หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9
‘เฉลิมชัย’ผงาด
ย้ำไม่มีวันทำลายอุดมการณ์
‘เดชอิศม์’นั่งเลขาฯตามคาด
ช็อก‘มาร์ค’ลาออกพ้นปชป.
‘มาดามเดียร์’น้ำตาซึมอดชิง
ประชุมใหญ่ประชาธิปัตย์ เลือก“เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 9 “เดชอิศม์ ขาวทอง” เลขาพรรค ยืนยันไม่มีวันทำลายอุดมการณ์ประชาธิปัตย์ เผยที่ผ่านมาทำงาน ซื่อสัตย์สุจริต ไร้มลทิน ขณะที่ “มาร์ค” ถอนตัวกลางศึก ทั้งลาออกจากสมาชิกพรรค “ราเมศ รัตนะเชวง” นั่งโฆษกฯพรรคอีกสมัย
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2566 เวลา 09.30 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ กทม.พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)มีการประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่ 3/2566โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรคและรักษาการเลขาธิการพรรค ทำหน้าที่ประธานการประชุม แจ้งว่าองค์ประชุมครบแล้ว 260 คน และขอเปิดการประชุมในเวลา10.08น. ทั้งนี้ ประธานแจ้งที่ประชุมทราบว่าเป็นการประชุมครั้งที่ 3 สืบเนื่องจากการประชุมใหญ่วิสามัญในวันที่ 9 ก.ค. และวันที่ 6 ส.ค.ไม่สามารถดำเนินการคัดเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคได้เพราะองค์ประชุมไม่ครบ 250 เสียง ตามที่กฎหมายกำหนด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก แกนนำของพรรคทุกฝ่ายเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรคและรักษาการเลขาธิการพรรค เป็นต้น ซึ่งยังได้เตรียมองค์ประชุมสำรอง จำนวน150คน เพื่อป้องกันองค์ประชุมล่ม
‘ชวน’เสนอชื่อ‘มาร์ค”เข้าชิง
จากนั้นที่ประชุมเข้าสู่การเสนอชื่อหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายชวนกล่าวตอนหนึ่งว่า นี่คือเห็นช่วงปลายของชีวิต ตนได้เห็นการเติบโต เปลี่ยนแปลง ล้มลุกคุกคลานของพรรค พรรคถูกฟ้องยุบพรรค2 ครั้ง ตนเป็นหัวหน้า ทีมสู้คณะและเราก็สู้จนชนะคดี ทั้งนี้อยากให้เรารำลึกถึงบุญคุณ นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ และเล็ก นานา เจ้าของที่ดินของที่ตั้งพรรค วันนี้มีนายบุพ นานา ลูกของเล็ก นานา มาร่วมประชุม ตนหวังว่าพวกเราเรียนรู้ความผิดพลาด ตนไม่เคยคิดให้พรรคเป็นพรรคอะไหล่ หรือพรรคประกอบ ไม่อยากให้ใครมองว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคสุดท้ายที่จะพิจารณา ดังนั้น ในครั้งนี้ขอเสนอนายอภิสิทธิ์ เพราะเห็นว่าสถานการณ์การเมืองคนที่จะเลือกมาต้องไม่ด้อยกว่าพรรคอื่น และเชื่อว่าจะนำพรรคไปสู่แนวทางประชาธิปไตย และฟื้นฟูพรรคได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีผู้รับรองชื่อนายอภิสิทธิ์ ครบ169เสียง นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวว่า ถามผลวันนี้ มีเหตุผลอะไรที่ต้องกลับมา เป็นหัวหน้าพรรค ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ และตนไม่มีตำแหน่งทางการเมือง ต้องตอบว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องตอบรับแต่ตนคิดเช่นเดียวกับนายชวนว่าตนเป็นหนี้บุญคุณพรรค และมีคนคาดหวัง ไม่น่าเชื่อบางคนถึงกับโทรศัพท์ว่าหาตน แล้วบอกว่าตนเห็นแก่ตัวที่ไม่เข้ามากอบกู้พรรค ตนก็ต้องอธิบายว่าพรรคมีกระบวนการ ไม่ใช่ว่าใครนึกอย่างนั้นอย่างนี้แล้วมากำหนดได้ คนภายนอกส่วนหนึ่งไม่เข้าใจ หลายเดือนที่ผ่านมาสิ่งที่ทำให้ตนประหลาดใจและสะเทือนใจคือเราที่อยู่ในห้องนี้ตระหนักเพียงใดว่าพรรคอยู่ในภาวะยิ่งกว่าวิกฤต ตนอาจประสบการณ์น้อยกว่านายชวน หลายคนบอกมีขึ้นมีลง ตนก็บอกว่ามีขึ้นมีลงแน่นอนแต่มีลงไม่ได้ แปลว่าจะมีขึ้น ถ้าไม่เรียนรู้สรุปบทเรียนให้ชัดเจน
ชี้ปชป.ไม่ใช่คำตอบสำหรับเขา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เขาบอกการเมืองแบ่งเป็น 2ขั้ว ขั้วหนึ่งเข้าเรียกฝ่ายอนุรักษ์ แต่ประชาธิปัตย์ ก็ไม่ใช่คำตอบสำหรับเขา คำตอบเขาคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี อดีตนายกฯส่วนฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าประชาธิปไตย ประชาธิปัตย์ก็ไม่ใช่คำตอบเขา เพราะเขาบอกว่า ประชาธิปัตย์ไปร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ ทางเดินไปข้างหน้าของพรรค จึงเป็นเรื่องของการค้นหาจิตวิญญาณของความเป็นประชาธิปัตย์ว่าที่ยืนของเราจะเป็นความหวังและตัวแทนของความคิดให้กับประชาชน ซึ่งความจริงไม่ได้ยาก สิ่งที่เรามีหรือเคยมีแล้วพรรคอื่นไม่มีมีหลายประการในอุดมการณ์ของพรรคคือองค์กรของเราใหญ่กว่าตัวบุคคลเสมอ อดีตหัวหน้าพรรคที่ผ่านมา8คนจะอยู่สั้นหรือยาวไม่เคยเป็นเจ้าของพรรค ถ้าใช้คำว่าคนที่ทำให้พรรคเคลื่อนไหว ตนก็ต้องตอบว่าพรรคคืออุดมการณ์
ปลุกอุดมการณ์ต้องร่วมฟื้นฟูพรรค
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า อุดมการณ์ของพรรคที่เราเคยพูดว่าเราเป็นพรรคที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ เราต่อสู้มายาวนาน ที่เราต้อสู้กับพรรคเพื่อไทย หรือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่ใช่เรื่องความแค้น แต่เป็นเรื่องการต่อสู้ทางความคิด ในสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นเรื่องความถูกต้องของบ้านเมือง แต่ระยะหลังมีการประเมินว่าประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคประชาธิปไตยแล้ว ดังนั้นเราต้องฟื้นฟูพรรค ถ้าเราคิดจะกลับมา เพราะเรามีความต่างจากพรรคการเมืองอื่นคือ เราไม่เคยกลัวเป็นฝ่ายค้าน ทั้งที่หลายพรรคเป็นได้แค่พรรครัฐบาล กับพรรครอร่วมรัฐบาล แต่เราไม่ใช่ ถ้าเรารักษาแนวทางแบบนี้เราก็มีโอกาสกลับมา
ขอเคลียร์‘เสี่ยต่อ’ปมค้างคาใจ
“เมื่อพรรคตัดสินใจตามนี้แล้ว ก็ต้องเดินหน้าต่อ แต่ผมได้ข้อสรุปว่าวันนี้ไม่ใช่เรื่องใครแพ้หรือชนะ แต่วันนี้พรรคเดินต่อไม่ได้ ไม่มีความเป็นเอกภาพแท้จริง ผมลงแพ้ก็น่าจะมีปัญหา ผมชนะก็ยิ่งมีปัญหาเข้าไปใหญ่ เพราะกระบวนการที่เกิดขึ้นหลายเดือนที่ผ่านมาเพื่อในห้องนี้มาถามผมว่าทำไมไม่คุยกัน ต่อมาก็พาดพิงว่า ผมไม่ยอมคุย ผมขอยืนยันว่าถ้าใครไปพูดอย่างนั้น ไม่จริง หลายคนพยายามพูดว่าให้คุยกัน แต่ได้รับการปฏิเสธ ผมก็ไม่กล้าสอบถามเหตุผลถึงการปฏิเสธ ไม่พูดคุย แต่คำตอบชัด คือ ไม่คุย ฉะนั้น วันนี้เมื่อนายชวนเสนอชื่อผม ผมถามท่านรักษาการหัวหน้าพรรค พักการประชุมแล้วคุยกับผมหรือไม่”นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำ
“เฉลิมชัย”แจงปมต้องคุยเคลียร์ใจ
ทำให้นายเฉลิมชัยลุกขึ้นกล่าวว่าคนที่นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงคือตน ก่อนหน้านี้เคยบอกไปว่าไม่มีอะไรจะคุย เพราะเคยประกาศว่าจะหยุดการเมือง นี่คือเหตุผล และขอกราบเรียนนี้คนเราอยู่ดีๆไม่มีใครพูดส่งเดชมีที่มาที่ไปทั้งหมด และที่มาที่ไป ตนก็ไม่เคยพยายามที่จะไม่พูดตรงนั้น เพราะเป็นความรับผิดชอบของตน ตนอาจจะไม่ได้บอกว่ารักประชาธิปัตย์มากที่สุดแต่ก็ผูกพันมาตั้งแต่ปี2518 ครอบครัวตน เป็นหัวคะแนนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ มันคือสายเลือด และก็ยึดมั่นในหลักการอุดมการณ์มาจนถึงทุกวันนี้เรื่องซื่อสัตย์สุจริต100เปอร์เซ็นต์เพราะฉะนั้น อะไรที่จะทำให้พรรคเดินไปได้ตนจะทำเป็นคนที่คุยกับคนเยอะหลายๆคนมันมีปมภายในที่ต้องคุยกัน
“ตนเรียนท่านหัวหน้าว่า พร้อมที่จะคุยกับท่านได้ จะได้คุยกันว่ามีปัญหาอะไรบ้าง เราก็คุยกันตรงๆแต่จะคุยกับผมสองคนใช่หรือไม่ ขอให้ท่านเชื่อมั่น หลักการ อุดมการณ์เต็มร้อย ไม่ต้องกังวลและตั้งแต่เข้ามาอยู่พรรคประชาธิปัตย์ 22ปี ยืนยันประชาธิปัตย์ ไม่เคยเป็นพรรคอะไหล่ใครและจะไม่มีวันยอม เชื่อตนได้ แต่ไม่อยากพูดมาก ไม่อยากจะเป็นข่าว เพราะว่ารู้ตัวว่า ตนต้องรับผิดชอบ”นายเฉลิมชัย ระบุ
จากนั้น นายเฉลิมชัยได้สั่งพักการประชุม 10 นาที เพื่อให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรค ได้พูดคุยกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคซึ่งได้พูดคุยกันในห้องเพียงสองคน
‘อภิสิทธิ์’ ลาออกพ้นปชป.
ต่อมา เวลา 11.38 น.หลังจากพักการประชุมใหญ่วิสามัญฯได้กลับมาเปิดประชุมอีกครั้งหลังนายอภิสิทธิ์ กับนายเฉลิมชัย ได้พูดคุยกัน โดยนายอภิสิทธิ์ได้กล่าวต่อที่ประชุมพร้อมกับน้ำตาคลอว่า จากการพูดคุยเข้าใจตรงกันทุกอย่าง ได้เรียนรักษาการหัวหน้าพรรคจะขอถอนตัวจากการเป็นสมัครหัวหน้าพรรค ด้วยเหตุผลที่แจ้งให้ตนทราบ ขอลาออกจากสมาชิกพรรค
“แต่ยืนยันไม่มีพรรคอื่น ไม่ไปพรรคอื่น กรีดเลือดเป็นสีฟ้าจนวันตาย เป็นลูกพระแม่ธรณี รับใช้บ้านเมืองวันข้างหน้า ถ้าช่วยพรรคในวันข้างหน้าได้ตนไม่ปฏิเสธ หวังว่าผู้บริหารชุดใหม่จะทำงานได้สำเร็จตามที่นายเฉลิมชัยได้กล่าวไว้กับผม”นายอภิสิทธิ์ ย้ำทิ้งท้าย เมื่อนายอภิสิทธิ์กล่าวเสร็จสิ้นได้เดินออกไปจากห้องประชุมทันที
ด้านนายเฉลิมชัย ลุกขึ้นกล่าวความในใจภายหลังเข้าเคลียร์ใจส่วนตัวกับนายอภิสิทธิ์ว่า การตัดสินใจของตนในวันนี้มันเจ็บ มันทำลายสิ่งที่ตนสร้างมาทั้งชีวิต ตนเข้าใจ ขอยืนยันว่าตนกรีดเลือดออกมาก็เป็นสีฟ้าไม่เป็นสีอื่นเลย ตลอดเวลาที่ตนอยู่ในพรรคก็เคร่งครัดยึดหลักการและอุดมการณ์ของพรรคไม่เคยเปลี่ยนแปลง ซึ่งตนได้เรียนเรื่องนี้กับนายอภิสิทธิ์ด้วย ตนขอเรียนสั้นๆว่า ตนมีความจำเป็น และอยากเห็นพรรคเดินไปข้างหน้า ตนจะทำให้พรรคมีเอกภาพ ยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคที่มีอยู่แล้ว
“ที่สำคัญที่ผมได้คุยกับนายอภิสิทธิ์เมื่อซักครู่ที่ผ่านมาผมได้ยืนยันกับนายอภิสิทธิ์ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยเป็นพรรคอะไหล่ ไม่ใช่ว่าเราจะไม่เป็น แต่เราไม่เคยเป็นตลอดระยะเวลาที่ผมอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์มา22ปี หลายสิ่งที่ผ่านมาอาจทำให้พรรคสะดุด ผมก็จะพยายามทำทุกอย่าง ผมมาทำงานในภารกิจหนึ่ง ผมจะพยายามทำให้พรรคมีเอกภาพ ทำให้ดีที่สุด และไม่มีวันทำลายหลักการและอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์”นายเฉลิมชัยย้ำ
‘มาร์ค’เดินออกจากที่ประชุมใหญ่
เวลา11.50น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคฯประกาศขอถอนตัวการลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรคพร้อมลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์กลางที่ประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์หลังพูดคุยเคลียร์ใจกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรค และรักษาการเลขาธิการพรรค โดยนายอภิสิทธิ์ได้เดินออกจากห้องประชุมทันที
โดยนายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์เพียงว่า”ได้พูดไปหมดแล้ว จากนี้ไม่มีอะไรค้างคาใจ ส่วนบทบาททางการเมืองจากนี้ จะเป็รอย่างไร ยังไม่ได้คิด”เมื่อถามว่าคาดการณ์ล่วงหน้าว่าหากพูดคุยกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรคแล้วจะลาออกจากพรรค นายอภิสิทธิ์ไม่ตอบคำถามดังกล่าว
เมื่อถามว่า ในระหว่างการคุยกับนายเฉลิมชัยบอกว่าจะไปร่วมรัฐบาลหรือไม่ จึงทำให้ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า”เดี๋ยวท่านก็พูดเอง”เมื่อถามย้ำว่าการตัดสินใจลาออกได้วางแผนไว้ล่วงหน้าหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ยังคงปฏิเสธที่จะตอบพร้อมเดินขึ้นรถโดยในระหว่างนั้นมีสมาชิกพรรควิ่งจับมือซึ่งนายอภิสิทธิ์บอกว่า”เดี๋ยวเจอกัน”ก่อนที่เดินทางกลับ
ต่อมานายสาธิต ปิตุเตชะ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)แถลงลาออกจากสมาชิกพรรคปชป.อีกคนโดยบอกว่าอุดมการณ์ของพรรคเปลี่ยนไป ไม่สามารถรับได้
ถึงวาระสำคัญเลือกหน.ปชป.
ช่วงบ่าย ที่ประชุมใหญ่วิสามัญสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งที่ 3/2566 ได้เข้าสู่ช่วงสำคัญ คือ การลงมติเลือก หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9 โดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา รักษาการรองหัวหน้าพรรคภาคใต้เสนอชื่อ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นหัวหน้าพรรค ส่วน น.ส.ผ่องศรี ธารภูมิ สมาชิกพรรคเสนอชื่อ พันโทหญิง ฐิฏา รังสิตพล มานิตกุล
ขณะที่ นายขยัน วิพรหมชัย อดีต สส.ลำพูน เสนอชื่อน.ส.วทันยา บุนนาค มีเสียงรับรองเพียงพอ แต่เนื่องจากคุณสมบัติเป็นสมาชิกไม่ถึง 5 ปี และไม่เคยเป็นสส.ของพรรค ขัดกับข้อบังคับพรรค ข้อ31(6) และข้อ32(1 )จึงต้องใช้เสียง 3ใน 4 ของจำนวนผู้มาประชุม หรือ 195 เสียง เพื่อยกเว้นข้อบังคับดังกล่าว
ปรากฏว่าน.ส.วทันยาได้เพียง139 เสียง เท่ากับที่ประชุมไม่อนุญาตให้ลงสมัคร จึงถือว่าไม่ได้รับการคัดเลือกชิงหัวหน้าพรรค เช่นเดียวกับ พันโทหญิงฐิฏา ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติชิงตำแหน่งเช่นเดียวกัน ทำให้เหลือผู้ถูกเสนอชื่อคือ นายเฉลิมชัย เพียงคนเดียว
‘เสี่ยต่อ’เปิดใจตัดสินใจวันนี้มันเจ็บ
โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ลุกขึ้นกล่าวพูดเปิดใจต่อที่ประชุมว่า ขออนุญาตขึ้นพูดนี้ อาจจะไม่ใช่เป็นวิสัยทัศน์ แต่อยากจะมาพูดในบางสิ่งบางอย่างที่เป็นความรู้สึกของผม ขอเรียนท่านสมาชิกทุกท่านว่า ผมรู้ว่าการตัดสินใจของผมในวันนี้มันเจ็บ มันทำลายสิ่งที่ผมสร้างมาทั้งชีวิต
“เข้าใจครับ แต่ผมพูดอยู่ตลอดเวลาว่า ผมคุยกับท่านหัวหน้าอภิสิทธิ์เมื่อสักครู่ ผมกรีดเลือดออกมาก็เป็นสีฟ้า ไม่มีสีอื่นเลย แล้วตลอดระยะเวลาที่ผมอยู่ในประชาธิปัตย์ ก็ยึดหลักการ และอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยเปลี่ยนแปลงและเป็นคนเคร่งครัดในหลักการด้วยซ้ำก็เรียนท่านหัวหน้าอภิสิทธิ์”
ยืนยัน ซื่อสัตย์ สุจริต ไร้มลทิน
แล้วเมื่อผมมาเป็นรัฐมนตรี พรรคให้โอกาส ผมยืนยันเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต กล้าพูดนะครับว่าผมไม่มีมลทินเรื่องนี้ ผมเป็นคนหนึ่งที่เวลาที่ผมอยู่กระทรวงเกษตรฯ ผมกล้าท้าข้าราชการให้ตรวจสอบผมอีกครับ เพราะว่าผมไม่ได้ไปในนามของตระกูล ศรีอ่อน ผมไปในนามพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งติดตัวผม แล้ววันนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อวานผมก็สัมภาษณ์ไป บอกวันนี้ถึงผมจะมีแต่วิญญาณ แต่ผมยังมีความสำนึกในพระคุณ ในทุกอย่างที่เป็นประชาธิปัตย์ ที่ทำให้ผมมีโอกาสมายืนวันนี้ ผมเรียนท่านสั้นๆ ว่าผมมีความจำเป็นครับ และผมก็อยากจะเห็นพรรคเดินไปข้างหน้า
ไม่มีวันทำลายหลักการ-อุดมการณ์
“ผมจะทำทุกอย่างให้พรรคมีเอกภาพ ผมจะทำให้พรรคซึ่งมีอยู่แล้วนี้ ยึดมั่นในหลักการและอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่สำคัญเมื่อสักครู่ที่ผมคุยกับท่านหัวหน้าอภิสิทธิ์ก็ คือผมยืนยันกับหัวหน้าอภิสิทธิ์ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยเป็นพรรคอะไหล่ ไม่ใช่ว่าเราจะไม่เป็นนะครับ เราไม่เคยเป็นตลอดระยะเวลา22ปีที่ผมอยู่ประชาธิปัตย์ เราไม่เคยเป็นพรรคอะไหล่ หลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านมา มันอาจจะทำให้การเมืองของพรรคสะดุด ผมก็จะพยายามทำทุกอย่างเหมือนที่ผมบอกละครับว่า ผมมาทำงานในภารกิจหนึ่ง ผมจะพยายามทำตรงนี้ให้ดีที่สุด จะพยายามทำให้เป็นเอกภาพและทำให้ดีที่สุดและจะไม่มีวันทำลายหลักการ และอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณมากครับ”นายเฉลิมชัยย้ำ
‘เฉลิมชัย’ผงาดหน.ปชป.คนที่9
จากนั้น เวลา13.31น.ที่ประชุมมีองค์ประชุม 260 คน เข้าคูหาลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จากนั้น เวลา13.30 น. นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ กกต.ประจำพรรคฯประกาศผลลงคะแนนว่าที่ประชุม เลือกนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ด้วยคะแนน 88.5 เปอร์เซ็นต์ ถือว่านายเฉลิมชัย ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9
จากนั้นเวลา 13.30น.ได้เข้าสู่การเลือก รองหัวหน้าพรรคประจำภาค 5 คนและรองหัวหน้าพรรค ตามภารกิจ 8 คน ผลปรากฎว่านายสมบัติ ยะสินธุ์ สส.แม่ฮ่องสอน เป็นรองหัวหน้าพรรค ภาคเหนือ นายไชยยศ จิรเมธากร อดีตรองหัวหน้าพรรคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นรองหัวหน้าพรรค ภาคอีสาน นายประมวล พงศ์ถารวาเดช สส.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคกลาง นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่า กทม. เป็นรองหัวหน้าพรรคภาค กทม.
ส่วนรองหัวหน้าพรรค ตามภารกิจ 8 คน เสนอโดยนายเฉลิมชัย เป็นผู้เสนอ คือ 1.นายนริศ ขำนุรักษ์ อดีตรมช.มหาดไทย 2.น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร อดีตรองเลขาธิการพรรค 3.พล.ต.ต. สุรินทร์ ปาราเล่ สส.สงขลา 4.นายนราพัฒน์ แก้วทอง อดีตรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ 5. นายธารา ปิตุเตชะ อดีตสส.ระยอง 6.นต.สุธรรม ระหงษ์ ผอ.พรรคฯ 7. นายมนตรี ปาน้อยนนท์ อดีตสส.ประจวบฯ และ 8. นายอภิชาติ ศักดิเศรษฐ
จากนั้นเป็นการเลือก เลขาธิการพรรคฯโดยนายเฉลิมชัย เสนอนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา เป็น เลขาธิการพรรค
“ราเมศ”นั่งโฆษกปชป.อีกสมัย
ในส่วนรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย1.น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร สส.พัทลุง 2.นายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ สส.ประจวบฯ 3.น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง 4.นายชนินทร์ รุ่งแสง อดีตสส.กทม. 5.นายสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา และ6.นางกันตวรรณ ตันเถียร อดีตสส.พังงา สำหรับตำแหน่งเหรัญญิกพรรค คือนางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ สส.กทม. นายทะเบียนพรรคคือ นายวิรัตน์ ร่มเย็น อดีตสส.ระนอง ส่วนโฆษกพรรคยังคงเป็น นายราเมศ รัตนะเชวง เช่นเดิม ทั้งนี้คณะกรรมการบริหารพรรคมีทั้งหมด 41 คน
‘มาดามเดียร์’ผิดหวังทั้งน้ำตา
ต่อมา น.ส.วทันยา ให้สัมภาษณ์เปิดใจทั้งน้ำตา หลังที่ประชุมเสียงไม่รับรองทำให้หมดสิทธิ์ลงสมัครหัวหน้าพรรค โดยขอบคุณสมาชิกพรรคทุกคนที่รับรองชื่อของตนรวมถึงสมาชิกทั้ง139คน ที่สนับสนุนที่รับรองชื่อ สิ่งที่ตนตั้งใจมาลงสมัครรับเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แม้ตัวเองจะเพิ่งได้มีโอกาสเดินเข้ามาทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ตั้งใจเข้ามาด้วยอุดมการณ์ ด้วยความหวังที่เราเชื่อมั่นและศรัทธาในพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่พรรคพ่ายแพ้การเลือกตั้งเหลือ สส.เพียง25คน เป็นสิ่งที่สมาชิกพรรคทุกคนรู้สึกหวาดหวั่นว่าอนาคตของพรรคจะเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่าจะลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ต้องขอประเมิน ทบทวนและรอดูทิศทางของพรรค เราต้องเลือกที่จะทำการเมืองกับพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ตรงกัน แต่ถ้าอุดมการณ์ไม่ตรงกันก็เป็นเรื่องของเราที่ต้องพิจารณาตัวเองว่ายังสมควรที่จะทำงานกับพรรคต่อไหม
“เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาจะมีสัญญาณที่บอกเราเอง ตอนนี้ตัดสินใจว่าจะยังไม่รับตำแหน่งใดๆ แต่ยังจะทำงานที่เคยสัญญาไว้กับประชาชนช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง เช่น การขับเคลื่อนกฎหมายต่างๆหรือที่ทำเพื่อประชาชนจะทำต่อ แต่งานที่ทำร่วมกับพรรคจะงดเว้นไปก่อนจนกว่าจะมีความชัดเจน” น.ส.วทันยา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี