“ภูมิธรรม” เผยยังไร้กำหนดการพบ “ทักษิณ” รับต่อสายแสดงความยินดีแล้ว แย้มมีกำลังใจเจ้านายเก่าเห็นทำงานไม่ติ ชื่นชมส่วนคิวพบคนเพื่อไทย รอ “อิ๊ง”ประสาน ด้าน กลุ่มคปท.ยื่นหนังสือ“ผบ.ทร.”ให้ยึดมั่นในการปกป้องดินแดน ปมข้อพิพาทการลากเส้นเขตแดนทางทะเลของกัมพูชานิติกรรมอำพราง เมื่อ “อุ๊งอิ๊ง”นำคณะเยือนกัมพูชา ตอกย้ำภาพ‘เศรษฐา’แค่หุ่นเชิด
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ กล่าวเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึงความคืบหน้าการประสานเข้าพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ไม่ขัดข้อง ว่า เรื่องนี้เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วหากมีเวลาจะเข้าไปเยี่ยมท่านในฐานะที่เคยเป็นเจ้านายเก่า ซึ่งอยู่กันมา 20 - 30 ปี ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเมื่อไปอยู่ต่างประเทศและกลับมาเราก็คิดถึงและอยากเจอ แต่คิดว่าช่วงแรกอยากให้ท่านเจอกับครอบครัวก่อนเพราะจากกัน 17 - 18 ปีจะไปแย่งความสุขเขาได้อย่างไร ซึ่งหลังจากที่ท่านว่างก็อาจจะเข้าไปกราบและเยี่ยมเยียนให้สมกับความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกัน 17 ปี
เมื่อถามย้ำว่า ได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับนายทักษิณบ้างแล้วหรือยัง นายภูมิธรรม เปิดเผยว่า ได้โทรคุยบ้างแล้ว โดยโทรแสดงความยินดี เพราะเราก็สามารถติดต่อท่านได้อยู่แล้ว และตนกับทาง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็มีความสนิทสนมกัน รวมถึงครอบครัวชินวัตร ตนก็ทำงานมาตั้งแต่สมัยทำงานบริษัท
เมื่อถามย้ำว่านายทักษิณ ได้ฝากคำแนะนำอะไรมาหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ก็ทำได้ไม่มีปัญหาอะไร เพราะตนรับฟังคำแนะนำจากทุกฝ่ายหากอะไรเป็นสิ่งดีขอให้บอกมา “เจ้านายเห็นเราทำงาน ก็คงบอกว่าดีนะ อาจจะชื่นชมเรา เราก็จะได้มีกำลังใจ“
ส่วน สส.ในพรรคเพื่อไทย อยากจะขอเข้าพบนายทักษิณ บ้างหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีหรอก อย่างที่ นส.แพทองธาร เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่า สส. หรือคนที่ทำงานในพรรคเพื่อไทย คิดถึงนายทักษิณ และอยากจะพยอยากจะกราบ แต่หากจะไปทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ แต่ความหากถ้าเป็นไปได้ก็อาจจะเชิญท่านหลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อย หรือสบายใจแล้ว ก็อาจจะเชิญท่านมาเจอที่ที่พรรคได้ซึ่งอยู่ที่หัวหน้าพรรคฯ จะเชิญเพราะเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดและเชิญง่ายที่สุด
ถามถึงผู้บริหารรัฐบาลจะร่วมคณะ น.ส.แพทองธาร ไปเยือนกัมพูชาในฐานะแขกของ สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานองคมนตรีฯกัมพูชา หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งอะไรเลย
ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ นายพิชิต ไชยมงคล , นายนัสเซอร์ ยีหมะ , นายสอและ กูมุดา ตัวแทนเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) , นายใจเพชร กล้าจน และนายอานนท์ กลิ่นแก้ว ตัวแทนกองทัพธรรม และตัวแทนศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) จำนวนหนึ่ง เดินทางมายื่นหนังสือให้กับผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เรื่องขอให้ยึดมั่นในการปกป้องดินแดนประเทศไทย
เอกสารดังกล่าวระบุถึง การลากเส้นเขตแดนทางทะเล (เส้นเขตไหล่ทวีป) ที่จัดทำโดยประเทศกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว ที่ลากผ่านกึ่งกลางของเกาะกูด จ.ตราด ของประเทศไทย ทั้งที่ เกาะกูด จ.ตราด นั้น เป็นพื้นที่ของประเทศไทย โดยไม่มีข้อโต้แย้งอันใดตามสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ.1970 (พ.ศ.2450) ข้อ 2 ที่ระบุว่า “รัฐบาลฝรั่งเศสยอมยกดินแดนเมืองด่านซ้ายและเมืองตราด กับทั้งเกาะทั้งหลาย ซึ่งอยู่ภายใต้แหลมสิงลงไปจนถึงเกาะกูดนั้นให้ แก่กรุงสยาม ฯ”
การลากเส้นเขตแดนทางทะเลของประเทศกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว ทำให้เกิดข้อพิพาทเรื่องดินแดนทั้งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ซึ่งมีผลต่อสิทธ์ในทรัพยากรทางทะเล และดินแดนเกาะกูดที่สำคัญของประเทศไทย เพราะเส้นเขตแดนฝ่ายกัมพูชานั้น ลากรุกรานมายังดินแดนไทยที่มีเกาะกูดและแหล่งปิโตรเลียมที่สำคัญ
รัฐบาลไทยภายใต้การบริหารงานของ นายทักษิณ ชินวัตร ในขณะนั้น ได้ไปจัดทำข้อตกลงร่วมใน MOU 44 กำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นพื้นที่ทับซ้อนขึ้นมาทันที ทั้งที่รัฐบาลควรยืนยันเรื่องดินแดนของประเทศไทยอย่างหนักแน่นตามเอกสารสัญญาข้างต้น การไปจัดทำ MOU44 ก็เท่ากับเป็นการรับรองเส้นเขตแดนทางทะเลที่กัมพูชาจัดทำขึ้นเพียงฝ่ายเดียว เพราะใน MOU44 ระบุว่า การเจรจาเรื่องเขตแดนและการแบ่งผลประโยชน์ด้าน พลังงานจะกระทำไปพร้อม ๆ กันกรณีดังกล่าว ประชาชนชาวไทยมีความห่วงใยต่อสถานการณ์การจะสูญเสียดินแดนรวมทั้งแหล่งพลังงาน
ที่สำคัญทั้งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นมาโดยตลอด และได้เฝ้าติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เมื่อปรากฏว่า สมเด็จฮุนเซน แห่งกัมพูชา ได้เดินทางมาเยี่ยมนักโทษทักษิณ ชินวัตร ที่ได้รับการพักโทษชั่วคราวถึงประเทศไทย และได้เชิญ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไปร่วมประชุมที่ประเทศกัมพูชาในเดือนมีนาคม 2567 ที่จะถึงนี้ ทำให้เรามีความวิตกกังวลว่า จะมีการพูดคุยเรื่องการจัดการผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสอครอบครัว โดยเอาผลประโยชน์ที่เป็นของประเทศไทยไปตกลงเจรจากันเป็นการส่วนตัว เพราะเนื่องจากจุดเริ่มต้นในการรับรองและจัดทำ MOU44 ก็มาจากรัฐบาลในยุคนายทักษิณ ชินวัตร
เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกองทัพธรรม ซึ่งเป็นองค์กรประชาชนไทยมีความห่วงใยต่อการเอาผลประโยชน์ของประเทศไทยที่ควรจะเป็น ไป เจรจาแบ่งผลประโยชน์กันเฉพาะครอบครัว ทำให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดนและผลประโยชน์ทางทะเลเพียงเพราะความโลภและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวของนักการเมือง
ในฐานะที่กองทัพเรือเป็นกองทัพทหารที่ต้องพิทักษ์ รักษาไว้ ซึ่งความมั่นคงของประเทศและการปกป้องดินแดนทางทะเล ปกป้องราชอาณาจักรไทยทุกตารางนิ้ว เราจึงขอส่งกำลังใจให้กองทัพเรือเพื่อร่วมกันกับประชาชนในการรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยทางทะเลให้คงอยู่กับประเทศไทย ไม่ยอมสูญเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียวเพียงเพื่อให้ใครคนใดคนหนึ่งเอาไปเจรจาด้านผลประโยชน์เฉพาะตน และเราขอให้กองทัพเรือได้แสดงจุดยืนที่มั่นคงในการปกป้องดินแดนไทยและผลประโยชน์ทางทะเลไทยทางด้านชายแดนไทยกัมพูชา โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นหลัก ด้วยศักดิ์ศรีชายชาติทหารเรือไทย
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pichit Chaimongkol หัวข้อ “นิติกรรมอำพราง” ระบุว่า...นิติกรรมอำพรางพี่บรู๊ค ดนุพร โฆษกเพื่อไทยบอกว่า แพทองธาร ชินวัตร ว่าที่นายกฯ เตรียมนำกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยหัวใจเพื่อทักษิณ เดินทางไปกัมพูชา ตามคำเชิญของ ฮุนเซน ภายในมีนาคมนี่เดินทางไปกัมพูชาเพื่อพูดคุยเรื่อง เศรษฐกิจ สังคม ของทั้ง 2 ประเทศ
1.แพรทองธาร ไปในฐานะตัวแทนรัฐหรือในนามพรรค ที่จะไปคุยเรื่องเศรษฐกิจ สังคม ระหว่างประเทศ ในขณะที่มีความขัดแย้งเรื่องพื้นที่ทับซ้อนระหว่างประเทศ หรือความขัดแย้งระหว่างรัฐต่อรัฐ ประเทศต่อประเทศ หรือผลประโยชน์ไม่ขัดแย้งกัน
2.นายกฯเศรษฐา และ รมต.ต่างประเทศ คุณจะเอาหน้าไปไว้ไหน นี่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เกี่ยวพันผลประโยชน์ประเทศ กลับให้เป็นเรื่องความสัมพันธ์ของครอบครัวได้อย่างไร
พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ดัน เศรษฐา นั่งเป็นหุ่นถูกเชิด แต่กลับให้หัวหน้าพรรคและครอบครัวเพื่อไทยจะนำคนของพรรคไปคุยเศรษฐกิจ สังคม ร่วมกับฮุนเซนฝั่งกัมพูชาเศรษฐกิจร่วมคือแหล่งปิโตรเลียมในพื้นที่ 26,000 ตรม.ใช่ไหม การปล่อยให้คนนอกรัฐแต่มีอำนาจสั่งรัฐได้ไปคุยเช่นนี้ มันเหมือน นิติกรรมอำพราง ที่รัฐจงใจลอยตัวไม่รับผิดชอบนี่เอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี