‘ธรรมนัส’ขึงขังโต้‘สว.พลเดช’ ท้าเปิดชื่อแก๊งขู่เรียกงาบ‘กล้วย’จากผู้ประกอบการยางพารามาเลย ยัน‘ชุดเฉพาะกิจ’ไม่มีรับผลประโยชน์ ถามกลับผู้ร้องทุกข์เรื่องยางเป็นเครือญาติ‘สว.’หรือไม่ ยันรับสืบหาข้อเท็จจริง ติงอภิปรายเสียดสี-ทิ่มแทง ไม่ควรมีในเวทีวุฒิสภาทรงเกียรติ
เมื่อเวลา 12.50 น.วันที่ 25 มีนาคม 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีพล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่1 ทำหน้าที่ประธานการประชุมพิจารณาญัตติด่วนอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงทันทีในประเด็นที่ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สว. อภิปรายกรณีการนำเข้ายางพาราที่ จ.กาญจนบุรีว่า รัฐบาลให้ความสนใจและเพิ่มระดับความเข้มข้นป้องกันไม่ให้นำสินค้าการเกษตรเข้าสู่ราชอาณาจักร ซึ่งเคยได้ประกาศเอาไว้ว่าจะทำสงครามกับสินค้าเถื่อนทุกประเภท และระบุว่าจากการอภิปรายที่รับฟังนั้นรู้สึกไม่ค่อยดี โดยเฉพาะคำพูดสุดท้าย ผู้ซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยถ้อยคำทิ่มตำตนเอง และชี้แจงว่าไม่สามารถย้อนกลับไปอดีตได้ แต่เลือกที่จะทำเพื่อบ้านเมือง
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า รัฐบาลได้เพิ่มความเข้มงวดการขนส่งสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านนั้น เนื่องจากมีการร้องเรียนจากชาวสังขละบุรีที่ได้รับความเดือดร้อนโดยอ้างว่าได้รับผลกระทบจากยางที่กองอยู่ส่งกลิ่นเหม็น กระทบต่อสุขภาพของประชาชน และทราบว่าผู้ประกอบการที่ไปยื่นร้องทุกข์ เป็นเครือญาติของพวกท่าน ส่วนที่กล่าวหาพาดพิงว่าชุดเฉพาะกิจมีการเรียกร้องรับผลประโยชน์ ขอให้เปิดเผยรายชื่อบุคคลที่กระทำการดังกล่าว ขออย่ากล่าวหาแบบคลุมเครือไม่ชัดเจน ขอให้เปิดเผยรายชื่อ
“เมื่อท่านกล้าเปิดหน้าแล้วท่านต้องพูดให้สุด ว่ามันผู้นั้นคือใครที่บังอาจเรียกรับผลประโยชน์ นโยบายในการปราบปรามสินค้าเถื่อนทุกประเภท โดยเฉพาะยางพารา เป็นที่ประจักษ์แก่สังคมและชาวสวนยางว่าหลังจากที่นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการฝ่ายความมั่นคงโดยกองทัพบก มีความเข้มข้นตรวจค้นตรวจสอบอย่างทุกประเภท ในการนำเข้าและส่งออกว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงต่อว่า ด่านที่มีการตั้งนั้นเป็นของกรมวิชาการเกษตร เนื่องจากชาวบ้านร้องเรียนว่ามีกลุ่มพ่อค้า หัวใสที่ไปปลูกยางฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เพราะค่าแรงงานถูกต้นทุนการผลิตต่ำ และลักลอบนำเข้ามาขายในประเทศไทย และสินค้าบางล็อตขนส่งไปยังประเทศมาเลเซียซึ่งสร้างความเสียหายให้กับวงการยางและถือเป็นรอบหลายปีที่ราคายังขึ้นและเป็นทางที่รัฐบาลทำถูกต้อง
รมว.เกษตรฯ ชี้แจงเพิ่มเติมอีกว่า ในช่วงเช้ามีการแถลงผลงานการปราบปรามการนำเข้าหมูเถื่อน ร่วมกับชุดเฉพาะกิจ จึงถามกลับว่าการทำหน้าที่ของทีมงานดังกล่าวที่มีความเข้มข้นว่าการทำงานย่อมกระทบต่อผู้เสียประโยชน์ ที่ไม่ใช่ประชาชนแต่เป็นกลุ่มพ่อค้ากลุ่มนักธุรกิจหัวใส ที่ทำมาหากินบนความทุกข์ยากลำบากของประชาชนคนไทย ซึ่งขณะนี้กระทรวงเกษตรได้ดูแลเกษตรกรทั้งประเทศ 31 ล้านคน และภาคแรงงานที่อยู่ในแวดวงเกษตรอีก 21 ล้านคน
“การอภิปรายและเสียดสีไม่ควรมีอยู่ในเวทีวุฒิสภาผู้ทรงเกียรติ ผมรับที่จะสืบหาข้อเท็จจริง ว่าบริษัทที่ได้รับผลกระทบคือบริษัทของใคร เป็นเครือข่ายของใคร และจะนำเสนอต่อประชาชนรับทราบ วัดสิ่งที่เกิดขึ้นกระทบต่อวิถีชีวิตของเกษตรกร จากนี้ให้ประชาชนจะได้ตัดสินใจเอง ว่าการบริหารราชการแผ่นดินของผมเองและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ได้ทำงานตอบโจทย์เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างไร ขณะที่ชุดเฉพาะกิจมีการทำงานโดยไม่มีผลประโยชน์ตอบแทน ไม่มีเบี้ยเลี้ยงในการทำงาน และชุดนี้ไม่ทำงานเฉพาะสายการเมืองเท่านั้น แต่ทำงานโดยมีผู้แทนจากอัยการสูงสุด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เจ้าหน้าที่จากฝ่ายความมั่นคงของกระทรวงกลาโหม เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมด้วย” รมว.เกษตรฯ ระบุ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี