ไม่รับ‘เงินเดือน/เบี้ยประชุม’
‘เศรษฐา ใจหล่อ
ส่งช่วยมูลนิธิ-กลุ่มเปราะบาง
ยันเป็นความประสงค์ส่วนตัว
นายกฯเยือนกัมพูชาสุดชื่นมื่น
ย้ำกระชับสัมพันธ์ในทุกระดับ
“นายกฯ”นำคณะบินเยือนกัมพูชาเป็นทางการ นายกฯไทย-กัมพูชาพบปะครั้งแรกหลังรับตำแหน่งใหม่ ย้ำมิตรภาพสองชาติ ยืนยันความใกล้ชิด-หุ้นส่วนยุทธศาสตร์
หารือความร่วมมือ‘เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว-มั่นคง’ทุกระดับพร้อมร่วมมือปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ติดตามข่าวปลอม‘เศรษฐา’ไม่รับ‘เงินเดือน-เบี้ยประชุม’ขอส่งต่อให้มูลนิธิต่างๆต่อยอดเพื่อช่วยกลุ่มเปราะบาง แจงเป็นความประสงค์ส่วนตัว อย่ากดดันรมต.ทำตาม ให้ฝ่ายกม.ดูตามกฎเหล็กบริจาค3พัน ‘ก้าวไกล’โยนกก.บห.สรุป11ปธ.กมธ.สัปดาห์หน้า ฮือฮา!‘วิโรจน์’คุมกมธ.ทหาร ‘อดิศร’เบรก’ก้าวไกล’ขับ’หมออ๋อง’พ้นพรรค ชี้เขาผิดอะไร เตือนอย่าเล่นปาหี่ ด้าน ทสท.แบะท่า พร้อมรับ ‘หมออ๋อง’หากถูก’ก้าวไกล’ขับออก ‘ชัยชนะ‘ยัน25สส.ปชป.ไม่คิดย้ายพรรค ลั่นอยู่จนหมดสมัยสภา เชื่อได้ หน.คนใหม่ ปลายต.ค.-ต้นพ.ย. ‘จุรินทร์’ยันสัมพันธ์ภายในปชป.ดีขึ้น พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาล ให้เกิดผลดีแก่ประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.10น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังพร้อมคณะออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ในโอกาสเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ
นายกฯนำคณะเยือนกัมพูชา
เวลา10.30น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลังพร้อมคณะเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ จากนั้น ในเวลา 11.00น.นายกรัฐมนตรีได้หารือทวิภาคีกับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต (H.E. Samdech Moha Borvor Thipadei Hun Manet) นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา
พบครั้งแรกหลังรับตำแหน่งใหม่
ก่อนการหารือนายกรัฐมนตรีทั้งสองต่างแสดงความยินดีต่อกันในโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาเดียวกันและมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศในทิศทางเดียวกัน โดยต่างย้ำมิตรภาพอันใกล้ชิดระหว่างสองประเทศและเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่จะเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ซึ่งนายกรัฐมนตรีทั้งสองประกาศยกระดับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์และนายกรัฐมนตรีไทยได้เชิญนายกรัฐมนตรีกัมพูชาให้มาเยือนไทยด้วย
ดัน‘ศก.-ท่องเที่ยว-มั่นคง’ทุกระดับ
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยผลการหารือร่วมกันทั้งในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชาเห็นพ้องตรงกันที่จะส่งเสริมความร่วมมือมากยิ่งขึ้นทั้งการค้า การท่องเที่ยว การลงทุน การพัฒนาพื้นที่ชายแดน และภาคเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการร่วมกันอำนวยความสะดวกและเพิ่มปริมาณการค้าให้บรรลุเป้าหมาย 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 รวมถึงผลักดันการขนส่งข้ามแดนโดยเร่งรัดเปิดใช้สะพานมิตรภาพที่บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท การสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ การยกระดับจุดผ่านแดน และร่วมกันในเศรษฐกิจดิจิทัลและสีเขียว
ในด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้ไทยและกัมพูชาส่งเสริมการท่องเที่ยว และเพิ่มความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ พร้อมทั้งขอให้กัมพูชาอนุญาตใช้บัตรผ่านแดนชั่วคราว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวตามแนวชายแดน ส่วนการลงทุน ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องที่จะสนับสนุนการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น รวมถึงเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้มีการจับคู่ธุรกิจมากขึ้น โดยเฉพาะ SMEs และผู้ประกอบการรุ่นใหม่
ด้านความมั่นคง นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้กัมพูชาจัดการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee: JBC) ครั้งต่อไป เพื่อเดินหน้ายกระดับจุดผ่านแดน เพิ่มปริมาณการค้าชายแดน และยังได้เสนอให้ทั้งสองประเทศเร่งเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามพื้นที่ชายแดน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และปูทางการพัฒนาเศรษฐกิจบริเวณชายแดน โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่า คณะทำงานของทั้งสองฝ่ายควรร่วมกันติดตามผล และนำการหารือของผู้นำทั้งสองในวันนี้ไปดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และนำกลับมารายงานให้ทราบ
ร่วมปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ข่าวปลอม
ทั้งนี้ นายกฯสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างหน่วยงานความมั่นคงในทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งอาชญากรรมข้ามชาติโดยเฉพาะบริเวณชายแดน พร้อมย้ำถึงการทำงานและความร่วมมือที่ใกล้ชิดเพื่อร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นอกจากนี้ นายกฯย้ำถึงความเป็นพันธมิตรด้านการพัฒนาที่แข็งแกร่งระหว่างกัน ซึ่งรวมถึงด้านการศึกษา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยพร้อมที่จะทำงานและร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกัมพูชา เพื่อช่วยกันติดตามข่าวปลอม (fake news) ที่อาจสร้างความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน เพื่อดำเนินการป้องกันอย่างทันท่วงทีเมื่อจำเป็น
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ร่วมทำพิธีส่งมอบเชิงสัญลักษณ์ศูนย์แรกรับเหยื่อการค้ามนุษย์และกลุ่มเสี่ยงในปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย ก่อนจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี
เยี่ยมคารวะฮุนเซน-เลี้ยงอาหารค่ำ
ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีเดินทางไปวางพวงมาลา ณ วิมานเอกราช (Independence Monument)และวางพวงมาลาถวายสักการะแด่ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พระบรมรัตนโกศ
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเข้าเยี่ยมคารวะ สมเด็จมหารัฐสภาธิการธิบดี ควน โซะดารี ประธานรัฐสภากัมพูชา ณ สภาแห่งชาติกัมพูชา รวมถึงเข้าเยี่ยมคารวะ สมเด็จวิบุลเสนาภักดี ซาย ชุม ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และประธานวุฒิสภากัมพูชา ณ วุฒิสภากัมพูชา
กำหนดการสุดท้าย นายกฯเข้าเยี่ยมคารวะ สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานองคมนตรีกัมพูชา พร้อมเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการ ที่ประธานองคมนตรีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ นายกฯเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงพนมเปญ เวลา19.00น.และจะเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร2(กองบิน 6) ดอนเมือง ประมาณ เวลา 20.20น.
นายกฯไม่รับ‘เงินเดือน-เบี้ยประชุม’
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ขอส่งต่อเงินเดือนและเบี้ยประชุมของทุกเดือน ที่ได้รับจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังตลอดการดำรงตำแหน่งให้มูลนิธิฯต่างๆเพื่อช่วยเหลือผู้เปราะบางที่ต้องการการช่วยเหลือ โดยนายกฯมีดำริว่า“การให้”เป็นเรื่องที่ดี ตามแต่กำลังศรัทธาของแต่ละคนนายกฯจึงตั้งใจเริ่มที่ตัวเองก่อน ขณะที่รัฐบาลเองมีหลายนโยบายที่พยายามอย่างมากในการมุ่งสร้างประโยชน์สุขและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนไทยโดยเฉพาะเรื่องการศึกษาซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมทำให้เด็กที่มีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบทั้งยังสามารถได้รับการศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง
ส่งให้มูลนิธิช่วยกลุ่มเปราะบาง
ทั้งนี้ เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งทั้งหมดของนายกฯและรมว.คลัง หลังจากได้รับมาแล้วรวมเป็นเงิน 125,590บาทต่อเดือน (เงินเดือนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 75,590 บาท เงินประจำตำแหน่ง 50,000 บาท) ขอส่งต่อให้กับกลุ่มที่เปราะบาง เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ทันที ทำได้เร็วกว่าการพึ่งระบบของรัฐที่ต้องใช้เวลา สิ่งที่ทดแทนไม่ได้ คือ หน้าที่ของรัฐที่ต้องดำเนินการสนับสนุนมูลนิธิต่างๆเป็นการช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง ต้องอาศัยการทำผ่านพ.ร.บ.ต่างๆตามกลไกของรัฐสภาในการดำเนินการเพียงอย่างเดียว
ประเดิม‘มูลนิธิเด็ก’แห่งแรก
สำหรับการคัดเลือกองค์กรที่จะได้รับความช่วยเหลือนั้นจะมีทีมงานเป็นผู้กำหนดเกณฑ์โดยครั้งแรกจะบริจาคให้กับมูลนิธิเด็ก (FOUNDATION FOR CHILDREN) ช่วยเหลือเด็กด้านปัจจัยพื้นฐาน การดำเนินชีวิตและสวัสดิการต่างๆให้เด็กมีพัฒนาการที่เหมาะสมทางร่างกาย สติปัญญาและจิตใจรวมถึงทางด้านการศึกษา ที่สามารถช่วยให้เด็กเข้าระบบการศึกษาได้อย่างถูกต้องต่อไป อย่างที่แจ้งไว้ การส่งต่อเงินเดือนเป็นเพียงแค่ส่วนแรก ซึ่งนายกฯ พยายามที่จะหาโอกาสไปพบปะพูดคุยกับองค์กรกลุ่มต่าง ๆ เพื่อรับฟังเสียง รับทราบถึงปัญหา และความเดือดร้อนของมูลนิธิที่กำลังเผชิญอยู่ เพื่อที่จะได้หาแนวทางแก้ไขต่อไป
‘เศรษฐา’ยันเป็นความประสงค์ส่วนตัว
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีที่จะส่งต่อเงินเดือนและเบี้ยประชุมของทุกเดือนที่ได้รับจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังตลอดการดำรงตำแหน่งให้มูลนิธิฯต่างๆว่า รับเงินเดือนมา แล้วจ่ายภาษี แล้วก็บริจาคซึ่งเป็นความประสงค์ของตน เมื่อถามว่าจะกลายเป็นการนำตัวอย่างให้กับรัฐมนตรีคนอื่นๆด้วยหรือไม่ นายกฯยืนยันว่า“ไม่ใช่ครับ ไม่ได้ครับ แต่เป็นความประสงค์ส่วนตัว อย่าไปกดดันท่านอื่นเลยเพราะความจำเป็นส่วนตัวเขามีทุกคน”
ให้ฝ่ายกม.ดูกฎเหล็กบริจาคเกิน3พัน
เมื่อถามว่าในแง่ของกฎหมายได้มีการปรึกษาฝ่ายกฎหมายหรือไม่ ในกรณีที่บริจาคเงินเกิน3,000 บาท จะผิดอะไรหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตนกำลังให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่ซึ่งทุกอันก็บริจาคไปตามมูลนิธิต่างๆที่ได้รับการตรวจสอบแล้วและช่วยเหลือภาคส่วนที่มีความต้องการความช่วยเหลือ ถือเป็นเจตนารมณ์เท่านั้น เมื่อถามว่าถือเป็นสิ่งที่ทำมาก่อนจะมาดำรงตำแหน่งนายกฯใช่หรือไม่นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็พยายามจะทำต่อไป แต่ไม่อยากพูดเยอะ เดี๋ยวจะหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ตนคิดว่าเงียบๆไปจะดีกว่า
‘พิชิต’ชี้เป็นตัวอย่างทำงานเพื่อปชช.
นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย ให้สัมภาษณ์กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ส่งต่อเงินเดือนและเบี้ยประชุมของตัวเองให้มูลนิธิต่างๆ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือว่า โดยหลักการแล้วการทำงานในตำแหน่งต่างๆของนายเศรษฐาต้องได้รับเงินเดือน เมื่อได้รับมาแล้ว ก็ถือเป็นทรัพย์สินของท่าน แต่ท่านก็ส่งต่อให้กับมูลนิธิต่างๆเพื่อเป็นการกุศล ทั้งเด็กด้อยโอกาส ผู้พิการซ้ำซ้อนซึ่งก็จะเฉลี่ยๆกันไปโดยไม่เกี่ยวกับองค์กรที่มีวัตถุประสงเพื่อการเมืองซึ่งสามารถทำได้เพราะไม่ได้อยู่ในช่วงเลือกตั้งที่กฎหมายห้ามไว้ ต่างจากการรับทรัพย์สินต่างๆ ที่กฎหมายเขียนห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐรับ
“ส่วนตัวมองว่าการบริจาคให้กับมูลนิธิต่างๆเช่นนี้ เป็นการแสดงออกถึงความทุ่มเททำงานให้กับประเทศชาติอย่างเต็มที่ โดยไม่หวังผลประโยชน์ใดๆเพราะทุกคนทราบดีว่าก่อนที่นายเศรษฐาจะเข้ามาสู่การเมืองมีความพร้อมในเรื่องนี้อยู่แล้ว ถือเป็นการส่งมอบโอกาสให้กับประชาชนคนไทย และเป็นตัวอย่างให้นักการเมืองได้ทุ่มเทเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง”นายพิชิต กล่าวย้ำ
ศิธาชี้นายกฯทำได้เพราะมีฐานะดีกว่า
ขณะที่ น.ต.ศิธา ทิวารี สมาชิกพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ประกาศไม่รับเงินเดือนและเบี้ยประชุม โดยจะมอบให้มูลนิธิต่างๆว่า ตนมองว่าทุกคนก็เสียสละอยู่แล้ว เพียงแต่นายกรัฐมนตรีมีฐานะที่ดีกว่า
ก.ก.สรุป11ปธ.กมธ.สัปดาห์หน้า
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการคัดเลือกประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)ทั้ง11 คณะของพรรคว่าพรรคได้เปิดรับสมัครสส. พรรคก้าวไกลที่สนใจจะนั่งตำแหน่งประธานกมธ.ในแต่ละคณะจะมีข้อสรุปในช่วงสุดสัปดาห์นี้ พรรคยังมีเวลาพิจารณาตำแหน่งประธาน กมธ. ได้จนถึงวันอังคารที่ 3 ตุลาคม นี้ เนื่องจากจะมีการแต่งตั้งประธาน กมธ. ทั้ง 35 คณะ ในวันพุธที่ 4 ตุลาคม นี้
เมื่อถามถึงกรณีนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.โพสต์ผ่านx(ทวิตเตอร์)น้อยใจเกี่ยวข้องกับการพิจารณาตำแหน่งประธาน กมธ.ของพรรคด้วยหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ไม่เกี่ยว เพราะกระบวนการยังไม่จบจึงไม่ใช่เรื่องนี้อยู่แล้ว ส่วนนายณัฐวุฒิ จะได้ตำแหน่งด้านกมธ.เพิ่มเติมหรือไม่ยังไม่มี หากนายณัฐวุฒิ สนใจจะสมัครเป็นประธานกมธ. พรรคก็เปิดให้สมัครอยู่แล้ว เพราะกระบวนการยังไม่เสร็จสิ้น ส่วนเรื่องนี้ได้พูดคุยเคลียร์ใจกับนายณัฐวุฒิบ้างหรือยัง นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่ได้คุย เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคที่จะต้องไปพูดคุย
ฮือฮา’วิโรจน์’นั่งปธ.กมธ.ทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีรายชื่อที่คาดว่าจะเป็นแคนดิเดตกมธ. บางคณะ ปรากฏบ้างแล้ว ได้แก่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ประธาน กมธ.การศึกษาจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ , นายณัฐชา บุญอินไชยสวัสดิ์ ประธาน กมธ.การสวัสดิการสังคม , นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธาน กมธ.ทหาร , นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ประธาน กมธ.การวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม และน.ส.เบญจา แสงจันทร์ ประธาน กมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน
‘อดิศร’เบรก’ก้าวไกล’ขับ’หมออ๋อง’
นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)กล่าวกระแสข่าวกรณีที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อาจจะมีมติขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนฯคนที่1ออกจากพรรค ว่า ขอไม่แทรกแซง แต่ยืนยันว่าได้โหวตเลือกนายปดิพัทธ์ ขึ้นเป็นรองประธานสภา ด้วยความสง่างาม อยากให้คนที่ทำหน้าที่ได้ดี ได้ทำหน้าที่ต่อ แต่อย่าสร้างนิติกรรมอำพราง เพราะเดินขึ้นบัลลังก์จะไม่มีใครเคารพ
ชี้เขาผิดอะไรเตือนอย่าเล่นปาหี่กัน
“ขับเขา เขามีความผิดอะไร การเป็นรองประธานสภา เป็นความผิดร้ายแรงเชียวหรือ ไม่มีในข้อบังคับของพรรคไหนหรอก แต่ว่าจะเล่นละครปาหี่กัน ผมไม่เห็นด้วย ผมหาความผิดของนายปดิพัทธ์ ไม่มีความผิด ผมขอเตือนทุกพรรคจะขับสมาชิกออก ต้องดูสังคมด้วย” นายอดิศร กล่าว
พร้อมยืนยันว่าจะไม่ยื่นตีความในเรื่องนี้ เพราะเลือกรองประธานสภาคนนี้ มากับมือ แต่นายปดิพัทธ์เดินในสภา จะมีเงาแห่งเกียรติยศตามหลังหรือไม่ หวังว่าพรรคการเมืองทุกพรรค จะไม่ขับใครโดยไม่มีข้อหา
‘ศิธา’ชี้เป็นสิทธิ์ก.ก.ขับ’ปดิพัทธ์’
น.ต.ศิธา ทิวารี สมาชิกพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.)ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคก้าวไกลเตรียมประชุมหาความชัดเจนเรื่องตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯที่มีกระแสข่าวว่าจะขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่1ออกจากพรรคนั้นว่า เป็นเรื่องกระบวนการภายในพรรคก้าวไกล เป็นสิทธิ์ของนายปดิพัทธ์ ว่าจะออกหรือไม่ออก ซึ่งพรรคก้าวไกลก็มีมติได้ว่าจะให้นายปดิพัทธ์ลาออกหรือไม่ แต่หากนายปดิพัทธ์ ไม่ลาออก พรรคก้าวไกลไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ทำได้อย่างเดียว คือต้องขับออก หากต้องการตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
ทสท.พร้อมอ้าแขนรับ”หมออ๋อง”
“หากพรรคก้าวไกลขับนายปดิพัทธ์ออกมา ซึ่งยังไม่พ้นสภาพส.ส.สามารถเป็นต่อได้อีก 30 วัน ส่วนนายปดิพัทธ์ จะไปอยู่พรรคไหนก็ถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ การที่ไปบอกว่าให้นายปดิพัทธ์มาอยู่กับพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งหากไม่เข้าใจกันแต่พูดไปแล้วก็อาจจะเป็นการล้ำเส้นและอาจจะเกิดความคลางแคลงใจกัน แต่หากนายปดิพัทธ์จะอยู่กับพรรคไทยสร้างไทยก็ยินดีต้อนรับ แต่คงไม่แสดงความคิดเห็นว่าอยากให้เข้ามา”น.ต.ศิธา ระบุ
‘ชัยชนะ‘ยัน25สส.ไม่คิดย้ายพรรค
นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกระแสข่าวว่า สมาชิกพรรคบางส่วน และอดีตส.ส.จะไปจดตั้งพรรคใหม่เพื่อดัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคปชป. เป็นหัวหน้าพรรคดังกล่าวว่าตนเพิ่งทราบข่าว ไม่ทราบว่าแหล่งข่าวมาจากไหน เพราะในพรรคปชป.ไม่มีการพูดคุยว่าใครจะย้ายออกจากพรรคหรือไปตั้งพรรคใหม่ เท่าที่อ่านในข่าวบอกว่ามีกลุ่มหนึ่งจะย้ายไปอยู่พรรคการเมือง อีกกลุ่มหนึ่งจะไปตั้งพรรคใหม่ เท่าที่ตนยืนยันได้ส.ส.ทั้ง25คนในปัจจุบัน ไม่มีใครที่จะย้ายพรรค และไปตั้งพรรคใหม่ ส่วนอดีตสมาชิกตนไม่ทราบ เพราะบางคนก็ไม่ได้พูดคุย แต่เท่าที่พูดคุยกันส่วนใหญ่ไม่มีใครมีความคิดแบบนี้
ลั่นจะปชป.จนหมดสมัยสภาฯ
นายชัยชนะระบุขอยืนยัน ณ ปัจจุบันก่อน ถ้าไปพูดเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น ในอีก 3 ปีจะกว่าก็ไม่ได้ แต่ตนพูดว่าสมัยนี้จนถึงจบสมัย ไม่มีใครย้ายพรรค แต่หลังจากหมดสมัยสภา แล้วมีการเลือกตั้งใหม่ก็เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลที่ใครจะอยู่ หรือใครจะย้ายไปพรรคไหน ก็ต้องยอมรับและให้เกียรติซึ่งกันและกัน
หน.คนใหม่ได้ปลายต.ค.-ต้นพ.ย.
เมื่อถามถึง การเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ภายในต้นเดือนตุลาคมจะมีการประชุมกก.บห. ชุดรักษาการ เพื่อกำหนดแนวทางในการประชุมเลือกหัวหน้าพรรคและกก.บห.พรรคชุดใหม่ อาจจะมีการหารือและขอมติจากที่ประชุม กก.บห.ชุดรักษาการว่า เราจะหาทางอย่างไรให้มีการประชุมเลือกกก.บห.ชุดใหม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีองค์ประชุมครบ คิดว่าภายในปลายต.ค.หรือช้าสุดไม่เกิดต้น พ.ย. ต้องได้หัวหน้าพรรคปชป.คนใหม่ ซึ่งบุคคลที่จะเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ยังคงเป็นชื่อนายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวพรรคปชป.เหมือนเดิม
‘จุรินทร์’ปัดข่าวลูกพรรคชิ่งปชป.
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวอดีต ส.ส.และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางส่วน จะแยกตัวไปตั้งพรรคใหม่ เพื่อดึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นหัวหน้าพรรค ว่า ยังไม่เคยได้ยิน เห็นแต่ข่าว ตนไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้ ต้องไปถามผู้ที่มีชื่ออยู่ในข่าว ในช่วงเช้านายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช รักษาการรองเลขาฯ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้ว
ยืนยันสัมพันธ์ภายในพรรคดีขึ้น
เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์ภายในพรรคดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ จากปัญหาคาราคาซังที่มีอยู่ภายในพรรค นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าทุกอย่างจะเดินหน้าไปได้ด้วยดี ต้องรอเวลาปรับการทำงานให้เข้ากัน ทุกอย่างก็จะยุติได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็เคยผ่านวิกฤติแบบนี้มาหลายครั้ง ในอดีตหนักหน่วงกว่านี้มาก แต่ประชาธิปัตย์ก็ฟื้นกลับมาได้ ที่สำคัญที่สุดคือ พี่น้องประชาชนยังไม่ทิ้งพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมที่จะสนับสนุนพรรคการเมืองนี้ให้ทำหน้าที่ต่อไป แต่ทุกอย่างก็อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้บ้าง ทำให้ประชาชน และสมาชิกพรรคไม่สบายใจ ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรค ก็ขอโทษทุกคน ยืนยันว่า ในช่วงที่รักษาการก็มีความพยายามอย่างเต็มที่ ในการทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไปสู่ความเรียบร้อย หวังว่าจะเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน
พร้อมย้ำถึงปัญหาภายในพรรคว่าจะไม่ให้กระทบต่อการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ในการตรวจสอบรัฐบาล และผลประโยชน์ แทนประชาชน ส่วนการปรับจูนคุยกัน เป็นลักษณะของคนกลาง หรือเรียกมาปิดห้องคุยกัน เป็นเรื่องภายใน ก็มีวิธีที่จะสามารถคุยกันได้
ลั่นเดินหน้าทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
เมื่อถามถึงการทำหน้าที่ฝ่ายค้านมีการแบ่งงานกันชัดเจนแล้วหรือยังเพื่อให้ทำงานในเชิงรุกได้มากขึ้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการ ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลไปแล้วคือการแถลงนโยบายรัฐบาลว่ามีความชัดเจนแค่ไหน ขณะนี้พรรคปชป. พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านไม่ใช่ครึ่งๆกลางๆ หลังจากนี้การตรวจสอบในฐานะฝ่ายค้านก็จะมีการตรวจสอบงบประมาณ เนื่องจากบางนโยบายมีการใช้เงินที่ค่อนข้างสูงรวมถึงการตรวจสอบพฤติกรรมการบริหารงานของคณะรัฐมนตรี ยืนยันว่าการตรวจสอบนี้ไม่ใช่เรื่องการจงเกลียดจงชัง เพราะคือ หน้าที่ เราต้องซื่อสัตย์ต่อการทำหน้าที่ ถือเป็นภารกิจที่จะต้องทำ ในฐานะฝ่ายค้านที่ต้องตรวจสอบทุกอย่าง เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความกังวล
ไร้ปัญหาร่วมฝ่ายค้านกับก.ก.
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล(ก.ก.)ได้นายชัยธวัช ตุลาธน เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่จะมีปัญหาในการทำงานร่วมกันหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า”จะเป็นใคร ก็ต้องทำงานร่วมกัน ขอแสดงความยินดีกับนายชัยธวัช หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ พรรคประชาธิปัตย์พร้อมทำงานร่วมกับทุกพรรค”
รบ.รับผิดชอบที่สัญญากับปชช.
เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงรัฐบาลหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า อะไรที่สัญญากับประชาชนก็ต้องทำให้ได้ อยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบ การกำหนดนโยบายอะไรออกไปก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่จะตามมาซึ่งประชาธิปัตย์ก็จะคอยติดตามเรื่องนี้แทนประชาชนให้ เพื่อให้เกิดผลดีที่สุดแก่ประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี