ลุ้นต่อ! ศาล รธน.นัดไต่สวนพยานคดี “พิธา” ปมถือหุ้นสื่อไอทีวี 20 ธันวาคม ส่วนคดีล้มล้างการปกครอง ปม “ก้าวไกล”หาเสียงก่อนเลือกตั้ง แก้ไข ม.112 นัด 25 ธันวาคม “สส.แจ้-วุฒิพงศ์”แฉ!เจอขวางสกัดหาพรรคใหม่ คาดไม่เกิน 26-27พฤศจิกายนชัดรู้เรื่องเข้าสังกัดพรรคไหน“กมธ.อุตสาหกรรม”ลุยสอบปมบ่อขยะปราจีนฯ เอี่ยวโยง‘ผู้ช่วยส.ส.-นายทุน’งาบสินบน ทำปชช.เดือดร้อน ลั่นหากพบทุจริตส่งป.ป.ช.หน่วยเกี่ยวข้องฟันต่อ แกนนำ‘ก้าวไกล’เข้าแจง‘กมธ.อุตสาหกรรม’ยันไม่มีกลั่นแกล้ง-กลบเกลื่อน ปมขับ‘สส.แจ้’

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าระบุว่า ตนกับพรรคเพื่อไทย (พท.)และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นมิตรกันว่า”ผมเน้นคำว่าเป็นมิตร ผมเน้นเรื่องความสมัครสมานสามัคคี ผมเน้นเรื่องการสื่อสารที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่เป็นการด้อยค่า ใช้คำพูดใช้คำแนะนำในเชิงสร้างสรรค์ ผมจึงพยายามจำคำว่าเป็นมิตร”

‘ปานปรีย์’ชงครม.28พย.ขึ้นเงินเดือนขรก.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาแนวทางปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ว่า ใกล้แล้ว อีก 1-2วัน น่าจะเสร็จ และคาดว่าจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ในวันอังคารที่ 28 พ.ย.นี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นคำตอบให้ ครม.ได้พิจารณาว่าจะตัดสินใจขึ้นเงินเดือนเลยหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า ต้องนำเข้าที่ประชุมให้ ครม.ได้ตัดสินใจ

ศาลรธน.ไต่สวนพยานคดี‘พิธา-ก.ก.’

วันเดียวกัน ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดีที่น่าสนใจของประชาชนโดยเรื่องพิจารณาที่23/2566 กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบ มาตรา 98 (3) หรือไม่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ร้อง) ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ผู้ถูกร้อง) เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อสารมวลชนใดๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3)

ศาลนัดไต่สวนถือหุ้นสื่อไอทีวี20 ธ.ค.

ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง และ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้องว่างลงนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยให้แก่คู่กรณีฟังตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 105 วรรคหนึ่ง (2) และศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย และสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนับแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ต่อมาผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา พร้อมบัญชี ระบุพยานเอกสาร พยานบุคคล และพยานวัตถุ ฉบับลงวันที่ 2 ตุลาคม 2566 และบัญชีระบุพยานบุคคล เพิ่มเติม ครั้งที่ 1 ฉบับลงวันที่ 18 ตุลาคม 2566

โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาได้อภิปราย และเห็นควรไต่สวนพยานบุคคลต่อไป จึงกำหนด วันนัดไต่สวนพยานบุคคล ในวันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 เวลา 09.30น. ณ ห้องพิจารณาคดี ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์

คดีก้าวไกลหาเสียงแก้ม.112นัด25ธ.ค.

นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ยังพิจารณา เรื่องพิจารณาที่ 17/2566 กรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคก้าวไกล(ผู้ถูกร้องที่ 2) ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่ องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่

โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาได้อภิปราย และเห็นควรไต่สวนพยานบุคคลต่อไป จึงกำหนดวันนัดไต่สวนพยานบุคคล ในวันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม 2566 เวลา 09.30 น.ณ ห้องพิจารณาคดี ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์

สำหรับบรรยากาศ ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีแกนนำพรรคก้าวไกลเดินทางมาร่วมการสืบพยาน รวมทั้งไม่พบกลุ่มเคลื่อนไหวการเมืองใด หรือกลุ่มสนับสนุนพรรคก้าวไกล เข้ามาจัดกิจกรรมในพื้นที่แต่อย่างใด

‘สส.แจ้’แฉเจอสกัดหาพรรคใหม่

ที่รัฐสภา นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา ส.ส.ปราจีนบุรี อดีตพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความคืบหน้าในการหาพรรคการเมืองเข้าสังกัดใหม่ ตามกรอบเวลา 30 วัน หลังจากถูกพรรคก้าวไกลมีมติขับออกจากพรรคเนื่องจากมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศว่าตนเหลือเวลาอีกประมาณ 1สัปดาห์ที่จะหาพรรคสังกัด แต่เบื้องต้นพบว่ามีการสกัดตนให้หาพรรคอยู่ไม่ได้ แต่ที่ผ่านมาก็มีการพูดคุยกับพรรคการเมือง และตอนนี้ มีติดต่อเข้ามามากกว่า 1พรรคทั้งที่อยู่ในสภาและไม่ได้อยู่ในสภา

คาดไม่เกิน 26-27พ.ย.รู้เรื่องรังใหม่

นายวุฒิพงศ์ ยังระบุว่า“ส่วนตัวอยากให้พรรคการเมืองเหล่านั้นแสดงเจตจำนงว่า ต้องการเราเข้าไปทำไม ถ้าแค่ต้องการเพิ่มจำนวน ส.ส. ผมคิดว่าไม่ใช่เหตุผลที่ตนจะเลือกเข้าไปทำงานด้วย ผมอยากให้เขามองที่ความสามารถรู้ว่า ผมเป็นคนอย่างไร ทำงานด้านไหนมา และผมจะตัดสินใจเร็วๆนี้ เดดไลน์สุดท้าย น่าจะระหว่างวันที่ 26-27พ.ย.ก็จะสมัครเข้าสมาชิกพรรคเลย”

กมธ.อุตฯลุยสอบปมบ่อขยะปราจีนฯ

ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การเชิญ นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.),น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา ส.ส.ปราจีนบุรี เข้าชี้แจงต่อ กมธ.กรณีข้อพิรุธเกี่ยวกับการซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ่อขยะเชื่อมโยงผู้ช่วย ส.ส.และนายทุน สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนใน จ.ปราจีนบุรี โดย กมธ.อยากทราบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ว่าเป็นอย่างไร ภายหลังนายวุฒิพงศ์ ออกมาให้ข้อมูลผ่านสื่อมวลชนว่า มีผู้ช่วย สส.ของพรรคการเมืองหนึ่งรับสินบน

“เรายังไม่รู้ว่าโรงงานชื่ออะไรบ่อขยะชื่ออะไร จึงได้เชิญอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรีเข้ามาให้ข้อมูลกับกมธ.ด้วย ส่วนจะได้ข้อสรุปเมื่อไหร่นั้น อย่างน้อย คงจะได้รับทราบว่าบริษัทที่ถูกกล่าวอ้างชื่ออะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นมาจากนายวุฒิพงศ์ถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล แล้วออกมาให้ข้อมูลผ่านสื่อ” นายอัครเดช กล่าว

ลั่นถ้าพบทุจริตส่งปปช.ฟันต่อ

ประธานกมธ.อุตสาหกรรม ระบุว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่สังคม อยากรู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรเพราะเรื่องการรับสินบน การทำบ่อขยะที่เกิดผลกระทบกับประชาชน เป็นสิ่งที่กมธ.ให้ความสนใจและจะทำให้ข้อเท็จจริงเกิดขึ้น หากพบว่ามีหลักฐานหรือข้อมูลว่ามีการทุจริตก็จะส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือป.ป.ช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อ

เมื่อถามว่าหน่วยงานที่เชิญมาให้ข้อมูลเพียงพอแล้วหรือไม่ หรือจะต้องมีการต่อยอดจากวันนี้หรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า คงต้องมีการเชิญมาให้ข้อมูลอีกรอบซึ่งครั้งนี้เป็นการขอข้อมูลจากนายวุฒิพงศ์ก่อนรวมถึงหัวหน้าพรรคการเมืองและสส.ที่ถูกพาดพิงก็เชิญมาให้ข้อมูลด้วย แต่ กมธ.ต้องให้ความยุติธรรมกับทั้งผู้ที่ถูกพาดพิงและนายวุฒิพงศ์ที่ออกมาให้ข้อมูลด้วยว่า จริงเท็จประการใด มองได้สองมุม ต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย มิฉะนั้น จะส่งผลกระทบไปถึงวงราชการ

‘สส.แจ้’มั่นใจหลักฐานชัดเจน

ด้านนายวุฒิพงศ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้นำหลักฐานเอกสารมาให้ กมธ.อุตสาหกรรม สภาผู้แทนฯเกี่ยวกับการสืบหาข้อเท็จจริงกรณีการรับผลประโยชน์ของผู้ประกอบการโรงงานกำจัดขยะในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรีซึ่งมั่นใจว่าหลักฐานชัดเจน และยังมีรูปแบบกิจการที่ก่อมลพิษต่อชุมชน ที่ผ่านมา ไม่มีข้อมูลตรงนี้ มีแต่การแก้ไขปัญหาในพื้นที่แต่ไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ โดยวันนี้ได้เชิญ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลมาด้วย น่าจะตรง เพราะ น.ส.เบญจา ก็อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออก น่าจะทราบปัญหานี้

‘ก.ก.’เข้าแจง‘กมธ.อุตสาหกรรม’

ขณะที่ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังการประชุมกรรมาธิการ(กมธ.)อุตสาหกรรม กรณีโรงงานกำจัดขยะพื้นที่ จ.ปราจีนบุรีว่าในฐานะกรรมการสอบเรื่องที่นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ร้องเรียน ผู้ช่วยของ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล มีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์จากการขายที่ดินให้กับบริษัทกำจัดขยะว่ากมธ.เชิญนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และน.ส.เบญจา เข้าให้ข้อมูลซึ่งกมธ.ตั้งข้อสงสัยว่าที่มีการพิจารณาเรื่องการคุกคามทางเพศมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ทางพรรคก้าวไกล มองว่าเป็นคนละเรื่องกันอยู่แล้ว ต้องตัดสินทั้ง 2 เรื่องโดยกรรมการคนละชุด

ส่วนเรื่องของผู้ช่วย สส.เรียกรับผลประโยชน์จริงหรือไม่ ขณะนี้กำลังพิจารณา สอบสวนกันอยู่ เป็นการตรวจสอบภายในจากข้อมูลหลักฐาน ยังไม่ใช่ความผิดที่จะเอาผิดทางกฎหมายได้ซึ่งข้ออ้างของนายวุฒิพงศ์คือผู้ช่วยส.ส.ไปเรียกค่าที่ดินของตัวเองให้สูงขึ้นกว่าปกติ จากบริษัทบ่อขยะ หากจะผิดจริงก็ผิดเรื่องจริยธรรมตามที่พรรคได้ระบุไว้ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป

ปัดกลั่นแกล้ง-กลบเกลื่อนปม‘สส.แจ้’

ส่วนที่นายวุฒิพงศ์ระบุว่าได้ยื่นเรื่องมาก่อนจะมีปัญหาเรื่องคุกคามทางเพศ อาจจะเป็นการกลั่นแกล้ง จนทำให้ถูกขับออกจากพรรคนั้น ไม่เป็นความจริง เราอยากให้ความมั่นใจกับนายวุฒิพงศ์ว่าเราไม่มีการกลั่นแกล้งแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่ทางพรรคจะปกป้องผู้ช่วยสส. ด้วยการขับสส.ออกจากพรรค

“หาก น.ส.เบญจาจะกลั่นแกล้งนายวุฒิพงศ์ในเรื่องการคุกคามทางเพศเพื่อกลบเรื่องบ่อขยะน.ส.เบญจาต้องรู้เรื่องการคุกคามทางเพศก่อนซึ่งเป็นไปไม่ได้แน่ๆ อยากให้สบายใจว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้”นายจิรัฏฐ์ กล่าว

และว่าทางกมธ.มีการสอบในเรื่องของกฎหมายกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เรายินดีให้ความร่วมมือและอยากฝากถึงกมธ.ว่าให้ทำเรื่องนี้ต่อให้ถึงที่สุด เพราะเป็นความเดือดร้อนของประชาชนจริง และเราจะใช้พื้นที่กมธ.ในงานไปฟังผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง เนื่องจากเราไม่มีอำนาจในการเรียกหน่วยงานต่างๆ

‘เทพไท’จี้รบ.เร่งนำ’ทักษิณ’เข้าคุกโดยเร็ว

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช ได้โพสต์เพจ เฟซบุ๊กส่วนตัว ข้อความว่า ทั้ง “เสี่ยแป้ง เสี่ยแม้ว” ต้องจับมาอยู่ในเรือนจำ โดยระบุว่าผมเห็นข่าวที่คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่า จับตัว น.ช.เชาวลิต ทองด้วง ที่หนีการคุมขัง ออกจากโรงพยาบาลมหาราช จ.นครศรีธรรมราชให้ได้โดยเร็วนั้น ถือว่า เป็นการเอาจริงเอาจัง กำชับให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ต่อนักโทษที่หลบหนีการจองจำ จากการรักษาตัวที่โรงพยาบาลมาให้ได้ เป็นเรื่องที่ควรปฎิบัติเป็นอย่างยิ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็มีคำถามจากประชาชนผู้รับความเป็นธรรม ถึงกรณีที่ นักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งพักอยู่ที่ โรงพยาบาลตำรวย ชั้น14โดยไม่ยอมเข้าสู่เรือนจำแม้แต่วันเดียว ซึ่งไม่ทราบว่าต่อกรณีดังกล่าวนี้ รัฐบาลจะเร่งรัดให้มีการบังคับใช้กฎหมายต่อ น.ช.ทักษิณ ซึ่งเป็นนักโทษระดับวีไอพี หรือนักโทษเทวดาอย่างไรบ้าง

ในฐานะนักโทษคนหนึ่ง ที่ถูกจองจำในเรือนจำ มาเป็นเวลา 16 เดือน ขอเป็นตัวแทนความรู้สึกของนักโทษทุกคน ไม่อยากให้รัฐบาลเลือกปฏิบัติหรือปฏิบัติแบบ2มาตรฐาน ต่อนักโทษคนใดคนหนึ่งเป็นกรณีพิเศษ แต่ต้องใช้การปฎิบัติมาตรฐานเดียวกันต่อนักโทษทั้งประเทศ ภายใต้กฎหมายหรือกฎระเบียบของกรมราชทัณฑ์จึงสนับสนุนให้รัฐบาลบังคับใช้และปฏิบัติตามกฏหมายโดยเคร่งครัด ไม่ควรเลือกปฎิบัติทั้งกรณีของ น.ช.เชาวลิต ทองด้วง และ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร เพราะพฤฒิกรรมของนักโทษทั้ง 2 คนนี้ ท้าทายกระบวนการยุติธรรมมาก ถ้ายังจัดการอะไรไม่ได้ ก็นับว่าเป็นความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมโดยสิ้นเชิง

คปท.นัดทวงอสส.สั่งฟ้อง’ทักษิณ’คดีม.112

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล ได้มาชุมนุมบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีนำตัวนช.ทักษิณ ชินวัตร กลับสู่เรือนจำโดยตั้งข้อสังเกตว่านายทักษิณนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นเพียงข้ออ้างไม่ได้ป่วยจริงและไม่ได้ติดคุกนั้น ล่าสุด นายพิชิต ไชยมงคล โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่าตามคดี อัยการมีมติส่งฟ้อง ทักษิณ ชินวัตร ในข้อหา ม.112 จนป่านนี้ อัยการ ยังไม่นำตัว ทักษิณ ชินวัตร ส่งฟ้องศาล หรือว่า อัยการหาตัว ผู้ต้องหาไม่เจอ คปท.จะไปถามอัยการ ไปจี้อัยการ ทำไมคดี คนอื่น มีมติส่งฟ้องแล้วรีบนำตัวส่งศาลทันที พุธที่ 29 พ.ย.เวลา 10.30 น พบกับ อัยการสูงสุด