พท.หนุนสุดลิ่มพักโทษ‘ทักษิณ’
อ้างสมานฉันท
‘สมศักดิ์’ยันเข้าเกณฑ์
ส่งน.ช.เทวดากลับบ้าน
‘หมอวรงค์’ชี้พิรุธ9ข้อ
ทวง‘นิติรัฐ-นิติธรรม’
เพื่อไทยเรียงหน้ายกสารพัดคุณความดี อ้างสมานฉันท์ “ทักษิณ” ต้องได้กลับบ้าน ไม่ควรติดคุก แม้แต่วันเดียวขณะที่ “สมศักดิ์” บอกนายใหญ่เข้าเกณฑ์พักโทษ ด้าน“นิพิฏฐ์-หมอวรงค์” ตามขุดพิรุธ 9 ข้อทวงคืนนิติรัฐ นิติธรรมกลับคืนมา
เมื่อวันที่ 19 มกราคม นายวรชัย เหมะ อดีตสส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีศาลอาญาพิพากษายกฟ้องกลุ่มพันธมิตร คดีบุกยึดสนามบินดอนเมือง แค่สั่งปรับจำเลยข้อหาบุกรุกเท่านั้น ก่อนหน้านั้นคดีบุกยึดทำเนียบรัฐบาล แกนนำพันธมิตรคนสำคัญอย่าง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็ถูกพิพากษาโทษจำคุก 8 เดือน ติดจริงแค่ 2 เดือน
ทั้งนี้ ถ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นในแง่ของความสมานฉันท์ปรองดอง ทำให้เกิดความสงบสันติอย่างแท้จริงในบ้านเมือง ต้องให้ความเป็นธรรม และคืนความเป็นธรรมกับทุกคนทุกฝ่าย แน่นอนว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องอยู่ในข่ายเช่นเดียวกัน และส่วนตัวมองว่าเป็นบุคคลที่สมควรได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด เพราะจุดเริ่มต้นกระบวนการไต่สวน กล่าวหามีที่มาเชิงปรปักษ์ เครือข่ายฝ่ายตรงข้าม อะไรก็ผิดยากจะทำใจยอมรับ ต้องจากบ้านไปเผชิญชะตากรรมในต่างแดนถึง 17 ปี ทุกข์ทรมานด้านจิตใจยาวนานไม่ต่างจากการถูกจำขัง
สับม้อบก้มหน้าก้มตารับจ๊อบ
“ถึงอย่างนั้นวันนี้นายทักษิณก็ยังยอมรับความผิดกลับไทยมารับโทษ และได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ หากจะได้รับการพักโทษให้กลับบ้านเร็วๆนี้ ก็สมควรอย่างยิ่ง คิดว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ หากคิดถึงผลงานที่นายทักษิณ ตรากตรำทำงานให้ประเทศชาติประชาชนสมัยเป็นนายกฯ และหลายเรื่องที่ถูกกล่าวหาระบุเป็นความผิด ล้วนสร้างคุณูปการ เจตนาทำประโยชน์ เช่น โครงการหวยบนดิน ที่ทำให้เด็กนักเรียนได้รับการศึกษา ดังนั้นนายทักษิณ ควรได้รับการพักโทษทันที ความจริงไม่สมควรต้องได้รับโทษจำคุกแม้แต่วันเดียวเลยด้วยซ้ำ บรรดานักเคลื่อนไหวต่อต้านควรมีหลักคิด มโนธรรมบ้าง ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตารับจ๊อบรับงานมีวาระซ่อนเร้น มันเห็นชัดว่าคือความปลอม ไม่มีวิธีคิดอุดมการณ์” นายวรชัย กล่าว
ทักษิณเข้าเกณฑ์พักโทษ
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี และอดีตรมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่กรมราชทัณฑ์ ยอมรับว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้าข่ายเกณฑ์พักโทษ จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวจนทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้หรือไม่ว่า ไม่เกี่ยวกันหรอก เพราะการพักโทษในแต่ละวันแต่ละเดือนมีการพักโทษมากมาย ซึ่งคนที่เข้าเกณฑ์ก็จะต้องได้รับสิทธิ์เหล่านั้น เราจะไปเจาะจงเป็นใครหรือท่านใดท่านหนึ่งไม่ได้ ถ้าหากท่านทักษิณ ครบกำหนดหรือการตรวจสอบของแพทย์ดำเนินการตามกติกาที่มีอยู่ครบถ้วนแล้ว หากถึงเวลาก็ต้องดำเนินการไปตามแนวทางของกฎกติกาที่มีอยู่ ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดามาก และคนทั่วไปก็ได้รับสิทธิ์นี้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการเคลื่อนไหวพร้อมตั้งข้อสังเกตกรณีนายทักษิณ เป็นเรื่องของอภิสิทธิ์ชน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มีหรอก อยู่ในการควบคุมของกรมราชทัณฑ์ จะมีอภิสิทธิ์ชนได้อย่างไร พร้อมย้ำว่าไม่มีหรอกครับ ไม่มีแน่นอนเราก็ติต่างกันไป พูดกันไปเรื่อยเฉื่อยไม่มีอะไร
เมื่อถามว่า เหมือนรัฐบาลพยายามชี้แจงประเด็นดังกล่าวแต่สังคมยังไม่เข้าใจ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็ชี้แจงใหม่ ในเมื่อกติกาและหลักเกณฑ์ครบแล้วจึงถือว่ามีสิทธิ์
“นิพิฏฐ์”ยันไม่มีอคติ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ดังนี้...อยากรักประเทศนี้เหมือนเดิม ว่าตามความจริง ผมไม่มีอคติใดๆ กับคุณทักษิณ ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจเลย ผมมิได้มีความปรารถนาให้ คุณทักษิณ นอนในเรือนจำหน้าห้องน้ำ มีหมอน 1 ใบ ผ้าห่ม 2 ผืน เพราะผมเข้าใจวัฒนธรรมไทยๆ คุณทักษิณเคยเป็นนายกรัฐมนตรี จะปฏิบัติต่อคุณทักษิณเหมือนนักโทษปล้น , ฆ่า มิได้ อันนี้ผมเข้าใจ!
หากคุณทักษิณ จะนอนในห้องพิเศษ ทำขึ้นเป็นพิเศษ มีหมอ และ พยาบาล จากรพ.พระราม 9 คอยดูแลตลอด 24 ชม. สั่งอาหารพิเศษจากภายนอกกิน ไม่ต้องติดกล้องวงจรปิดบริเวณที่ คุณทักษิณ อยู่ ไม่ต้องเป็นข่าวอะไร ผมรับได้ และ ผมเข้าใจ! เงื่อนไขของผม คือ เพื่อรักษาระบบนิติรัฐไม่ให้พังทลาย คุณทักษิณ ต้องนอนในเรือนจำ การที่ คุณทักษิณ โชว์ความฟิตของร่างกาย ตอนอยู่ดูไบ ผมก็ว่า คงฟิตจริง เพราะความรวยระดับนั้น กับสุขภาพระดับนั้น เหมาะสมกันแล้ว การที่ คุณทักษิณ เคยพูดว่าจะกลับมาอย่างเท่ห์ๆ และไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว ผมไม่เชื่อและผมเคยประชดว่า ถ้าจะมาแบบนั้น ก็ต้องมีพระนำมาล่ะ
เอานิติรัฐกลับคืนมา
แต่สุดท้าย คุณทักษิณที่สุขภาพดี แข็งแรง ก็กลับมาสู่อ้อมกอดของมาตุภูมิและไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว คุณทักษิณทำได้จริง อันนี้ เหลือเชื่อจริงๆ ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่ผมขอบอกว่า คุณทักษิณ ทำให้ผมรักประเทศนี้น้อยลง ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ ผมเป็นนักกฎหมายที่เคยเชื่อระบบนิติรัฐ ตอนนี้ผมหมดความเชื่อถือต่อระบบนิติรัฐของประเทศนี้ไปแล้ว
กรณีของ คุณทักษิณ อาจทำให้ผมเห็นแก่ตัวมากขึ้น ผมบอกคนที่รู้จักว่า “เอาตัวให้รอดเถอะ” ประเทศนี้อาจไม่เหมือนเดิม คุณทักษิณ ทำให้ประเทศผมเปลี่ยนไปจริงๆ ที่ผมทำ และคิดอยู่ทุกวัน ก็เพื่อนำระบบนิติรัฐกลับคืนมา ทำเพื่อให้ผมกลับมารักประเทศนี้เหมือนเดิม เหมือนที่ผมเคยรัก ทำได้หรือเปล่าผมไม่รู้
แม้วไม่สมควรได้พักโทษ
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า นักโทษชายทักษิณยังไม่สมควรได้รับการพักโทษ การที่ราชทัณฑ์แถลง พักโทษนักโทษชายทักษิณ กรณีพิเศษ เพราะสูงอายุ เจ็บป่วยร้ายแรง พวกเราไม่เห็นด้วย เพราะเราไม่เชื่อว่า นช.ทักษิณ นั้น เจ็บป่วยร้ายแรงจริง ตามเหตุผลที่ชี้แจงประกอบ ดังนี้ 1.วันที่ 22 สค. 2566 ที่เดินทางมาถึงสนามบินดอนเมือง เขายังดูแข็งแรง 2.กลางดึกคืนวันที่ 22 สค. เกิดอาการป่วยหนัก ถึงขนาดต้องส่งตัวด่วนไปรักษาโรงพยาบาลตำรวจ มันย้อนแย้งกับภาพที่เห็นตอนกลางวัน 3.ที่ผ่านมาไม่มีคำแถลงใดๆ ที่น่าเชื่อถือว่าป่วยหนักร้ายแรง จากกรมราชทัณฑ์ หรือคณะแพทย์ที่รักษา หรือนำหลักฐานเช่นใบรับรองแพทย์ เพื่อยืนยันการป่วยหนักร้ายแรงในช่วงเวลาที่กฏกระทรวงกำหนด มาแสดงเพื่อให้ประชาชนเชื่อได้
ไม่พบหาทีมแพทย์มาช่วย
4.การรักษาเกิน 140 วัน และป่วยหนักแบบต่อเนื่อง ทางทีมแพทย์ที่รักษาต้องดิ้นรน เชิญทีมแพทย์ที่อื่นมาร่วมปรึกษาหารือ แต่ก็ดูเหมือนไม่วิตกกังวลที่จะหาทีมมาช่วยรักษา ไม่มีข่าวใดๆ เองนี้ จึงเป็นข้อสงสัยว่าป่วยหนักจริงหรือ 5.ในระหว่างรักษาถ้าป่วยหนักร้ายแรงจริง เหตุผลทางการแพทย์ จะยังไม่มีการผ่าตัดไหล่ ที่เจาะ 4 รู ถ้ามีการเจาะจริง แสดงว่าการป่วยนั้นต้องไม่หนักหรือรุนแรง 6.ไม่เห็นข่าวมีญาติเข้าเยี่ยม ทำให้เกิดข้อสงสัย
7.วงจรปิดเสีย ห้ามสื่อและประชาชนเข้าพื้นที่ดังกล่าว 8.หัวหน้าพยาบาลไม่เคยพบ ซึ่งผิดปกติมาก 9.ที่ปรึกษารัฐมนตรีอ้างว่า องค์กรอิสระมีการตรวจสอบ มีผู้ตรวจการแผ่นดินไปพบนักโทษชายที่ชั้น 14 แต่จากการตรวจสอบจากข่าวนั้นไม่มีการแถลงใดๆ เรื่องการไปพบนักโทษชายของผู้ตรวจการแผ่นดิน
จากเหตุผลที่กล่าวมา ซึ่งเป็นเหตุผลเพียงพอที่มีน้ำหนักและอาจเชื่อได้ว่า นักโทษชายไม่ได้ป่วยหนักร้ายแรงจริง เพียงเกิดข้อสงสัยว่า ทางราชทัณฑ์กำลังเอื้อประโยชน์ให้นักโทษชายหรือไม่ จากบทสรุปที่กล่าวมาทั้งหมด จึงมีเหตุสนับสนุนว่า นักโทษชายคนนี้ไม่สมควรได้รับการพักโทษตามที่ราชทัณฑ์แถลง.
เทพไท เคลียร์ปมพักโทษ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ขอความชัดเจน เรื่องการพักโทษ “ทักษิณ” ของกรมราชทัณฑ์ ผมเห็นข่าวที่กรมราชทัณฑ์ ออกมาชี้แจงเรื่อง น.ช.ทักษิณ ชินวัตร เข้าข่ายได้รับการพักโทษพิเศษแล้ว ทำให้รู้สึกสับสนในกฎระเบียบของกรมราชทัณฑ์ว่า ระหว่างคุณทักษิณกับผมได้ใช้กฎหมายฉบับเดียวกันหรือไม่ หลักเกณฑ์ในการพักโทษเหมือนกันหรือไม่
สำหรับผมเคยยื่นขอการพักโทษตั้งแต่ถูกคุมขังได้ 1 ใน 3 ของโทษตามคำพิพากษา แต่ได้รับการชี้แจงว่า ประกาศของกรมราชทัณฑ์ฉบับดังกล่าวได้ยกเลิกไปแล้ว จะขอใช้สิทธิ์การถูกคุมขังครึ่งหนึ่งของโทษทั้งหมด ก็ไม่มีระเบียบของกรมราชทัณฑ์รองรับ จึงมาใช้สิทธิ์เงื่อนไขถูกคุมขัง 2 ใน 3 ของโทษตามคำพิพากษา จึงได้รับสิทธิ์การพักโทษ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566
แต่เมื่อพิจารณาตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 มาตรา 52 (7) ที่ระบุว่า พักการลงโทษเมื่อนักโทษเด็ดขาดได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าหกเดือนหรือหนึ่งในสามของกำหนดโทษตามหมายศาลในขณะนั้นแล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า หรือไม่น้อยกว่าสิบปี ในกรณีที่ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต ที่มีการเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุกมีกำหนดเวลา และกำหนดระยะเวลาที่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขให้กำหนดเท่ากับกำหนดโทษที่ยังเหลืออยู่ ทั้งนี้ ในการคำนวณระยะเวลาการพักการลงโทษ ถ้ามีวันลดวันต้องโทษจำคุกตาม (6) ให้นำมารวมกับระยะเวลาในการพักการลงโทษด้วยโดยในการพักการลงโทษ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ
แปลกใจทำไมเลือกปฎิบัติ
ถ้าหากนำ พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวมาใช้กับคุณทักษิณนั้น ทำให้ผมแปลกใจว่า ทำไมผมไม่ได้รับการพิจารณาตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ด้วย ถ้าหากว่าผมได้ใช้ พ.ร.บ.กรมราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 มาบังคับใช้ ผมก็จะได้รับการพักโทษ ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2566 แล้ว
จึงอยากจะทวงถามความชัดเจนว่า การพักโทษ ระหว่างผมกับคุณทักษิณ ได้ใช้กฎระเบียบเดียวกันหรือไม่ ถ้าหากใช้กฎหมายคนละฉบับ จึงอยากจะถามว่าด้วยเหตุผลใด และกรมราชทัณฑ์ได้ปฏิบัติแบบสองมาตรฐานหรือไม่ อย่าให้เกิดความผิดพลาดเหมือนกรณีของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ “เบนซ์ เรซซิ่ง” อีกเลย ซึ่งจะสร้างความเสียหาย ประชาชนขาดความเชื่อถือต่อกรมราชทัณฑ์ และผู้รับผิดชอบอาจจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 ได้.
ฟ้องราชฑัณฑ์พักโทษแม้ว
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดินกล่าวถึงความคืบหน้ากรณียื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ตรวจสอบกรณีหน่วยงานรัฐอนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจว่า ตนได้ยื่นฟ้องกรณีแรกต่อกรมราชทัณฑ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจไปแล้ว และได้ฟ้องต่อกรมราชทัณฑ์เป็นคดีที่ 2 เนื่องจากมีการปกปิดข้อมูลข่าวสาร ที่ควรแจ้งให้ประชาชนทราบ คือใครขอข้อมูลเอกสารจากราชทัณฑ์เกี่ยวกับนายทักษิณจะไม่ให้เลย ทั้งที่ข้อมูลบางอย่าง ไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ใช่ข้อมูลทางการแพทย์ แต่ราชทัณฑ์อ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลทางการแพทย์จึงไม่ยอมให้ ซึ่งตนได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯซึ่งคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯสั่งว่ากรมราชทัณฑ์จะต้องให้ข้อมูลแต่ก็ยังเพิกเฉยอยู่
ส่วนคดีที่ 3 ตนร้องเรียนแพทยสภา ให้เข้าไปตรวจสอบกรณีการป่วยของนายทักษิณว่าป่วยจริงหรือไม่ อย่างไร ซึ่งแพทย์สภาก็ยังคงเงียบและได้ทำหนังสือทวงถามไปแล้ว
เอาความดีความชอบอะไรมาพักโทษ
ส่วนการยื่นฟ้องคดีที่ 4 เป็นการแถลงของโฆษกกรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมา ที่ระบุว่านายทักษิณ อาจจะเข้าข่ายการพักโทษ ทั้งๆที่หลักการพักโทษจะต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ซึ่งนายทักษิณได้รับการพระราชทานอภัยโทษจนเหลือ 1 ปีแล้วจะมาพักโทษซ้ำ 2, 3 และ 4 ไม่ได้
“คุณไปทำความดีอะไร นอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลตำรวจมาโดยตลอด เกือบ 140 วันแล้ว เอาความดีความชอบอะไรมา จะมาพักโทษได้ นายทักษิณยังรับโทษไม่ครบ 6 เดือน ซึ่งจะครบในปลายเดือนกุมภาพันธ์” นายศรีสุวรรณ กล่าวและยังฝากถึงกรมราชทัณฑ์ว่าอย่าพยายามช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ให้กับนายทักษิณมากเกินไป ไม่อย่างนั้นตัวเองจะต้องมารับโทษแทนนายทักษิณ
ส่วนที่กรมราชทัณฑ์ออกมาระบุว่า ถ้าออกมารักษาตัวภายนอกราชทัณฑ์ก็ไม่ใช้คำว่า นช.นั้น นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ถ้าไม่ให้ใช้ นช.ก็ให้ใช้คำว่าเทวดาไปเสียก็จบ เพราะชาวบ้านจะได้ไม่ต้องมาพะว้าพะวงว่าแท้ที่จริงแล้วคือเทวดา
ลุ้นพีรพันธ์ตั้งกก.สอบ
นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า นางนสินี มหาขันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน ปฏิบัติราชการแทนปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหนังสือตอบรับแจ้งกลับมายังตนแล้ว กรณีที่ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ปม นช.ทักษิณ ชินวัตร ต้องคำพิพากษาให้จำคุก 1 ปี แต่ไม่ได้จำคุกจริงในเรือนจำแม้แต่วันเดียวจริงหรือไม่ มีอาการป่วยเป็นเท็จหรือไม่ และอยู่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจตลอดเวลาหรือไม่
โดยนายวัชระ กล่าวว่า ข้าราชการผู้รับหนังสือจากตนได้ส่งเรื่องให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม รับทราบและประสานส่งไปยังกระทรวงยุติธรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี