วันศุกร์ ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
อ่านฉบับเต็มที่นี่!!! ศาลฏีกานักการเมืองพิพากษายกฟ้อง'ยิ่งลักษณ์' คดีโยกย้าย'ถวิล เปลี่ยนสี'

อ่านฉบับเต็มที่นี่!!! ศาลฏีกานักการเมืองพิพากษายกฟ้อง'ยิ่งลักษณ์' คดีโยกย้าย'ถวิล เปลี่ยนสี'

วันอังคาร ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2566, 16.31 น.
Tag : ยิ่งลักษณ์ โยกย้ายถวิล เปลี่ยนศรี ศาลฎีกาฯ ม.157
  •  

องค์คณะศาลฎีกาฯนักการเมือง เสียงข้างมากพิพากษายกฟ้อง-ถอนหมายจับ"ยิ่งลักษณ์"โยกย้าย ‘ถวิล เปลี่ยนศรี’มิชอบฯ ศาลระบุชัดไม่มีเจตนาพิเศษสร้างความเสียหาย หรือเอื้อประโยชน์เครือญาติ"บิ๊กออฟ"นั่ง ผบ.ตร. ชี้ก่อนหน้านี้เคยมีตัวอย่างย้ายเลขาฯ สมช.ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 26 ธันวาคม ที่ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง สนามหลวง องค์คณะผู้พิพากษา ศาลฎีกาฯ อ่านคำพิพากษาคดี หมายเลขดำที่ อม. 11/2565 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ


กรณีระหว่างที่จำเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งโยกย้าย และให้นายถวิล เปลี่ยนศรี พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เลขาธิการ สมช.) โดยไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน ฯมาตรา 57วรรรคสอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งและเชื่อมโยงกับการโอนย้ายพล.ต.อ.วิเชียร  พจน์โพธิศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขณะนั้น ให้ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติแทน และบรรจุแต่งตั้งพล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์  ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญซาการตำรวจแห่งชาติ อันเป็นการแทรกแซงและก้าวก่ายการแต่งตั้ง โยกย้ายหรือการให้พ้นจากตำแหน่งข้าราชการ ซึ่งมีตำแหน่งเงินเดือนประจำและมิใช่ข้าราชการการเมือง ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ประกอบมาตรา 266(2) (3) และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของพล.ต.อ.เพรียวพันธุ์  เครือญาติของจำเลย และเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

โจทก์จึงขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157และพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542มาตรา 129/1ประกอบพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561มาตรา 192 ให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดี หมายเลขแดงที่ อม.211/2560และจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อม. 2/2565ของศาลนี้

โดยวันนี้ฝ่ายโจทก์มีตัวเเทนสำนักงานอัยการสูงสุดมาศาลส่วนฝ่ายจำเลยมีนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความจำเลยเดินทางมาศาล

องค์คณะผู้พิพากษา เสียงข้างมากเห็นว่า แม้มูลกรณีคดีนี้จะเคยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 1/2559แล้วก็ตามแต่คดีของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว คงพิจารณาวินิจฉัยแต่เพียงว่า ผู้ถูกร้อง (จำเลยคดีนี้ ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นนายกรัฐมนตรีเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมืองในเรื่องการบรรจุแต่งตั้งโยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนเงินเดือนหรือการพ้นจากตำแหน่งของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำและมิใช่ข้าราชการการเมือง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 266(2) และ (3) อันมีผลให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัวตามมาตรา 182วรรคหนึ่ง (7) หรือไม่เท่านั้น และผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวคงผูกพันศาลนี้ให้รับฟังได้เพียงว่า ความเป็นรัฐมนตรีของจำเลยได้สิ้นสุดลงแล้ว

ส่วนคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดก็มีประเด็นเพียงว่า คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่สั่งให้นายถวิลไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ที่สั่งให้นายถวิลพ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เท่านั้น ไม่มีประเด็นพิจารณาวินิจฉัยถึงความรับผิดทางอาญาของบุคคลใด

ปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดอาญาตามฟ้องคดีนี้หรือไม่ จึงเป็นคนละประเด็นกับที่ศาลรัฐธรมนูญและศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัย และยังไม่มีศาลใดวินิจฉัยมาก่อน จึงอยู่ในอำนาจศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และการที่จะวินิจฉัยเกี่ยวกับความรับผิดทางอาญาของจำเลยนอกจากจะต้องพิจารณาจากการกระทำของจำเลยแล้ว ยังต้องพิจารณาถึงเจตนาและเจตนาพิเศษเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือโดยทุจริตอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต129/1ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมาตรา192 ด้วย จึงไม่อาจนำเอาข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองสูงสุดดังกล่าวมาผูกพันให้ศาลนี้ต้องรับฟังตาม

สำหรับประเด็นว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมากเห็นว่าการกระทำความผิดตามฟ้อง นอกจากเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่โดยตรงในการปฏิบัติหน้าที่ต้องมีเจตนาในการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแล้ว เจ้าพนักงานผู้นั้นยังต้องมีเจตนาพิเศษในขณะกระทำความผิดเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือต้องมีเจตนาปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยพยานหลักฐานจากการไต่สวนได้ความว่า ในทางปฏิบัติที่ผ่านมาได้มีการพิจารณโยกย้ายตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำแตกต่างจากกรณีข้าราชการอื่นทั่วไป ประกอบกับจำเลยมิได้มีสาเหตุขัดแย้งอันใดกับนายถวิลเป็นการส่วนตัว อันจะเป็นมูลเหตุจูงใจให้จำเลยประสงค์ที่จะกลั่นแกล้งนายถวิลแต่อย่างใด

จำเลยคงอ้างเหตุผลว่า รัฐบาลก่อนได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง โดยจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) โดยมีนายถวิลเป็นกรรมการและเลขานุการ เกิดเหตุการณ์นำไปสู่ความรุนแรงยิ่งขึ้น จึงต้องการเปลี่ยนตัวบุคคลที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ แสดงว่ากรณีมีเหตุที่จะโอนนายถวิลมาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีอยู่ก่อนแล้วโดยไม่ได้มีข้อคำนึงถึงว่าพล.ต.อ. วิเชียร  พจน์โพธิ์ศรี จะยินยอมย้ายจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือไม่

ทั้งพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร  อดีตเลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ เบิกความว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลย่อมต้องการผู้ได้รับความไว้วางใจสูงสุดมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติก็มีความชอบธรรมที่ จะเปลี่ยนแปลงตัวผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวได้ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อเข้าสู่สมัยนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีการโอนย้าย ผู้ดำรงตำแหน่งจากตันสังกัดเดิมมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำเช่นเดียวกับกรณีของนายถวิล การใช้ดุลพินิจของจำเลยในการโยกย้ายนายถวิลจึงเป็นไปตามแนวทางที่เคยปฏิบัติกันมาแต่เดิม ข้อเท็จจริงยังไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาพิเศษเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่นายถวิล

ส่วนที่โจทก์อ้างว่าจำเลยต้องการให้พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์  ญาติของจำเลยขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น เมื่อทางไต่สวนไม่มีประจักษ์พยานมาเบิกความยืนยัน กรณีจำเป็นต้องพิจารณาจากพยานแวดล้อมที่ปรากฏในการไต่สวน ซึ่งพยานหลักฐานดังกล่าวยังไม่อาจบ่งชี้อย่างชัดแจ้งว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายได้มีการคบคิดวางแผนกันล่วงหน้าในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำกับจำเลยมาตั้งแต่แรก ทั้งหากจำเลยมีเจตนาตระเตรียมการให้รับโอนนายถวิลมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ และรับโอนพล.ต.อ.วิเชียร มาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติแทน เพื่อที่จะให้ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่างลงแล้ว น่าจะต้องมีการแจ้งหรือทาบทามพล.ต.อ.วิเชียร  ให้ยินยอมที่จะมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเสียก่อนแต่ขณะที่มีการจัดทำบันทึกขอรับโอนนายถวิล จนถึงวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการโอนนายถวิลมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำนั้น ไม่มีพยานปากใดยืนยันว่าจำเลยสั่งการหรือมอบหมายผู้ใดทาบทามพล.ต.อ.วิเชียร ให้มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่า หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้นายถวิลไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี  ได้โทรศัพท์มาทาบทามพล.ต.อ วิเชียร แล้วพล.ต.อ.วิเชียร  จึงตัดสินใจไปดำรงตำแหน่งดังกล่าว อันเป็นการยินยอมภายหลังจากที่โยกย้ายนายถวิลไปแล้วนานถึง 22วัน ยิ่งกว่านั้นขณะที่จำเลยสั่งการให้โอนนายถวิลก็ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าจำเลยทราบว่าต่อมาภายหลังพล.ต.อ.วิเชียร  จะสมัครใจย้ายหรือไม่ หรือจะย้ายไปดำรงตำแหน่งใด เมื่อใด ย่อมรับฟังไมได้ว่าจำเลยสั่งการให้รับโอนนายถวิลโดยมีเจตนาเพื่อจะให้ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่างลง และไม่อาจฟังได้ว่าการสมัครใจย้ายของพล.ต.อ วิเชียร เป็นผลโดยตรงจากการโยกย้ายนายถวิลอีกด้วย

ส่วนที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีบันทึกข้อความถึงรองนายกรัฐมนตรี (พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ  ) เพื่อขอรับโอนนายถวิลมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ โดยระบุว่ารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ในฐานะรัฐมนตรีเจ้าสังกัดให้ความเห็นชอบและยินยอมการรับโอนแล้ว ทั้งที่ได้มอบความเห็นชอบ และมีการแก้ไขวันที่ที่ทำเอกสาร นั้นไม่ปรากฏว่าจำเลยรู้เห็นเกี่ยวข้องกับข้อความในเอกสารฉบับดังกล่าว

ส่วนการดำเนินการในการขอรับโอน ขอรับความเห็นชอบ และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อมีมติอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ รวมทั้งการที่จำเลยได้มีคำสั่งให้นายถวิลไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีใช้เวลาเพียง 4วัน ก็ได้ความว่าการเสนอแต่งตั้งโยกย้ายเป็นเรื่องที่ต้องเร่งรัดให้ทันต่อการเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องปกติและเกิดขึ้นบ่อย จึงไม่ถือเป็นข้อพิรุธ และที่จำเลยมีส่วนในการดำเนินการโยกย้ายนายถวิลให้พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยเป็นผู้อนุมัติให้นำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติในวันที่ 6 กันยายน2554ได้ร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีและร่วมลงมติอนุมัติให้นายถวิลพ้นจากตำแหน่ง เมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วจำเลยได้ออกคำสั่งให้นายถวิลไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีภายหลังคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแล้ว ก็เป็นกระบวนการและขั้นตอนของกฎหมายในการโอนย้ายข้าราชการระดับสูง

การกระทำของจำเลยในส่วนนี้ย่อมไม่อาจนำมารับฟังว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตเพื่อประโยชน์ของพล.ต.อ.เพรียวพันธุ์  จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามฟ้อง

พิพากษายกฟ้อง เเละให้ถอนหมายจับจำเลยคดีนี้.

-001

 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘ทวี’ปิดปากเงียบ  ส่ง‘แม้ว’ชั้น14ไม่ผ่านราชทัณฑ์  โยนศาลฎีกาฯเป็นคนพิจารณา ‘ทวี’ปิดปากเงียบ ส่ง‘แม้ว’ชั้น14ไม่ผ่านราชทัณฑ์ โยนศาลฎีกาฯเป็นคนพิจารณา
  • \'สมชาย\'เตือน! \'อุ๊งอิ๊งค์\'อาจเสีย\'ตาเมือนธม-เกาะกูด\' ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย\'ยิ่งลักษณ์\'เสีย\'พระวิหาร\' 'สมชาย'เตือน! 'อุ๊งอิ๊งค์'อาจเสีย'ตาเมือนธม-เกาะกูด' ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย'ยิ่งลักษณ์'เสีย'พระวิหาร'
  • \'พิชิต\'ซัด นายกฯ เป็นใบ้ ปรับ ครม. ก็ไม่รู้เรื่องชายแดน-จำนำข้าว\'อาปู\'ก็ไม่ตอบ 'พิชิต'ซัด นายกฯ เป็นใบ้ ปรับ ครม. ก็ไม่รู้เรื่องชายแดน-จำนำข้าว'อาปู'ก็ไม่ตอบ
  • ‘ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม’ ศาลปกครองสูงสุดสั่ง‘ยิ่งลักษณ์’ ชดใช้หมื่นล้านคดีจำนำข้าว ‘ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม’ ศาลปกครองสูงสุดสั่ง‘ยิ่งลักษณ์’ ชดใช้หมื่นล้านคดีจำนำข้าว
  • มั่นใจไม่ต้องชดใช้ค่าจำนำข้าว  ทนาย‘ปู’ยื่นหลักฐานใหม่สู้คดี มั่นใจไม่ต้องชดใช้ค่าจำนำข้าว ทนาย‘ปู’ยื่นหลักฐานใหม่สู้คดี
  • \'พิชัย\'ยังไม่ตัดสินใจ! ปมเรียกค่าเสียหาย\'ยิ่งลักษณ์\'หมื่นล้าน คดีจำนำข้าว 'พิชัย'ยังไม่ตัดสินใจ! ปมเรียกค่าเสียหาย'ยิ่งลักษณ์'หมื่นล้าน คดีจำนำข้าว
  •  

Breaking News

เสิร์ฟความมันส์!ไม่มีกั๊ก!กับสคูลทัวร์ 'คอนเสิร์ตศาสตร์ 2025 ศาสตร์ความมันส์ ยกกำลัง 3'

'เพเซอร์ส'ฮึด! ตีเจ๊า'โอเคซี'ชี้ชะตาแชมป์NBAถึงนัดสุดท้าย

‘อดีตสว.สมชาย’ยันไม่ได้เรียกหา‘รัฐประหาร’ ลั่นเป็นความผิด‘แพทองธาร’คนเดียว

ปัดล็อบบี้ฝุ่นตลบ! ‘ภูมิใจไทย’ยัน‘เนวิน’ไม่เคยดีล‘ลุง’-ดัน‘พีระพันธุ์’-ตั้งรัฐบาลสู้

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved