"อนุทิน"รับลูก"นายกฯ" สั่งการ"ผู้ว่าฯ-ผกก."สำรวจในพื้นที่ ดึงลูกหนี้เข้าระบบ เปิดลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่ 1 ธ.ค. ลั่นไม่ปล่อยให้ใครถูกรังแก เดินหน้าควบคู่ปราบผู้มีอิทธิพล
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ที่ทําเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังแถลงข่าวเรื่องการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ในส่วนกระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดตัวชี้วัดอย่างไรเพื่อให้การแก้หนี้เป็นรูปธรรม ว่า หลังจากได้รับแนวทางจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เมื่อช่วงเดือนที่แล้ว ให้มีการตั้งศูนย์ขึ้นทะเบียนพี่น้องประชาชนที่มีหนี้นอกระบบ ซึ่งได้มีการเปิดทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยกระทรวงมหาดไทยได้มีการสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอําเภอ ปลัดอำเภอ และกลไกของกระทรวง ในการลงไปสำรวจ สอบถาม และเยี่ยมเยียนผู้ที่อาจจะตกหล่น ซึ่งรวมผู้ที่จะดำเนินการไกล่เกลี่ยเป็นหลัก คือ นายอำเภอและนายตํารวจระดับผู้กำกับการ ย้ำว่า เราจะพยายามแก้ไขปัญหาให้ได้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า บัญชีเจ้าหนี้จะเอาไปรวมกับบัญชีผู้มีอิทธิพลใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า กรณีเจ้าหนี้ไปขมเหงหรือรังแกชาวบ้าน ไปใช้อิทธิพลต่างๆ ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน กรณีนี้ก็เข้าลักษณะผู้มีอิทธิพล และยิ่งมาใช้อาวุธปืนด้วยก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เรากำลังจัดระเบียบสังคมให้มีความเป็นนิติรัฐให้มากที่สุด กฎหมายต้องดูแลความปลอดภัยของประชาชน เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง ฝ่ายตำรวจต้องดูแลความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งจะเป็นการทำงานร่วมกันของทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า จะมีการดีเดย์ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีดีเดย์หรอก เราทำมาตลอด เพียงแต่สมัยก่อนอาจทำได้เฉพาะการไกล่เกลี่ย เพราะเราไม่มีกฎหมายทางด้านนี้ แต่วันนี้เราพยายามจะเอากฎหมายมาใช้ให้มากที่สุด และวันนี้ที่นายกฯ แถลงข่าวเรื่องนี้ ก็มีมาตรการปิดท้ายมาด้วยคือ การไปหาแหล่งเงินให้ มีธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน มาด้วย ใช้สถาบันการเงินของรัฐมาประคองให้หนี้นอกระบบเหล่านี้ รีไฟแนนซ์มาเป็นหนี้ในระบบแทน มีดอกเบี้ยที่มีความเป็นธรรม ตามกฎหมายกำหนดไม่ถูกข่มเหงอีกต่อไป
"เราไม่ได้แก้หนี้ให้ชาวบ้านไม่มีหนี้นะ เพราะเราไม่สามารถยกหนี้ให้ได้ขนาดนั้นทั้งประเทศ แต่เราหาแหล่งเงินทุนมารีไฟแนนซ์"
เมื่อถามว่า สายด่วนสามารถรับคู่สายได้จำนวนเท่าใด นายอนุทิน กล่าวว่า ก็มี คนไทยเรามีหนี้เยอะ อย่าโทรศัพท์เข้ามาอย่างเดียว เพราะอะไรมากไปมันก็ไม่ได้ เราเปิดช่องทางไว้หลายทาง จะมีการประชาสัมพันธ์ออกไปว่าจะลงทะเบียนอย่างไร ข้อมูลเหล่านี้ยืนยันว่ามีความปลอดภัย เราไม่ใช่จะใช้กฎหมายเข้มนำอย่างเดียว ถ้าไกล่เกลี่ยกันได้ก็เป็นเรื่องดี เราจะพยายามดูแลไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกรังแกกันเกินไป
เมื่อถามว่า จำนวนผู้เป็นหนี้มีเยอะหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เยอะอยู่แล้ว คนมีหนี้ไม่ใช่ความผิด แต่เราต้องหาหนทางให้เขา คนที่เป็นหนี้นอกระบบคือคนที่สิ้นหนทางในการหาแหล่งเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายได้ ด้วยข้อจำกัดต่างๆ อย่างน้อยนโยบายที่ได้รับมาจากนายกฯ ที่ได้ให้หน่วยงานต่างๆ ทำงานร่วมกัน
เมื่อถามว่า จำนวนผู้มีอิทธิพลที่เป็นเจ้าหนี้มีจำนวนเท่าใด นายอนุทิน กล่าวว่า ผู้มีอิทธิพลตามมาตรฐานที่กรมการปกครองขึ้นทะเบียน เราเน้นที่การใช้อิทธิพลข่มเหงรังแกชาวบ้าน ต้องปราบผู้มีกำลังเหนือกว่าไปใช้ข่มเหงผู้มีกำลังน้อยกว่า ไม่ใช่แค่เรื่องหนี้อย่างเดียว แต่ทุกอย่างที่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย เราใช้กฎหมายดำเนินคดีในฐานะที่ทำผิดต่อบ้านเมือง
นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องหนี้เป็นความสมยอมระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ ซึ่งเราต้องแก้ปัญหาให้กับทั้งสองฝ่าย เช่นกรณีมีการจ่ายหนี้จนเกินเงินต้น ต้องพอแล้ว ถ้ายังไม่ปล่อยก็ต้องมีการไล่บัญชีกันเพื่อไม่ให้มีการข่มเหงรังแก ก่อความเดือดร้อน หรือเอาเปรียบ
เมื่อถามว่า มีการกำชับข้าราชการที่เป็นผู้ปล่อยกู้เองหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่น่าจะมี ข้าราชการประจำน่าจะเป็นลูกหนี้มากกว่า เพราะเงินเดือนแค่ 3 - 4 หมื่น จะเอาที่ไหนไปปล่อยกู้ แต่ถ้ามีการปล่อยกู้จริง หากอยู่ในระบบหรือมีการร้องเรียนเข้ามา เราก็ไม่ได้มองว่าเขาเป็นข้าราชการ แต่มองเป็นเจ้าหนี้หรือเหาฉลามที่ข่มเหงรังแก เมื่อถามย้ำว่า จะมีโทษหนักกว่าคนที่ไม่ใช่ข้าราชการหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า กฎหมายต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน (ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สางหนี้นอกระบบ! ‘เศรษฐา’ประกาศปลดปล่อยปชช. ลั่นแก้รอบนี้ต่างจากอดีต)
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี