'นายกฯ'หารือผู้บริหารบริษัท Geely-CHEC ขอบคุณเชื่อมั่นในศักยภาพพิจารณาลงทุนในไทย เชื่อไทยมีนโยบายสนับสนุนที่เหมาะสมกับการลงทุนของบริษัท พร้อมเชิญชวนลงทุนโครงการใหญ่
เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2566 เวลา 13.10 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง ที่ ห้อง Function Room 3B โรงแรม China world นายหวัง ถงโจว Chairman บริษัท CHEC เข้าเยี่ยมคารวะ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดย CHEC เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างในโครงสร้างสาธารณูปโภคใหญ่ที่สุดของจีน โดยดำเนินกิจการในประเทศไทยมายาวนาน ภายใต้ชื่อจดทะเบียนบริษัท ซีเอชอีซี (ไทย) จำกัด ตั้งแต่ปี 2537 ซึ่งประกอบธุรกิจก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ระบบการขนส่ง และการให้บริการคำปรึกษาด้านวิศวกรรม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา มีมติรับหลักการโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งในพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในปี ค.ศ. 2039 มีความยินดีที่ CHEC บริษัทฯ ที่ดำเนินธุรกิจก่อสร้างคมนาคมเป็นอันดับ 1 ของเอเชียด้านก่อสร้าง มีการลงทุนจากบริษัทฯ ในไทย เช่น ท่าเรือแหลมฉบัง จนถึงเฟส 3 บริษัทยืนยันได้รับการสนับสนุนจากไทยด้วยดีมาตลอด BRI จะเป็นกลไกขับเคลื่อนความร่วมมือเข้าสู่มิติใหม่ โดยบริษัทฯ ยินดีที่ไทยสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างครบถ้วนครอบคลุมในประเทศ เสนอความร่วมมือของบริษัทฯ 1. ทางหลวงและระบบราง เฟส 3 ของแหลมฉบัง ดำเนินไปด้วยดี มีแผนผนวก ท่าเรือ เมือง และนิคมเข้าด้วยกัน และ 2. โครงการ landbridge บริษัทฯ ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการด้วย
อย่างไรก็ตาม นายกฯ ยินดีหากบริษัทฯ จะเข้ามามีส่วนร่วมในแลนด์บริดจ์ซึ่งมีโครงการสร้างและขยายสนามบินด้วย จึงขอให้บริษัทฯ ได้ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานของไทย อาทิ กระทรวงคมนาคม สำหรับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ต่างๆ ของไทยแลนด์บริดจ์ท่าเรือ โครงการรถไฟขอให้คุยกับคณะกรรมการส่งสริมการลงทุน(บีโอไอ) ในการเข้ามาลงทุน เพื่อขอรับสิทธิพิเศษการลงทุนตามนโยบาย โดยในโอกาสนี้ นายกฯ ชักชวนบริษัทฯ ให้เปิด regional office ในไทยเพื่อประโยชน์ยิ่งขึ้น
จากนั้นเวลา 13.50 น. ณ ห้อง Function Room 3B โรงแรม China World นายแดเนียล ลี CEO บริษัท Geely เข้าเยี่ยมคารวะ นายเศรษฐา โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นโอกาสดีสำหรับ Geely และรัฐบาลไทยที่จะได้หารือเกี่ยวกับโอกาสการลงทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและกิจการต่อเนื่องในประเทศไทย และขอบคุณบริษัทที่เห็นศักยภาพและพิจารณาลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งทราบว่าบริษัทมีแผนจะนำรถ EV Pickup ไปจำหน่ายในไทยในเดือนตุลาคม 2566 ซึ่งนายกฯ เห็นว่ายังไม่มีผู้นำตลาดรถกระบะไฟฟ้าภายในประเทศจึงเป็นโอกาสดีของบริษัทที่จะเข้ามาทำตลาดในไทยในฐานะผู้นำตลาดรถกระบะไฟฟ้าในประเทศไทย
นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า ไทยมีโอกาสสำหรับการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ดีที่สุด บริษัทฯ สนใจลงทุนในไทย ด้านยานยนต์ โดยเฉพาะ EV พลังงาน Solar
นายกฯ เชิญชวนให้บริษัทฯ ผลิตรถยนต์ EV ทั้งระบบ ครบวงจร โดยไทยยินดีเสนอสิทธิพิเศษการลงทุนและอำนวยความสะดวก
โดยไทยมีศักยภาพรองรับ และเป็น Detroit of Asia อยากเชิญชวนบริษัท มาผลิตรถ EV ทั้งระบบ ตั้งแต่อะไหล่ เครื่องยนต์ จนถึงการประกอบรถยนต์ เพื่อส่งออก บริษัทตั้งเป้าผลิตรถซีดานปีละ 100,000 คันต่อปี แต่หากรวมรถประเภทอื่นจะถึง 200,000 คันต่อปี แต่ยังมีปัญหาเรื่องการใช้งาน เพราะรถกระบะไฟฟ้าใช้งานหนักไม่ได้ นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี swap battery เพื่อสะดวกต่อการชาร์จ จึงต้องการพื้นที่สำหรับ station การชาร์จ และการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ซึ่งตรงนี้บริษัทให้ความสำคัญมาก ซึ่งไทยเห็นว่ายังมีอีกหลายประเด็นที่ติดขัดกับระเบียบปัจจุบัน แต่จะดำเนินการเพื่อประโยชน์ร่วมกัน ---017
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี