ยื่นแพทยสภาฟันหมอกรมคุก-รพ.ตร.
จี้สอบจรรยาบรรณ
‘วัชระ’ชี้หวั่นทำผิดจริยธรรม
ปมอุ้ม‘ทักษิณ’นอนนอกคุก
‘วิษณุ’แนะ‘ยิ่งลักษณ์’รับโทษ
ก่อนยื่นถวายฎีกาขออภัยโทษ
“วัชระ เพชรทอง”ร้องแพทยสภา สอบหมอกรมราชทัณฑ์–โรงพยาบาลตำรวจ ปฏิบัติตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพเอื้อประโยชน์ให้นักโทษเทวดาหรือไม่ หลังสังคมไม่เชื่อว่า“ทักษิณ ชินวัตร” ป่วยจริงแต่ได้อภิสิทธิ์นอนห้องหรูชั้น 14 รพ.ตำรวจ ด้าน‘วิษณุ’แนะช่อง”ยิ่งลักษณ์” ทางอยากขออภัยโทษ ต้องกลับมาเป็นนักโทษก่อนถวายฎีกา
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2566 นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปที่สำนักงานเลขาธิการแพทยสภา อาคารมหิตลาธิเบศร ชั้น 12 เลขที่ 88 กระทรวงสาธารณสุข 88/19 ซอย สาธารณสุข 8 อำเภอเมือง นนทบุรี เพื่อยื่นหนังสือต่อ ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา และ พล.อ.ท.นพ. อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม (แพทย์) ไม่ประพฤติปฏิบัติตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมและกฎเกณฑ์ทางจรรยาบรรณที่แพทย์สภาวางเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับ นช.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า
ตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาจำคุก นช. ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 3 คดี (สิ่งที่ส่งมาด้วย 1) และประกาศราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 1 กันยายน 2566มีการประกาศให้โทษจำคุกเหลือ 1 ปี (สิ่งที่ส่งมาด้วย 2) และข่าว นช. ทักษิณถูกส่งตัวจากเรือนจำเข้าโรงพยาบาลคืนวันที่ 23 สิงหาคม 2566 (สิ่งที่ส่งมาด้วย 3) นั้น
ด้วยข้าพเจ้านายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนกรณีเคลือบแคลงสงสัยว่า นช.ทักษิณ ชินวัตร เข้าเรือนจำแต่ไม่ได้มีการจำคุกจริงตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 (ไม่เท่าเทียมนักโทษทั่วไป) ถูกส่งตัวย้ายมาอยู่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 นับแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2566 จนถึงวันนี้ครบ 125 วัน พี่น้องประชาชนไม่เชื่อว่าพักรักษาอยู่จริง มีการเอื้อประโยชน์โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่เพื่อช่วยเหลือ นช.ทักษิณพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจทั้งที่ไม่มีอาการเจ็บป่วยจริง นายแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์รับรองให้ นช.ทักษิณพักรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมีนายแพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลตำรวจรักษาอาการเจ็บป่วยของ นช.ทักษิณตลอดเวลาจนถึงปัจจุบันเป็นที่สงสัยของพี่น้องประชาชนอย่างยิ่ง
สอบแพย์กรมคุก-รพ.ตำรวจ
ดังนั้น ขอให้แพทยสภาซึ่งเป็นสภาวิชาชีพของแพทย์ ตรวจสอบนายแพทย์ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจไม่ประพฤติปฏิบัติตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมและกฎเกณฑ์ทางจรรยาบรรณที่แพทย์สภาวางเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับ นช.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ (รายชื่อแพทย์ขอให้สอบถามจากหน่วยงานต้นสังกัด) แพทย์โรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ออกใบวินิจฉัยโรคและใบรับรองให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นความเท็จหรือไม่ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจรักษาพยาบาล นช. ทักษิณแต่ละวันจนถึงปัจจุบัน เป็นความเท็จหรือไม่ และถ้าหากเป็นความเท็จแพทยสภามีบทลงโทษอย่างไร และจะใช้ระยะเวลาสอบสวนเรื่องนี้นานกี่วันเพราะเป็นกรณีที่อยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ทั้งนี้ข้าพเจ้ายินดีมาให้ถ้อยคำด้วยตนเอง
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และกฎหมาย หากผลประการใดกรุณาแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบด้วย จะขอบคุณยิ่ง
ขอแสดงความนับถือ ลงชื่อนายวัชระ เพชรทอง อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์
วุฒิสภา ถกกรรมการสิทธิ์
ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เชิญคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ชี้แจงความเห็นต่อการออกระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ที่ถูกสังคมตั้งคำถามว่าเอื้อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ โดยมีน.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช และนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเข้าชี้แจง ส่วนทางด้านกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ไม่ได้มาชี้แจงด้วยตนเอง โดยส่งนายสมภพ สังคุตแก้ว หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ กองทัณฑวิทยามาชี้แจงแทน
น.ส.ปิติกาญจน์ ชี้แจงต่อกรรมาธิการฯว่า ความเห็นที่ กสม. เสนอไป คือให้กรมราชทัณฑ์ จำแนกผู้ต้องขังออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.ผู้ที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดี ซึ่งตามหลักกฎหมายและหลักสากล จะต้องสันนิษฐานให้ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ซึ่งในจำนวนนี้มีอยู่ประมาณ 50,000คนที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดี และ2.นักโทษเด็ดขาด ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มนี้จะต้องมีแนวทางปฏิบัติที่แตกต่างกัน
ไม่เกี่ยวออกระเบียบเอื้อแม้ว
ขณะที่นายวสันต์ ยืนยันว่า คำแถลงของกสม. ที่ได้หารือกับกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ถูกพาดพิง และเกรงว่าสังคมจะเข้าใจผิด จึงขอชี้แจงว่า ข้อเสนอของ กสม. เมื่อตอนตรวจเยี่ยมเรือนจำ ปี 2562 คือข้อเสนอ แก้ปัญหาความแออัดของเรือนจำซึ่งมีประเด็นเข้ามาคือผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการสู้คดี ยังเป็นแค่จำเลย และบางส่วนไม่ได้รับการประกันตัว จึงเสนอให้ควรปฏิบัติให้ต่างกับนักโทษเด็ดขาด และขณะนั้นมีข้อเสนอร่วมกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้น คือบุคคลเหล่านี้ควรสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และหลังจากนั้น ได้พูดคุยกับพ.ต.อ.ทวี ถึงหลักผู้ที่ถูกกล่าวหา กับนักโทษเด็ดขาด
“ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องระเบียบนี้โดยตรง ซึ่งมีการพูดถึงนักโทษที่ป่วยหนัก หรือป่วยจิตเวช ที่ควรพิจารณา แต่ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ และเห็นว่ากรณีที่ผู้ถูกกล่าวหา จะป่วยหนักติดเตียงหรือจิตเวช คนที่จะสั่งได้ต้องเป็นศาล เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่ากรมราชทัณฑ์จะสั่งเองทั้งหมด” นายวสันต์ กล่าว
แนะ”ปู”รับโทษก่อนถวายฎีกา
บ่ายวันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องการขอพระราชทานอภัยโทษ ต้องดำเนินการอย่างไร ว่า 1.ต้องเข้ามา 2.มอบตัวเป็นนักโทษแล้วถึงจะถวายฎีกาได้ ถ้ายังไม่รับโทษยังไม่สามารถถวายฎีกาได้ ไม่เรียกว่าฎีกา สำหรับฎีกาคือสิ่งที่นักโทษเด็ดขาดเป็นผู้ถวายขึ้นไป ส่วนจะโปรดเกล้าฯ หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพระมหากรุณาฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี