วุ่นไม่จบ!‘จุรินทร์’ไขก๊อกรักษาการหัวหน้าประชาธิปัตย์ หลังกองทุนเพื่อการพัฒนาการเมือง ผุดชื่อ‘นราพัฒน์’รักษาการหัวหน้าพรรคแทน เกิดปมปัญหาใครเป็นรักษาการตัวจริง
เมื่อเวลา 14.25 น.วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ปชป. ให้สัมภาษณ์ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคปชป. ได้ลาออกจากตำแหน่งรักษาการหัวหน้าพรรคแล้ว โดยแจ้งผ่านกลุ่มไลน์กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) สาเหตุสืบเนื่องจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง มีการระบุชื่อนายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคปชป. เป็นรักษาการหัวหน้าพรรคปชป. ซึ่งเป็นเอกสารแจ้งอัพเดทสถานะพรรคการเมืองแต่ละพรรค
แม้ล่าสุดทางกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองจะเปลี่ยนแปลงข้อมูลแล้ว แต่เพื่อไม่ให้มีข้อสงสัยประเด็นข้อกฎหมาย และให้การจัดประชุมใหญ่วิสามัญพรรคราบรื่น นายจุรินทร์จึงแสดงเจตจำนงลาออกจากรักษาการหัวหน้าพรรคปชป. โดยเพิ่งลาออกวันนี้ (14 พ.ย.) เวลา 14.07 น.
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายนราพัฒน์ ยังไม่ได้เป็นรักษาการหัวหน้าพรรค เนื่องจากต้องมีการประชุมกก.บห.ก่อน โดยกก.บห.พรรคต้องเป็นผู้พิจารณาเลือกรักษาการหัวหน้าพรรค เพื่อให้มีการจัดประชุมใหญ่วิสามัญพรรคต่อไป
“เอกสารที่กองทุนเพื่อการพัฒนาการเมืองประกาศ คือ เมื่อวันที่ 21 ก.ย.66 ซึ่งประกาศก่อนที่นายจุรินทร์จะลาออก โดยเป็นการแจ้งข้อมูลพรรคการเมือง 82 พรรค ที่ดำเนินการอยู่ ส่วนใครยื่นเอกสารให้กองทุนฯ จึงมีการเปลี่ยนชื่อรักษาการหัวหน้าพรรคนั้น มองว่าเป็นการให้ข้อมูลของกองทุนฯเอง ส่วนข้อมูลผิดหรือไม่ คงตอบแทนกองทุนฯไม่ได้” นายราเมศ กล่าว
เมื่อถามว่า แปลกใจหรือไม่ที่เป็นชื่อของนายนราพัฒน์ ทั้งที่นายจุรินทร์ ยังไม่ได้ลาออก รวมถึงนายนราพัฒน์ยังเป็นแคนดิเดตที่จะลงชิงหัวหน้าพรรคด้วย นายราเมศ กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนมากกว่า และไม่อยากให้นำมารวมกัน เพราะในส่วนของเอกสารที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้แจงมา ในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคแต่ละครั้งจะมีรองหัวหน้าพรรค ซึ่งรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือจะอยู่ลำดับแรก และเมื่อนายจุรินทร์ลาออก จึงมีการแจ้งไปที่ กกต. และกกต.จึงแจ้งหนังสือกลับมายังพรรคว่า เมื่อนายจุรินทร์ลาออก ลำดับถัดไปคือนายนราพัฒน์ จาก 32 รายชื่อ เพราะเวลาเลือกตั้งภาคเหนือจะขึ้นเป็นอันดับที่ 1 ครบ
เมื่อถามว่า เหตุใดจึงไม่โต้แย้ง นายราเมศ กล่าวว่า เราได้ทำการโต้แย้ง โดยทำหนังสือถึงนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งนายสรรเสริญ สมะลาภา รักษาการรองหัวหน้าพรรค ได้ชี้แจงไป และตนได้มีการตรวจกฎหมายสองฉบับ ทั้งรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้มีการระบุไว้ถึงกรณีที่หัวหน้าพรรคการเมืองลาออก หรือเว้นว่างจากตำแหน่ง แต่ระบุไว้ ในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ระบุไว้ว่าหากหัวหน้าพรรคลาออกกระบวนการต้องทำอย่างไร แต่กฎหมายที่พรรคการเมืองระบุไว้ให้เป็นไปตามข้อบังคับพรรค ดังนั้น ต้องกลับมาดูข้อบังคับพรรคว่าเขียนไว้ว่าอย่างไร ซึ่งของพรรคเราเขียนไว้ชัดเจนว่าหัวหน้าพรรคต้องรักษาการ
เมื่อถามว่า หลังจากที่แย้งไปแล้วกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่ นายราเมศ กล่าวว่า เราแจ้งไปยังนายทะเบียนพรรคการเมืองให้ทราบ เพราะเรามั่นใจในรัฐธรรมนูญ ในกฎหมายพรรคการเมือง และมั่นใจในเจตนารมณ์ข้อบังคับพรรคปชป. ว่านายจุรินทร์ ยังคงเป็นรักษาการหัวหน้าพรรคถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ เมื่อแจ้งกกต.ไปแล้ว กกต.ก็รับทราบและไม่ได้มีข้อโต้แย้งกลับมา โดยเอกสารกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองฉบับล่าสุด วันที่ 12 ต.ค.66 มีการเว้นว่าง ไม่ได้ระบุชื่อใคร
“ผมเชื่อว่าคงเป็นความคลาดเคลื่อน ไม่อยากไปพูดว่ามีความผิดพลาดตรงไหน และเชื่อว่าทุกคนไม่ได้มีเจตนาร้าย ฉะนั้น เป็นหน้าที่ของพรรคที่เราจะต้องมาพูดคุยกันในส่วนของข้อบังคับพรรค ว่าเรื่องนี้ระบุอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดข้อถกเถียงขึ้น แต่เคยมีการประชุม กก.บห.พรรคเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.66 ได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวมาเพื่อพูดคุยกัน และที่ประชุมมีมติให้นายจุรินทร์ยังคงดำรงตำแหน่งรักษาการหัวหน้าพรรค” นายราเมศ กล่าว
เมื่อถามว่าเมื่อนายจุรินทร์ลาออกจากรักษาหัวหน้าพรรคในวันนี้(14 พ.ย.) ตำแหน่งรักษาการหัวหน้าพรรคก็จะเว้นว่าง ไม่ใช่นายนราพัฒน์ใช่หรือไม่ นายราเมศ กล่าวว่า ถูกต้อง แล้วคงต้องมีการไปพูดคุยกันในที่ประชุมกก.บห. ก่อนจะเข้าสู่ระเบียบวาระในส่วนการกำหนดวันเวลา สถานที่ องค์ประชุมที่จะมีเพิ่มหรือไม่เพิ่ม
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี