เมื่อวันที่ 19 มกราคม ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หลังมีข่าวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) จะส่งผลการศึกษาและความเห็นมาให้รัฐบาลประกอบการพิจารณาว่า ได้รับรายงานและเท่าที่ทราบก็ทราบว่าจะส่งมา โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง บอกจะคอยรับรายงานเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตจากทางป.ป.ช.ตรงนี้ก่อน

ลั่นไร้โกง100%เพราะใช้เทคโนโลยี

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีรายงานส่วนหนึ่งของความเห็น ป.ป.ช. เป็นเรื่องความไม่คุ้มค่าและยังไม่มีการป้องกันการทุจริต จะอธิบายอย่างไร นายกฯกล่าวว่า เรื่องคุ้มค่าไม่คุ้มค่า ตนเชื่อว่าเรามีตัวเลขที่อธิบายได้ ส่วนเรื่องทุจริตตนมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไม่มีแน่นอน ถ้าสงสัยว่าทุจริตตรงไหนขอให้บอกมา รัฐบาลมีหน้าที่อธิบายเพราะเป็นการใช้เทคโนโลยีส่งเงินเข้ากระเป๋าประชาชน ตนไม่เห็นว่าจะทำทุจริตตรงไหนได้

“อย่าพูดลอยๆว่าทำทุจริตได้ ผมก็เข้าใจหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องระวังตรงนี้ แต่ถ้าบอกได้ว่าตรงไหนทุจริตเราก็พร้อมอธิบายให้ฟัง ถ้าอธิบายไม่ได้ ถ้าเกิดมีข้อกังขาคงทำไม่ได้” นายเศรษฐา กล่าว

โต้พิงปปช.ล้มโครงการยันลุยเต็มที่

ส่วนกำหนดการเริ่มจ่ายเงินดิจิทัลยังอยู่ไทม์ไลน์เดิมที่วางไว้เดือนพฤษภาคมหรือไม่ นายกฯเผยว่ารมช.คลังแจ้งแล้วว่าอาจดีเลย์ออกไป ส่วนที่น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.พรรคก้าวไกล ออกมาพูดว่าการที่มีรายงานจาก ป.ป.ช. ออกมาอาจเป็นผลให้รัฐบาลยุติโครงการ โดยอ้างว่าทำจนหลังชนฝาแล้วนั้น ตนยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีความคิด ณ จุดนี้ เดินหน้าเต็มที่

ถามว่า ที่นายกฯบอกจะดีเลย์ออกไปตามที่นายจุลพันธ์พูดนั้น หมายถึงเลยออกไปจากเดือนพฤษภาคมใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับว่ารายงานของป.ป.ช. จะมาถึงเรานานขนาดไหน และมีคำถามมากน้อยแค่ไหนอย่างไร จริงๆแล้วเมื่อมีคำถามตนก็อยากให้เป็นคำถามเฉพาะเจาะจง เราจะได้ตอบตรงไปตรงมา ส่วนความเป็นไปได้หรือไม่จะเลื่อนไปใช้งบประมาณปี 2568 นั้น ยังไม่มีการพูดคุยไปไกลถึงขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม หากความเห็นของหน่วยงานต่างๆส่งมาให้รัฐบาล ก็ต้องคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อจังหวะเวลาเหมาะสม คำตอบของคำถามต่างๆเป็นแบบนี้เห็นด้วยหรือไม่ ตนเป็นคนให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลเสมอ

อ้างโพลสรยุทธ93%ชี้ศก.วิกฤติ

ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีการสำรวจความคิดเห็นของผู้ติดตามเพจเฟซบุ๊คของนายสรยุทธ สุทัศนจินดา พิธีกรรายการทีวีประมาณ 245,000 คนต่อคำถามว่าขณะนี้เศรษฐกิจของไทยวิกฤตหรือไม่ ผลปรากฏว่า 226,000 คน หรือคิดเป็น 93% ตอบว่า “วิกฤต” มีเพียง 19,000 คน หรือคิดเป็น 7% เท่านั้นที่ตอบว่า “ไม่วิกฤต”ว่า ขอให้สังคมได้รับฟังความคิดเห็นของกันและกัน รัฐบาลที่ลงพื้นที่อยู่ตลอดเวลาได้ยินเสียงของประชาชนอย่างชัดเจน ทำให้ทราบดีว่าประชาชนส่วนใหญ่คิดเห็นว่าสภาพเศรษฐกิจขณะนี้อยู่ในช่วงวิกฤต รัฐบาลพร้อมช่วยเหลือให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ พร้อมใช้วิธีการที่ไม่ขัดหลักกฎหมาย ดังนั้น หากประเมินจากการสำรวจข้างต้น ขอให้ผู้คัดค้านนโยบาย Digital Wallet โปรดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ที่กำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างสาหัสอยู่ขณะนี้

ปปช.แนะนำทำตามหรือไม่ก็ได้

มีความเห็นจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรีกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมทำข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการดิจิทัล วอลเลต 10,000 บาท มาให้รัฐบาลว่า ตนเข้าใจว่าเป็นคำแนะนำ รัฐบาลจะทำตามหรือไม่ก็ได้ หากรัฐบาลเห็นว่า ถ้าไม่ทำตามแล้วจะเกิดผลที่ดีกว่า หากดูจากกฎหมาย ที่เสนอเข้าไปในที่ประชุม ในมาตรา 35 ซึ่งมาตรา 35 ระบุว่า กรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีเหตุอันควรสงสัยว่าดำเนินการอย่างไร ในหน่วยงานรัฐ อาจนำไปสู่การทุจริต หรือส่อว่าอาจทุจริต ให้กรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบโดยเร็ว และมีมติ ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ทำหนังสือแจ้งให้หน่วยงานของรัฐ และคณะรัฐมนตรีทราบ พร้อมข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไข แต่ที่อนุมัติมาเป็นมาตรา 32 ที่ป.ป.ช.มีหน้าที่และอำนาจเสนอมาตรการความเห็นและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี สภา ศาล องค์กรอิสระ หรืออัยการ ได้ ขออย่าซีเรียสกับเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้ประชาชนกังวลใจ ขออย่าสื่อมวลชนเขียนข่าวไป จนคนที่จะรอได้เงินดิจิทัล วอลเลต 10,000 บาทตกใจ แต่ขอให้แสดงข้อเท็จจริงไปตามเนื้อผ้า

“เป็นเรื่องนโยบายรัฐบาล ที่เขาหาเสียงเขาดำเนินการแล้ว และตัวชี้วัดใด ทำให้ประชาชนเข้าใจได้ หรือเข้าใจไม่ได้ รัฐบาลก็จะนำออกมาชี้แจงเอง อย่าห่วง เศรษฐศาสตร์มีตัวเลขและตัวชี้วัดอยู่แล้ว ไม่น่าห่วงอะไร”นายสมศักดิ์กล่าว และว่า ส่วนที่ห่วงจะซ้ำรอยโครงการจำนำข้าวนั้น โครงการรับจำนำข้าวไม่ได้ผิดอะไร แต่เกี่ยวกับขั้นตอนระบายข้าว ซึ่งเกี่ยวข้องหลายคนหลายรัฐบาล

ตรวจแจกเงิน1หมื่นไม่คืบ

ขณะที่นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทของรัฐบาลว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินอยู่ระหว่างแสวงหาข้อเท็จจริง รายละเอียดโครงการฯว่ารัฐบาลจะดำเนินการรูปแบบใด ลักษณะใด เพื่อจะนำไปสู่การตรวจสอบกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายการเงินการคลังหรือไม่ ข้อเท็จจริงเท่าที่ติดตามข้อมูลพบว่ารัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียดการปฏิบัติ ดังนั้น ต้องรอว่ารัฐบาลมีรายละเอียดโครงการอย่างไร จากนั้นจะขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับนโยบายดังกล่าวให้ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น ความเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อกฎหมายว่าขัดหรือไม่ขัดรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายการเงินการคลังหรือไม่ ส่วนที่ต้องใช้เวลาเบื้องต้นคือ ข้อเท็จจริงแห่งการร้องเรียน เนื่องจากยังไม่มีรายละเอียดเพียงพอที่พิจารณาได้

เหตุรบ.ไร้ข้อสรุปดำเนินโครงการ

ส่วนที่รัฐบาลยังไม่ชัดเจนการดำเนินโครงการ ผู้ตรวจฯจำเป็นต้องขยายกรอบให้รัฐบาลชี้แจงหรือส่งตามกำหนดเดิมคือสิ้นเดือนมกราคม นายสมศักดิ์กล่าวว่า หากรายละเอียดยังไม่ออก เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเร่งและรับผิดชอบต่อสาธารณะโดยผู้ตรวจฯจะพิจารณาว่าเมื่อรัฐบาลดำเนินการแล้วผิดหรือไม่ ชั้นนี้ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร

เมื่อถามว่าผู้ตรวจการฯจะได้ข้อสรุปภายในเดือนกุมภาพันธ์หรือไม่ หลังรัฐบาลส่งคำชี้แจงมาแล้ว นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คงไม่สามารถกำหนดวันไม่ได้แน่นอน เพราะต้องเริ่มว่ารัฐบาลได้กำหนดรายละเอียด วิธีการที่แน่นอน ทั้งนี้ รัฐบาลสามารถขอขยายระเวลาชี้แจงกับผู้ตรวจการแผ่นดินได้

“ในชั้นนี้เท่ากับรัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรเลย ยังไม่ได้มีความผิดอะไร ก็ไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเมื่อใดรัฐบาลเริ่มโครงการและมีข้อร้องเรียนว่าทำผิด จึงจะมีเรื่องเงื่อนเวลาเกิดขึ้น” นายสมศักดิ์ กล่าว และว่า ในการพิจารณาของผู้ตรวจการฯจะนำข้อมูลและประมวลความคิดเห็นของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์ วินิจฉัยนำมาประกอบการพิจารณา รวมถึงข้อเสนอของคณะกรรมการเพื่อศึกษาและดำเนินการรับฟังความคิดเห็นนโยบายรัฐบาล เกี่ยวกับเงินดิจิทัล ของป.ป.ช. มาพิจารณาด้วย เพราะเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