‘ชาดา’ฮึ่ม! มาเฟีย
‘ใครจะมาใหญ่กว่าผม’
ลุยทำบัญชีผู้มีอิทธิพล
“อนุทิน” มอบนโยบายจัดทัพใหญ่“พ่อเมืองทั่วไทย” ประกาศพร้อมล้างบาง“มาเฟีย”ให้สิ้นซาก ยาหอม ขอเป็น“หนู”ช่วยซัพพอร์ตเหล่า“ราชสีห์”ยันเร่งตรวจสอบเช็คบิล ฮั้วประมูล-มาเฟีย ย้ำต้องยึดหลักฐานชัด-ก.ม.เฉียบขาด หากพบจนท.เอี่ยวฟันตามกฎหมาย ด้าน‘ชาดา’มือปราบมาเฟีย เผย ลุย‘ทำบัญชี-จัดกลุ่มสี’ผู้มีอิทธิพลทั่วไทยคืบแล้ว20-30% ตอบปมถูกแทรกแซงล็อบบี้กาชื่อออก ฮึ่ม!‘ใครจะมาใหญ่กว่าผม คือ ผมตัวใหญ่นะ’
เมื่อเวลา 08.45 น.วันที่ 18 กันยายน 2566 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมีนายทรงศักดิ์ ทองศรี นายชาดา ไทยเศรษฐ์ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง ผู้ว่าราชจังหวัดทั่วประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
นายอนุทินกล่าวตอนหนึ่งถึงนโยบายการจัดระเบียบสังคมและผู้มีอิทธิพลว่า เมื่อพูดถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพล คนส่วนใหญ่คิดไม่ออกว่าต้องทำอย่างไร เราต้องมาตั้งหลักกันใหม่ สำหรับกระทรวงมหาดไทย ผู้มีอิทธิพล หมายถึง คนที่ใช้อำนาจที่มีอยู่ในทางมิชอบ ไม่จำเป็นต้อง เป็นนักเลงหัวไม้ ไม่จำเป็นต้องเป็นอันธพาล คนดีๆแบบนี้ที่ใช้อำนาจในทางมิชอบ ข่มเหงคนอื่นและก่อประโยชน์ส่วนตน ทำให้คนอื่นเดือดร้อน กีดกันคนอื่นไม่ให้ได้รับโอกาสเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นอำนาจรัฐ อำนาจบารมีในท้องถิ่น อำนาจเงิน อำนาจสายสัมพันธ์ต่างๆ
พร้อมย้ำอีกว่าถ้าใช้อิทธิพล ประกอบคุณงามความดี เป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญ แต่ใช้อิทธิพลก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายต่อสังคมและประเทศชาติ นี่คือ สิ่งที่ต้องกำจัด หน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยมุ่งจัดระเบียบสังคมให้สงบสุข ทำบ้านเมืองให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ปลอดอบายมุข ยาเสพติด ประชาชนมีความมั่นคง ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีทัศนคติที่ดีต่อบ้านเมือง สิ่งใดที่ขัดต่อความมุ่งหมายนี้ เราจะใช้กลไกของรัฐที่พวกท่านทั้งหลายถืออยู่ในมือ ต้องกำจัดให้สิ้นซากไป
“ผมชื่อเล่นชื่อหนู ภารกิจของท่านคือราชสีห์ แต่สำหรับผมราชสีห์คือประชาชน ให้หนูช่วยเถอะครับ อะไรที่ติดขัดก็มาบอก แล้วก่อให้เกิดผลประโยชน์ประชาชน ผมยินดีทำและรับผิดชอบร่วมกับ พวกเราทุกคนไปช่วยราชสีห์กัน ราชสีห์ก็คงไม่ตะปบเรา ราชสีห์ก็คงอยู่กับเราด้วยความสง่างาม ด้วยความสมบูรณ์ เราก็เป็นหนูที่ช่วยราชสีห์ มันก็อยู่กันได้ด้วยความสุข ไม่อย่างนั้นคงไม่อยู่ในนิทานอีสปหรอก” นายอนุทิน กล่าว
ทั้งนี้ นายอนุทิน กล่าวถึงการตรวจสอบการฮั้วประมูลในพื้นที่เชื่อมโยง นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก ตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศว่าจะนำไปสู่การขยายผลขณะนี้ก็ตรวจสอบหมดทั้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดของกระทรวงมหาดไทย ตรงไหนมีการเข้าข่ายฮั้วประมูล กีดกัน วางสเปก ใครเสนอราคามาแล้ว ไปเตะเขาออกแล้วไปให้คนที่สูงกว่าก็ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน โดยตนจะดูแลเรื่องนี้เอง ส่วนจะวางกรอบระยะเวลาเท่าไหร่นั้น ขณะนี้เราได้เริ่มดำเนินการแล้ว ขึ้นอยู่กับข้อมูล ในทางราชการ คือ ต้องมีหลักการมาประกอบ ใช้ความรู้สึกไม่ได้ เพราะความรู้สึกคิดได้หมด มั่นใจด้วย แต่ต้องมีเอกสารมาประกอบจึงเป็นสิ่งที่ท้าทาย ตนถึงต้องดำเนินการเอง ในภาพรวม เราจะต้องขอข้อมูลทุกฝ่ายทุกที่
“โครงการต่างๆที่ได้รับการร้องเรียนเข้ามามีเยอะมาก บางครั้งมีการทักท้วงแล้วก็ยังเดินหน้าต่อไป ไม่ให้ความสำคัญกับการทักท้วง ก็ต้องดำเนินการ ถ้าไปถามใครเขาก็ว่าถูกทุกคน เพราะเขาทำมาแล้ว ดังนั้นเราต้องหาหลักฐานเพื่อให้เห็นว่ามีสิ่งใดไม่ถูกต้อง ผลจะเป็นอย่างไรอยู่ที่หลักฐานที่ต้องควานหามาให้ได้ ผลจะเป็นอย่างไร ผมก็จะตั้งคณะกรรมการ คณะทำงานขึ้นมาดู” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่าหากพบว่ามีคนในไปเอี่ยวจะดำเนินการคาดโทษอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ก็เป็นไปตามกฎหมายทั้งนั้นยังไงก็ต้องเอี่ยวเพราะของพวกนี้ มันต้องร่วมกัน การทุจริต ทำฝ่ายเดียวไม่ได้
เมื่อถามถึงแนวทางป้องกันในอนาคต นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องปลูกฝังเพื่อที่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมให้มากที่สุด ใครที่ทำสิ่งไม่ดี ไม่ถูกต้อง ต้องดำเนินการด้วยกฎหมายที่เฉียบขาดให้เร็วที่สุด บางครั้งมันย้อนแย้งกัน บางทีกว่า จะรู้ว่าทุจริต โครงการก็สร้างเสร็จไปหมดแล้ว แล้วจะให้ไปทุบตึกทิ้งหรือ ในเรื่องการดำเนินคดี โชคดีหน่อยที่คดีไม่มีอายุความ ก็ต้องวางแนวทางต่อไปว่าใครจะมาทำต่อ ใครไม่ทำก็ถือว่าละเว้น
เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทยได้สั่งการและดำเนินการแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าไปลงรายละเอียด ตรงนี้อยู่ในนโยบายหลัก ตนมีหน้าที่ติดตาม เร่งรัดให้มีการตรวจสอบโดยเร็ว ตรงไหนแก้ได้ก็ต้องแฟร์ ไม่ใช่ต้องผิดทุกคน เราต้องยึดหลักฐาน ไม่มีอะไรชัดเท่าหลักฐาน
ด้าน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย กล่าวในรายละเอียดถึงนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้ตั้ง คณะกรรมการขึ้นมาแล้วและเป็นประธาน โดยตน เป็นรองประธาน มีปลัดกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ขณะที่การดำเนินการ จะเริ่มรวบรวมรายชื่อจากบัญชีเดิมเพื่อดูว่า มีการเปลี่ยนแปลงเช่นเสียชีวิตไปแล้ว เลิก หรือหายจากวงการไปหรือไม่ จากนั้น จะมาสำรวจข้อมูลใหม่ โดยแบ่งเป็น กลุ่มสี เช่น สีแดง สีเหลือง แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่เคย เป็นผู้มีอิทธิพล แต่เลิกไปแล้วด้วยรวมถึงกวาดบ้านดูแลหน่วยงานของตัวเองก่อน เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ท้องถิ่นทั่วประเทศ
เมื่อถามว่าในการกวาดบ้านตัวเองที่ จ.อุทัยธานีได้ดำเนินการแล้วหรือไม่ นายชาดา กล่าวว่า ของอุทัยธานีจบแล้วแบ่งกลุ่มสีแดง สีเหลืองเรียบร้อยแล้ว พบว่า สีแดงมีน้อยมากและหลายๆจังหวัดก็ดำเนินการอยู่ และยืนยันว่าเราจะดำเนินการจัดกลุ่มสีพร้อมกันทั้งประเทศ แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายเปิดกว้าง ไม่เหมือนในอดีต ในการมาเปิดชื่อ ต้องมีความระมัดระวัง
“ไม่ต้องห่วงในเรื่องนี้ ผมมีความเป็นธรรมอยู่แล้ว ปิดผมไม่ได้ ขณะนี้ได้รวบรวมข้อมูลจัดกลุ่มสีของผู้มีอิทธิพล ไปแล้วประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ สำหรับกรอบระยะเวลาการดำเนินการจะอยู่ที่เท่าไหร่นั้นเราจะดำเนินการให้เร็วที่สุด อย่าไปบีบเขา” นายชาดา ย้ำ
เมื่อถามถึงความกังวลในการเข้ามาแทรกแซงของผู้มีอิทธิพลเช่นการล็อบบี้เอาชื่อตัวเองออกจากบัญชีนายชาดา กล่าวพร้อมกับเราะว่า“ใครจะมาใหญ่กว่าผม คือ ผมตัวใหญ่นะ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี