พูดคุยกับนักกฎหมาย จากปัญหาสะสมมานาน ทั้งเรื่องค้างค่าใช้จ่ายกับภาคเอกชน การประมูลสายสีส้ม การเชื่อมต่อระบบ การใช้ตั๋วใบเดียว ซึ่งหลาย สายที่ได้ไปดูมามีรูปแบบการขึ้นรถต่างกัน พร้อมยืนยันว่าได้เริ่มทำงานแล้ว
เดินหน้าแก้ปัญหาเหลื่อมล้ำ
นายเศรษฐา ยังกล่าวในประเด็นแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำว่า ได้พูดคุยกับอธิบดีกรมสรรพากรคนใหม่ ทั้งในเรื่องภาษีที่ดิน ภาษีโรงเรือน ภาษีมรดก ภาษีลดความเหลื่อมล้ำทั้งหลาย ซึ่งภาษีมรดก เก็บได้ประมาณ 200 ล้านต่อปี ซึ่งมองว่า เป็นเชิงสัญลักษณ์มากเกินไปและอาจมีหลายคนไม่พอใจ ถ้าตนจะไปขุดขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้ หลักการของภาษีคือ มีรายได้มาก็ต้องจ่ายภาษี ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากอะไร ในอัตราที่เหมาะสม ส่วนกรณีปลัดกระทรวงการคลัง มีการเซ็นกฎหมายเกี่ยวกับการลงทุนในต่างประเทศ ถ้านำเงินกลับเข้ามาต้องเสียภาษี เริ่มต้น 1 มกราคม ซึ่งเป็นนโยบายที่ดีมากต่อยอดมาจากรัฐบาลที่แล้วที่ดูแลเรื่องความเหลื่อมล้ำ รัฐบาลจะมีออกมาเรื่อย ๆ โดยยึดหลักว่าต้องตอบโจทย์และยุติธรรมกับทุกฝ่าย
ครม.เคาะลดค่าไฟอีก11สต.เหลือ3.99บ.
วันเดียวกัน นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข่าวดีเรื่องราคาพลังงานว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รายงานที่ประชุมถึงผลหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีข่าวดีว่า จากมติ ครม. เมื่อวันที่ 13 กันยายนจะลดค่าไฟฟ้าเหลือ 4.10 บาทต่อหน่วย ล่าสุดมีมติจะลดเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย เริ่มตั้งแต่งวดบิลเดือนกันยายนทันที โดยการปรับลดนี้ยังเป็นไปตามกฎระเบียบ ไม่ฝ่าฝืนวินัยการเงินการคลัง ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อน ครม.ปรับลดราคาค่าไฟจาก 4.35 บาทต่อหน่วย เหลือ 4.10 บาทต่อหน่วย โดยในวันนี้ลดเพิ่มอีก 11 สตางค์ เหลือ 3.99บาทต่อหน่วย เพื่อให้ประกาศใช้ทันในรอบบิลนี้ (มีผลบังคับใช้ตั้งแต่รอบบิล กันยายน-ธันวาคม 2566) โดยก่อนหน้าภาคเอกชนเรียกร้องให้มีการลดค่าไฟฟ้าเหลือ 4.20 บาทต่อหน่วย แต่รัฐบาลลดได้มากกว่าที่เอกชนได้ร้องขอไว้ โดยแนวทางนี้เป็นแนวทางที่นายกรัฐมนตรีบอกว่า ต้องการให้ค่าไฟต่ำกว่า 4 บาทต่อหน่วย.
‘ชัชชาติ’พบนายกฯช่วยแก้ปัญหากทม.
เวลา 13.15น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดโอกาสให้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร พบหารือข้อราชการร่วมกันเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะกรรมการเร่งรัดพัฒนากรุงเทพมหานคร นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนกับ นายชัชชาติ รู้จักกันมานาน จำได้ นายชัชชาติ มาหาตนที่ทำงานเก่า โดยตนยังบอกว่า ท่านน่าจะสมัครเป็นนายกฯไปเลย ไม่ต้องผู้ว่าฯหรอก ท่านยังบอกว่า ขอเป็นผู้ว่าฯดีกว่า และให้ตนมาเป็นนายกฯแทน เราจะได้ทำงานร่วมกันเหมือนพี่ๆน้องๆ มานั่งคุยกันอย่างสบายๆ วันนั้นจริงๆ ก็ไม่นึกไม่ฝันจะมีบรรยากาศอย่างวันนี้ วันนี้เรามานั่งคุยตรงนี้เกิดจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วตนรับประทานอาหารกลางวันแบบเป็นกันเองกับผู้ว่าฯและนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ดำริกันว่าจะตั้งคณะกรรมการชุดเล็กขึ้นมาประมาณ 6-7คน ในการขับเคลื่อนกรุงเทพฯโดยการใช้นโยบายเป็นหลัก ส่วนเรื่องการใช้งบประมาณคงมีน้อยมาก
ตั้งกรรมการชุดเล็กร่วมกันบริหารงาน
ด้าน นายชัชชาติ กล่าวว่า ทำงานมา 1ปีพบว่า ปัญหาของกรุงเทพฯค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากการประสานของหน่วยงาน เพราะกทม.มีอำนาจค่อนข้างจำกัด ฉะนั้นถ้าหากเรามีการประสานงานที่เข้มข้นและมีทิศทางที่ชัดเจนจากฝ่ายบริหาร ปัญหาหลายๆ ที่เจอก็จะบรรเทาไปได้มาก จึงกราบเรียนนายกฯ ว่า อยากให้มีคณะกรรมการที่เป็นคณะทำงานเพียงไม่กี่คน ที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น รมว.มหาดไทย รมว.คมนาคม ตำรวจ นายกฯและเลขาธิการนายกฯและผู้ว่าฯกทม.ซึ่งเป็นกลุ่มทำงานโดยไม่เน้นเมกะโปรเจ็กต์ ไม่เน้นการลงทุน แต่เน้นเรื่องการผลักดันสิ่งที่เป็นข้อปัญหาติดขัดต่างๆ
ขณะที่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับสิ่งที่ นายชัชชาติ เสนอมา หน้าที่ตนสนับสนุนน้องชายที่ดูแลภาคส่วนที่ใหญ่ของกรุงเทพฯและจะช่วยสั่งการในหน่วยงานที่ผู้ว่าฯไม่มีอำนาจสั่งการโดยตรง ก็จะสั่งการผ่านคณะทำงานเล็กๆของเรา ถ้าเป็นชุดใหญ่ก็จะเป็น นายอนุทิน จะเป็นเรื่องการไฟฟ้าก็ทำได้หลายอย่าง ขณะที่กระทรวงคมนาคมก็มีเรื่องรถเมล์รถไฟฟ้า ผบ.ตร.ก็เป็นเรื่องการจราจรความปลอดภัยกับนักท่องเที่ยว สกัดการโกงกิน วันนี้ที่เราพูดคุยกันจะมีคณะกรรมการเกิดขึ้น จะมีการนำเสนอผลงานและขั้นตอนการทำงานต่างๆให้กับสื่อมวลชนฟังอย่างต่อเนื่อง เป็นเพียงการพูดคุยกันและแจ้งให้ทราบเฉยๆ
แก้รธน.ไม่เกี่ยวอายุรบ.-ชี้วาระสำคัญ
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งคณะกรรมการศึกษาเพื่อทำประชามติ ซึ่งเหมือนกับรัฐบาลจะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญแล้ว จะใช้การแก้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องป้องกันว่า รัฐบาลจะมีอายุยาวจนกว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะเสร็จว่า การตั้งคณะกรรมการจัดทำประชามติเป็นส่วนหนึ่งของการแก้รัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ฉะนั้น เรื่องนี้รัฐบาลไม่มีประเด็นที่จะไปทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญยืดเยื้อ แต่เป็นไปตามขั้นตอนต่างๆ แต่ละขั้นตอนใช้เวลาพอสมควร ซึ่งตนคิดว่ารัฐบาลก็เร่งอยู่ เพราะวาระนี้เป็นวาระสำคัญ ก็เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและขั้นตอนแต่ละขั้นตอนต้องเริ่มให้ถูกต้อง โดยเขาเริ่มจากการทำประชามติเสียก่อน แล้วค่อยเข้าสู่กระบวนการต่อๆ ไป” นายประเสริฐ กล่าว เมื่อถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีนัยถึงอายุของรัฐบาลหรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า มองว่าไม่เกี่ยวกันเพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่รัฐบาลมีความตั้งใจอยู่แล้ว ส่วนการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่จะดูแลพี่น้องประชาชนก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำอยู่แล้วตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาบริหารประเทศ
‘อนุทิน’แจงร่วมศึกษาปมแก้รธน.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) กล่าวถึงนโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล ที่ฝ่ายค้านมองว่า การตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการจัดทำประชามติเป็นการซื้อเวลาออกไป ว่า ก็ต้องร่วมกันดำเนินการ เพราะเป็นเจตนารมณ์ร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตยสูงสุด ดังนั้นทุกอย่างต้องรอบคอบ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้แก้ได้บ่อยๆ เราต้องดูว่ามันก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนหรือไม่เพิ่มขอบข่ายไปที่ประชาชนหรือไม่ ไม่ใช่เพิ่มที่พรรคการเมือง รัฐมนตรี หรือสส.ตนยืนยันมาตลอดทุกคนก็เห็นพ้องต้องกัน
‘อดิศร’ไม่ยุ่ง’พิธา’ไขก๊อกหน.ก้าวไกล
นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เพื่อเปิดทางให้ สส.ทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตนไม่อยากไปก้าวก่ายแทรกแซงพรรคการเมืองที่มีโอกาสเป็นผู้นำฝ่ายค้าน เพราะเป็นกิจการภายในของพรรคนั้น แต่ติดที่รัฐธรรมนูญซึ่งกำหนดว่า พรรคที่จะเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ต้องไม่เป็น ครม.ประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯทั้งนี้ แม้พรรค ก.ก.จะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่แล้ว แต่หากยังมีรองประธานสภาฯคนที่1อยู่ ก็จะดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านไม่ได้ ซึ่งจะตกไปที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แต่พรรค ปชป.ยังเลือกหัวหน้าพรรคไม่ได้ ทั้งนี้ ตำแหน่งรองประธานสภาฯเมื่อมีการเลือกไปแล้วก็ถือว่าสิ้นสุด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และเป็นสิทธิ์ของ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่1 ที่จะอยู่หรือไป ตนเป็นคนหนึ่งที่เลือกนายปดิพัทธ์ เป็นรองประธานสภาฯ อย่างไรก็ตาม ก็แล้วแต่พรรค ก.ก.คิด ตนไม่แทรกแซง
เมื่อถามว่า ตำแหน่งรองประธานสภาฯ เดิมทีเป็นข้อตกลงของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ขณะนี้พรรค ก.ก.เป็นฝ่ายค้าน นายอดิศร กล่าวว่า เลือกไปแล้วเลือกไปเลย ในอดีต นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ก็เคยเป็นประธานรัฐสภาในขณะที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน ก็สามารถทำหน้าที่ได้ ไม่กระทบกระเทือนอะไร เมื่อถามต่อว่า ไม่ได้ติดใจอะไรใช่หรือไม่ นายอดิศร กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของท่าน หากให้ความเห็นไปเดี๋ยวจะหาว่าเราแซะอะไร แต่ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯมีความสำคัญตามนัยยะของรัฐธรรมนูญ หากขาดตำแหน่งนี้ไปโอกาสที่จะคัดสรรองค์กรอิสระ หรือทำหน้าที่ต่างๆ ในคณะผู้นำฝ่ายค้านก็จะเป็นรัฐบาลเงาก็จะขาดหายไป
‘เป็นธรรม’หนุน’ก.ก.’นั่งผู้นำฝ่ายค้าน
นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม (ปธ.) กล่าวถึงกรณี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์พรรคก้าวไกล (ก.ก.) วางแผนเหนือเมฆ เลือกหัวหน้าคนใหม่เป็นผู้นำฝ่ายค้าน ประชุมลงมติขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก ออกจากพรรค อ้างเหตุขัดมติที่ขอให้ลาออกจากในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่1 แล้วหาพรรคใหม่ 30วัน เช่น สมัครเป็นสมาชิกพรรค ปธ.ทำให้ทั้ง 2เก้าอี้ ว่า การประชุมพรรค ปธ.เมื่อวันที่ 16 ก.ย.สมาชิกได้ซักถามกรณีดังกล่าว ซึ่งตนได้ชี้แจงว่า พรรค ปธ.รู้สึกเสียใจและเสียดาย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ลาออกหัวหน้าพรรค แต่เข้าใจบริบทการเมือง จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ในปัจจุบัน และตนเห็นด้วยอยู่แล้วว่าพรรค ก.ก.ควรจะต้องเป็นผู้นำฝ่ายค้านในรัฐสภา เนื่องจากพรรค ก.ก.มีคุณสมบัติครบ เพียงแต่ว่าให้พรรค ก.ก.หาบุคคลที่มีความเหมาะสมที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคเท่านั้นเอง ฉะนั้น ตามกติกาปัจจุบัน สมควรอย่างยิ่งที่พรรค ก.ก.จะต้องเป็นผู้นำฝ่ายค้านมากกว่าพรรคการเมืองอื่น ที่เป็นฝ่ายค้านด้วยกัน ซึ่งพรรค ปธ.ก็สนับสนุน และรอฟังข่าวในฐานะผู้ร่วมอุดมการณ์ว่าจะเลือกใครที่เหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรคแทนนายพิธา ซึ่งทำมาตรฐานไว้สูงมาก คนที่จะมาทำต่อก็จะเหนื่อยหน่อย
นายปิติพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องรองประธานสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าพรรคก.ก.จะบริหารกรณีของ นายประดิพัทธ์ อย่างไร ฉะนั้น การที่มีคนใดคนหนึ่งมานำเสนอความคิดเรื่องราวต่างๆ ตนถือว่ายังเร็วไป พูดง่ายๆ ก็คือฝนยังไม่ตกก็ยังไม่ต้องกางร่ม พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินก็ยังไม่ต้องเปิดไฟ แต่ทั้งนี้พรรค ปธ.พร้อมที่จะดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ฉะนั้น ถ้ามีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น พรรค ปธ.ก็พร้อมที่จะเปิดกว้างและยินดีต้อนรับ ส.ส.ทุกคนอยู่แล้ว เมื่อยังไม่มีการแสดงเจตนารมณ์ การที่พรรค ปธ.จะไปตกปลาในบ่อเพื่อนหรือการซื้อตัว สส.ไม่มีในแนวคิด ถ้าจะมาร่วมกับพรรค ปธ.ด้วยความตั้งใจและอุดมการณ์เดียวกันมากกว่า ที่จะมาด้วยบริบทอื่น สส.แต่ละคนก็มีสังกัดตัวเอง การที่ใครระบุว่าเป็นการฝากเลี้ยงอันนี้คิดว่าไม่ถูกต้องในบริบททางการเมือง เพราะแต่ละพรรคก็มีสมาชิกของตัวเองและมีการบริหารของตัวเอง เปรียบว่าพรรค ปธ.ก็มีบ้านของตัวเอง พรรค ก.ก.ก็มีบ้านตัวเอง เราอยู่กันคนละหลัง เพียงแต่เราอยู่ในหมู่บ้านประชาธิปไตยเหมือนกัน ไม่ใช่หมายความว่า มาแล้วเป็นการฝากเลี้ยงพวกเราพรรค ปธ.เข้ามาทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ใครจะถูกขับออกจากพรรคก็เอาพรรค ปธ.เข้าไปเกี่ยวคล้ายๆ ตอนนี้พรรคเป็นพรรค ปธ.เป็นพรรคกระสุนตกเกี่ยวกับเขาทุกเรื่อง แต่ไม่เป็นไร เพราะเราเข้าใจว่า การเมืองก็เป็นอย่างนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี