‘เศรษฐา’เหินฟ้าไปอเมริกา
ประชุมเอเปค
คิวแน่น!ดันการค้าการลงทุน
นักวิชาการจี้3รมต.ที่โลกลืม
ตัวตลกในครม./เร่งปั๊มผลงาน
‘สามารถ’ให้ฝ่ายค้านสอบตก
นักวิชาการเหน็บ 3 รัฐมนตรีที่โลกลืมเป็นตัวตลกในครม.จี้ให้เร่งสร้างผลงาน ขณะที่ “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” ตัดเกรดฝ่ายค้านสอบตก แนะแก้มือให้ตรวจสอบรัฐบาลเต็มสูบสานงานต่อของชูวิทย์ ด้าน “เศรษฐา ทวีสิน” นายกฯ เดินทางเยือนสหรัฐอเมริการ่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30
วันที่11 พ.ย. นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าในวันที่ 12 พ.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และคณะ จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 12 - 19 พฤศจิกายน 2566 ณ นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
โดยเอเปคเป็นเวทีพิเศษที่ไทยมีบทบาทเท่าเทียมและใกล้ชิดกับเขตเศรษฐกิจทั่วภูมิภาคโดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจมหาอำนาจ เช่น สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย และเป็นเวทีที่ไทย มีบทบาทโดดเด่นเป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะความสำเร็จจากการเป็นเจ้าภาพเอเปคเมื่อปี 2565 ของไทยภายใต้หัวข้อหลัก “Open. Connect. Balance.” ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดีถือเป็นการรวมตัวของผู้นำแบบพบหน้า ครั้งแรกในรอบ 4 ปี และบรรลุผลลัพธ์สำคัญโดยฉันทามติท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ท้าทาย
ขึ้นเวทีปาถกโชว์โลก
การเข้าร่วมการประชุมฯ ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เป็นโอกาสเพื่อนำเสนอนโยบาย สร้างความเชื่อมั่น รวมถึงสานต่อผลลัพธ์ของการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยในปี 2565 โดยยังจะเป็นโอกาสให้ได้พบหารือเพื่อสร้างความร่วมมือกับเขตเศรษฐกิจเอเปค และภาคเอกชนเอเปค โดยประเด็นที่ไทยผลักดัน อาทิ (1) การค้าการลงทุน ย้ำความมุ่งมั่นต่อระบบการค้าพหุภาคีที่มีองค์การการค้าโลกเป็นแกนกลาง (2) ความเชื่อมโยง ผ่านการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเป็นศูนย์กลางขนส่งในภูมิภาค เชื่อมโยงมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดียผ่านโครงการ Landbridge (3) ความยั่งยืน ผลักดันการสานต่อเป้าหมายกรุงเทพฯ (4) เศรษฐกิจดิจิทัล และ (5) ความครอบคลุมและความเท่าเทียม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะมีภารกิจในกรอบเอเปค ประกอบด้วย การกล่าวปาฐกถาในการประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปค (APEC CEO Summit) การหารือในช่วงอาหารกลางวันและการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับแขกพิเศษของประธาน การหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในรูปแบบ Retreat
รวมทั้ง นายกรัฐมนตรีจะร่วมกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการค้าการลงทุนในไทยในการเดินทางครั้งนี้ด้วย
“สามารถ”ย้ำพระอาทิตย์2ดวง
นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วย รมว.ยุติธรรมให้ความเห็นผ่านรายการสามารถ 5 นาทีว่าวันก่อนเห็น คุณอุ๊งอิ๊งนั่งประกบ คุณเศรษฐา ทวีสิน วันนี้เราเหมือนเห็นพระอาทิตย์ 2 ดวง ก็ไม่แปลกหรอกครับที่รัฐบาล จะไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์อย่างที่ประชาชนคาดหวังไว้
แต่สิ่งสำคัญที่สุดกลไกของรัฐบาล ต้องถูกตรวจสอบโดนพรรคฝ่ายค้าน โดยเรามีรัฐสภา หรือเรามีสภาผู้แทนราษฏรในการตรวจสอบการใช้อำนาจ ของรัฐบาล และก็เอาเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนมาพูด สัปปายะสภาสถาน แปลว่า ที่แห่งการพูด มันก็ชัดเจนอยู่แล้วครับ แต่สิ่งสำคัญที่ผ่านมาตลอดสมัยประชุมที่แล้ว คือผมต้องอธิบายให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนฟังว่า สภาผู้แทนราษฏรก็เหมือนโรงเรียน มีเปิดเทอม และ ปิดเทอม แล้วก็เปิดเทอม พูดง่ายๆว่า 1 ปีการศึกษา ก็จะประชุม 2 ครั้ง ที่ผ่านมาเนี่ยเราประชุมมาแล้ว 1 ครั้ง ปิดสมัยประชุมอยู่ ณ เวลานี้ คือช่วงการปิดสมัยประชุม จะเปิดประชุมอีกครั้งคือวันที่ 15 ธันวาคม 2566
