งานจะกร่อยไหม? สมัชชาใหญ่ UN ครั้งนี้ไร้เงาผู้นำสูงสุดของ4รัฐบาลชาติมหาอำนาจเข้าร่วม

เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2566 Deccan Herald นสพ.ท้องถิ่นของรัฐกรณาฏกะ ประเทศอินเดีย รายงานข่าว This is not a 'vanity fair': UN chief Guterres on absence of all but one UNSC P5 leaders at UNGA high-level week ระบุว่า ในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) ประจำปี 2566 จะมีเพียง โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำประเทศเพียงคนเดียวของกลุ่ม 5 ชาติสมาชิกถาวรของ UN และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) อันประกอบด้วย สหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน ที่เข้าร่วมประชุม

อันโตนิโอ กูเตร์เรส (Antonio Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า การประชุมครั้งนี้ไม่ใช่งานไร้สาระ และความมุ่งมั่นของรัฐบาลในประเด็นเร่งด่วนระดับโลกต่างๆ มีความสำคัญมากกว่าการมีหรือไม่มีผู้นำคนใดคนหนึ่ง ทั้งนี้ ริชี ซูแน็ก (Rishi Sunak) นายกรัฐมนตรีอังกฤษ , เอ็มมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีฝรั่งเศส , วลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) ประธานาธิบดีรัสเซีย และ สีจิ้นผิง (Xi Jinping) ประธานาธิบดีจีน ไม่ได้เข้าร่วมประชุม

“ก่อนอื่น นี่ไม่ใช่งานไร้สาระ นี่คือองค์กรทางการเมืองที่มีรัฐบาลเป็นตัวแทน และสิ่งสำคัญก็คือพวกเขาจะถูกนำเสนอโดยบุคคลที่สามารถสันนิษฐานได้ว่าดีกว่าความจำเป็นในปัจจุบัน ผมก็เลยไม่ค่อยกังวลว่าใครจะมา สิ่งที่ผมกังวลคือเพื่อให้แน่ใจว่าประเทศต่างๆ อยู่ที่นี่ และพวกเขาพร้อมที่จะรับภาระผูกพันที่จำเป็นในการทำให้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่ได้ดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้องกลายเป็นความจริง และเพื่อการนั้น เราจำเป็นต้องมีพันธสัญญาในเรื่องที่สำคัญมากหลายประการ” เลขาธิการ UN กล่าว

แม้ผู้นำของรัฐบาลชาติมหาอำนาจทั้ง 4 จะไม่เข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในปีนี้ แต่ก็ยังส่งตัวแทนเข้าร่วม อาทิ โอลิเวอร์ ดาวเดน (Oliver Dowden) รองนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ , แคเธอรีน โคลอนนา (Catherine Colonna) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุโรปและการต่างประเทศของฝรั่งเศส , เซอร์เก ลาฟรอฟ (Sergey Lavrov) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย และ หานเจิ้ง (Han Zheng) รองประธานาธิบดีของจีน

กูเตร์เรส กล่าวต่อไปว่า ประชาคมระหว่างประเทศต้องตระหนักว่า เรามีระบบการเงินระหว่างประเทศที่ไม่ยุติธรรม ผิดปกติ และล้าสมัย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการปฏิรูป และเราได้ยื่นข้อเสนอมาตรการกระตุ้น SDGs แล้ว ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อน ในงานแถลงข่าวที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ กูเตร์เรสถูกถามเกี่ยวกับ ปธน.ไบเดน ที่เป็นผู้นำเพียงคนเดียวจากกลุ่ม 5 ชาติสมาชิกถาวรที่จะเข้าร่วมการประชุมระดับสูง และสิ่งที่กล่าวถึงเกี่ยวกับประวัติของงาน

โดยในการแถลงข่าวดังกล่าว เลขาธิการ UN ให้ความเห็นว่า ตนไม่คิดว่าเป็นเพราะเรามีหรือไม่มีผู้นำของประเทศใดที่การประชุมสมัชชาใหญ่จะมีความเกี่ยวข้องมากกว่าหรือเกี่ยวข้องน้อยกว่า สิ่งสำคัญคือความมุ่งมั่นที่รัฐบาลพร้อมที่จะให้ไว้เกี่ยวกับ SDGs ที่เกี่ยวข้องกับแง่มุมอื่นๆ มากมายของสัปดาห์นี้ ดังนั้นนี่ไม่ใช่งานไร้สาระ อย่างไรก็ตาม มีประมุขของรัฐและผู้นำรัฐบาลจำนวนมากที่กำลังมา นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะสิ่งที่สำคัญไม่ใช่การมีอยู่ของผู้นำคนนี้หรือผู้นำคนนั้น แต่คือความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ของการประชุมสุดยอด

จอห์น เคอร์บี (John Kirby) ผู้ประสานงานสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (NSC) เพื่อการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ถูกถามในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2566 เกี่ยวกับการที่มีเพียงผู้นำสหรัฐฯ ชาติเดียวในกลุ่ม 5 ชาติ UNSC เข้าร่วมประชุมสมัชชาใหญ่ของ UN ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเขาชี้แจงว่า จะไม่พูดแทนผู้นำต่างชาติคนอื่นๆ และการตัดสินใจของพวกเขาว่าจะเข้าหรือไม่เข้าร่วม แต่ ปธน.สหรัฐฯ มาที่นี่เพื่อทำงาน และนั่นจะไม่เปลี่ยนแปลง

“สิ่งที่พยายามทำให้สำเร็จ การประชุมที่จะมี ความก้าวหน้าที่เราจะพยายามติดตาม จะไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าสมาชิกคนอื่นๆ ของสมาคมจะเป็นอย่างไร สมาชิกถาวรของ UNSC จะอยู่ที่นี่หรือไม่ แน่นอนว่าพวกเขาต้องตัดสินใจว่าการเข้าร่วมงานจะเป็นอย่างไร แต่ ปธน.สหรัฐฯ มั่นใจอีกครั้งว่า เรากำลังดำเนินโครงการริเริ่มที่เป็นรูปธรรมและจับต้องได้ที่นี่ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาโลก ไปจนถึงสุขภาพโลก และขอย้ำอีกครั้งว่านั่นจะไม่ขึ้นอยู่กับผู้นำคนใดคนหนึ่งที่อยู่ที่นี่หรือไม่” เคอร์บี กล่าว

รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ประมุขแห่งรัฐ หัวหน้าคณะรัฐบาล ผู้นำโลก และรัฐมนตรีต่างประเทศเดินทางมาถึงสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติเพื่อร่วมสัปดาห์ระดับสูงประจำปีที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “รางวัลออสการ์ของการทูต” โดยมีวาระการประชุมเกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน การจัดหาเงินทุนเพื่อการพัฒนา การดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ และการตอบสนองต่อโรคระบาด ถือเป็นประเด็นสำคัญระดับโลกในเซสชั่นนี้

ธีมของการอภิปรายทั่วไปคือ "การสร้างความไว้วางใจและการจุดประกายความสามัคคีระดับโลกอีกครั้ง: การเร่งดำเนินการในวาระปี 2030 และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง ความก้าวหน้า และความยั่งยืนสำหรับทุกคน" ทั้งนี้ เอส.ไจแชนการ์ (S Jaishankar) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย จะเข้าร่วมอภิปรายในงานนี้ ในวันที่ 26 ก.ย.2566 ด้วย

- 006