ฉะนั้นวันนี้ถ้าเราเปิดทีวีวันพุธ-พฤหัสบดี เราจะไม่เห็น ส.ส.มาอภิปรายอะไรหรอกครับ ไม่มีกระทู้ถามนายก ไม่มีญัตติเข้า ไม่มีกฎหมายเข้า เพราะช่วงนี้คือช่วงปิดสมัยประชุม ผมบอกว่าเราเปิดสมัยประชุมมา 1 สมัยเต็มๆ พูดง่ายๆถ้าเหมือนโรงเรียนก็เหมือน 1 ภาคการศึกษาเนี่ย เราไม่เห็นรัฐบาลถูกฝ่ายค้านตรวจสอบอะไรเลยครับ มีแต่พรรคฝ่ายค้านก็คือพรรคก้าวไกล ที่ออกมาบอกว่าตั้งกระทู้แล้วนายกไม่มาตอบ แต่ท่านเองก็ไม่ใช้กลไกอื่นในการจะตรวจสอบการทำงานของนายกรัฐมนตรีเลย
ขออนุญาตที่เอ่ยนาม อ.เสรี ท่านก็พูดครับว่า พรรคก้าวไกลเนี่ยที่บอกว่าจะเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ จะคาดหวังว่าให้เค้าทำเพื่อประชาชน ก็ไม่เห็นพูดถึงคนชั้น14 ไม่พูดถึงเรื่องของอภิสิทธิ์ชน ไม่พูดเรื่องเงินดิจิตอล ไม่พูดเรื่องยาบ้า 10 เม็ด ไม่เห็นพรรคก้าวไกลพูดถึงเรื่องนี้เลย ถ้าเป็นพรรคเก๋าๆในอดีต เค้ายื่นญัตติด่วนด้วยวาจาแล้วครับ อภิปรายอย่างน้อยให้ประชาชนได้ฟังว่า นโยบายที่รัฐบาลทำอยู่นั้นมันไม่เวิรค์ มันไม่เวิร์คยังไงบอกให้ประชาชนรู้ เรื่องแบบนี้ทำได้ครับ ยื่นญัตติด้วยท่านก็ทำได้ แต่ท่านไม่ทำ เค้าเรียกว่าญัตติด่วนด้วยวาจาท่านทำได้ท่านไม่ทำ นี่ประเด็นที่1 ก่อนนะครับ ตั้งกระทู้สดเค้าไม่มาตอบ ท่านก็บ่นอยู่แบบนั้น แต่ท่านไม่ทำอย่างอื่นที่เป็นรูปธรรม
ประเมินให้ฝ่ายค้านสอบตก
ประเด็นที่2 ที่ผมพูดว่าเรื่องการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 และ 152 ก็ไม่ทำ รัฐธรรมนูญให้อำนาจฝ่ายค้านใน การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงติ เขาก็ให้เสนอได้ท่านก็ไม่เสนอ พูดง่ายๆว่าทำงานฟรีมา 6 เดือน เอาเงินภาษีประชาชนมาใช้ 6 เดือน แต่ไม่ได้ตรวจสอบอะไรรัฐบาลเลย รัฐธรรมเค้าดีไซน์มาว่า ให้อภิปรายทั่วไป กับอภิปรายไม่ไว้วางใจ 1 ปี ได้อย่างละครั้ง คืออภิปรายทั่วไปได้ 1 ครั้ง อภิปรายไม่ไว้วางใจได้ 1 ครั้ง ตามญัตติ 151 และ 152
ส่วนใหญ่แล้วเขาจะใช้ 1 ปี มี 2 สมัยประชุม ใช่ไหมครับ อันแรกก็อาจจะอภิปรายทั่วไป สมัยที่ 2 ใน 1 ปี ก็อภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ท่านก็ไม่ทำครับ ทั้งอภิปรายทั่วไปก็ไม่ยื่น อภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่ยื่น และสิ่งสำคัญที่สุดที่ผม ต้องออกมาเสียใจแทนคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ยอมเอาตัวเองทั้งๆที่ป่วยหนักเป็นโรคมะเร็ง ออกมาพูดมากมายเลย และก็ข้อมูลนี้ส่งให้คุณโรมไปแล้ว ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น เวลาคุณชูวิทย์ ส่งอะไรให้พรรคก้าวไกล ก็เอาข้อมูลของคุณชูวิทย์มาอภิปรายทุกครั้ง แต่เรื่องที่คุณชูวิทย์เสี่ยงตายออกมาพูดเพื่อให้สังคมได้จารึกไว้ ทำไมพรรคก้าวไกลไม่ลงชื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติของคุณเศรษฐา ทวีสิน ว่าขาดคุณสมบัติตามมาตรา160 ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เรื่องนี้ท่านก็ไม่ทำ และที่สำคัญมีเพียงพรรคก้าวไกลเท่านั้นที่ยื่นได้ เพราะมีเสียง ส.ส.เกิน 50 เสียง
ชี้ผลงานรัฐบาลไม่คืบหน้า
รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ ม.บูรพา กล่าวถึงการทำงานของ รัฐมนตรี รายบุคคล ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ว่า ภาพรวม 2 เดือนรัฐบาล และ รัฐมนตรีที่เห็นความมุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเท มีความมุ่งมั่น เรียนรู้การทำงาน มีการวางแนวทางการดำเนินการในการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนที่ชัดเจน ดังนี้ 1.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แม้ว่าผลงานนโยบายหลักๆ ของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี จะไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร มีข้อวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเรื่องไม่ตกปก ไม่เหมือนกับตอนหาเสียงในการเลือกตั้งกับประชาชน ฯลฯ แต่ถ้าพิจารณาจากความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ทุ่มเท การแสดงภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี ก็น่าชื่นชม สอดคล้องกับคำพูดที่ท่านบอกว่า “จะทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย”
รศ.ดร.โอฬาร กล่าวต่อว่า 2.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในตำแหน่ง มท. 1 ถือว่าเป็นตำแหน่งใหม่ของท่าน ถือว่าท่านก็ทุ่มเทเต็มที่ มีความพยายามเรียนรู้ มีภาวะผู้นำสูง มีการวางกรอบการเดินการเพื่อการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ เช่น นโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล นโยบายครอบครองอาวุธปืน หรือการวางกรอบการทำงาน ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างรายได้ โดยน้อมนำแนวพระราชดำริมาประยุกต์ใช้ ด้านน้ำดื่มสะอาดฟรี ลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน ด้านการลดค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟ้าและน้ำมันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านพลังงานสะอาด ด้านการจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล ด้านบริการประชาชนแบบ One Stop Service อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก การผลิต การตลาดและการจำหน่าย ด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดและการสนับสนุนการพัฒนาระบบสาธารณสุขปฐมภูมิและการเตรียมความพร้อมท้องถิ่น รองรับสังคมผู้สูงอายุ ในรอบ 2 เดือนกับภารกิจที่ค่อนข้างมากของกระทรวงมหาดไทย อย่างน้อย นายอนุทินทำให้ประชาชนได้เห็นความมุ่งมั่น ตั้งใจ เข้าใจงาน เรียนรู้ และวางแผนการดำเนินงานอย่างชัดเจน
รศ.ดร.โอฬาร กล่าวอีกว่า 3.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ความสำเร็จของนโยบายลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ราคาน้ำมัน แกส ก๊าซ ฯลฯ ผลงานของรัฐบาลเป็นผลงานโดยตรงของ รมต.พีระพันธ์ุ แม้ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแต่เป็นรูปธรรม น่าสังเกตว่า รัฐมนตรีที่มีผลงานมีความทุ่มเท มีความมุ่งมั่น ต่างมาจากรัฐบาลพล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งสิ้น
จี้3รัฐมนตรีที่โลกลืมสร้างผลงาน
รศ.ดร.โอฬาร กล่าวว่า นอกจากนี้ในรอบ 2 เดือนเรายังมีรัฐมนตรีโลกลืม ไม่มีผลงาน เป็นตัวตลกใน ครม. มีความสามารถต่ำ ถูกมองว่าได้รับตำแหน่งจากโควต้า การตอบแทนทางการเมือง ไม่มีความรู้ความสามารถ ศักยภาพรัฐมนตรีทำได้รับเพียงแค่เปิดงาน ลงพื้นที่ตามกำหนดการ ฟังรายงานสรุปของข้าราชการ ไม่มีวิสัยทัศน์ ในการบริหารทั้งที่กระทรวงที่รับผิดชอบเต็มไปด้วยปัญหาและความท้าทาย เป็นตัวถ่วงของ ครม. ทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลตกต่ำ
สำหรับรัฐมนตรีโลกลืม มีทั้งหมด 3 คน ซึ่ง รศ.ดร.โอฬาร ได้อธิบายละเอียดยิบแบบไม่ไว้หน้า
“ไชยามพวาน” ยังลงพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว นายไชยามพวาน มั่นเพียงจิตต์ หรือ ปูอัด สส.กทม. เขตจอมทอง-บางขุนเทียน-ท่าข้าม ภายหลังจากที่ประชุมร่วมคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.พรรคก้าวไกล มีมติขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จากกรณีคุกคามทางเพศ
ทั้งนี้ นายไชยามพวาน ยังคงลงพื้นที่ทำกิจกรรมกับประชาชน โดยวันนี้เป็นกิจกรรมตัดผมฟรี เพื่อลดค่าใช้จ่าย มีประชาชนในพื้นที่ให้ความสนใจเข้าร่วมตัดผมฟรี ซึ่งบรรยากาศค่อนข้างเป็นกันเอง โดย นายไชยามพวาน เดินทักทาย และพูดคุยกับประชาชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี