"เศรษฐา"ร่ายยาวเกือบ 1 ชม. เหน็บผู้นำบางคนนั่งบนหอคอย ลองลงมามือเปื้อนดินตีนเปื้อนโคลนบ้าง โวคนไทยโชคดีที่มีนายกฯ Pro Business พ้อ"รมว.คลัง"ไม่มีอำนาจลดดอกเบี้ย ทั้งที่แพงโคตร เลอะเทะมองอสังหาฯเป็นผู้ร้าย ลั่นไม่เคยเลียรองเท้าบูธขอคืนพื้นที่ทหาร ยันให้ความสำคัญภาคใต้ อย่าเชื่อวาทกรรมผู้นำบางคน
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 ที่ห้องสุรวงศ์ บอลรูม 2 - 3 โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "นักธุรกิจรุ่นใหม่กับโอกาสในการสร้างธุรกิจและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ" ตอนหนึ่งนานประมาณ 1 ชั่วโมง ว่า วันนี้มีโพยมาให้ แต่ก็แค่เตือนความจำเฉยๆถ้าย้อนหลังไป 10 กว่าปีที่ผ่านมา ตนถือเป็นหนึ่งในผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ 4 - 5 ท่านที่ได้เริ่มต้นมาพูดในที่นี้ ก็มีความประมาทเยอะมาก ยังได้คุยกับผู้อำนวยการหลักสูตร ขอไม่พูดขอเป็นถามตอบจะถนัดกว่า แต่วันนี้มาเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว ฉะนั้น การพูดเป็นอะไรที่เราต้องทำอยู่และคิดว่าคงไม่ต้องมีใครมาถามแล้ว วันนี้ก็พอจะพูดได้บ้าง เพราะก็มีความผูกพันกับสถาบันนี้มานาน ซึ่งสัปดาห์ที่แล้วได้มีโอกาสคุยกับหัวหน้าใหญ่ นายอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่รักษาตัวอยู่ที่ดูไบ ไม่สบายมากพอสมควร ซึ่งตนได้มีการพูดคุยและให้กำลังใจกท่านจะกลับมาประมาณต้นเดือนหน้าอีกครั้งมารักษาตัว ตนหวังว่าท่านคงจะมีสุขภาพที่ดีขึ้นและเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพวกเราชาวอสังหา
ทั้งนี้ วันนี้สับสนหน่อยว่ามาในฐานะอะไร มาในฐานะอสังหาริมทรัพย์คงไม่ได้แล้ว หรือมาในฐานะศิษย์เก่า แต่มาในฐานะนายกฯ ตนก็ค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องพูดกัน และอยากเล่าสู่กันฟังหลาย และหลายๆ ท่านได้ติดตามเรื่องวิสัยทัศน์หลายๆ อย่างไป ซึ่งวันนี้พยายามที่จะสรุปให้ได้ใจความและเรื่องที่อาจจะมีความใกล้ชิดกับพวกเรามาก ในเรื่องของอสังหาโดยที่ไม่เป็นการเปิดเผยความลับของประเทศ แต่เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับหลายท่านที่รู้อยู่เรื่องอสังหาริมทรัพย์ เป็นเรื่องที่ตนพูดมาโดยตลอดและแปลกใจว่าทำไมคนถึงอยากมาทำกันเยอะ ซึ่งหลายท่านเหล่านี้จริงๆ ไม่ใช่จบมาแล้วมาทำอสังหาริมทรัพย์ บางคนครอบครัวทำหลายอย่างประสบความสำเร็จในอดีต แต่กลิ่นของอสังหาริมทรัพย์มันหอมหวล หลายๆ ท่านอยากเข้ามา และหลายท่านประสบความสำเร็จทำได้ดีมาก เพราะมีวินัยโฟกัสในสิ่งที่ทำ จึงทำได้ดีวันนี้การทำธุรกิจของทุกประเทศไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์อย่างเดียว ก่อนที่จะเป็นนายกฯ คนก็บอกว่าทำเหอะไม่มีทางสู้ตนได้ เพราะตนทำงาน 7 วัน 24 ชั่วโมง สู้ตนไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ต้องมาช่วยสังคมกันบ้าง แต่เรื่องสำคัญคือทำให้วงการอุตสาหกรรมดีด้วยการแข่งขัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีอย่างนายอนันต์หรือตนที่อยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์มาได้ยาวนาน เพราะพวกเรามีคู่แข่งที่ดีมีคุณภาพ ตนคิดว่าการแข่งขันเป็นเรื่องที่ดีทำให้พัฒนาไปในอนาคต แต่ขอให้ไปแข่งขันที่ถูกต้องพัฒนาคุณภาพเอาลูกค้าเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่แข่งขันแล้วเจ๊งลดราคาลงมา จะเหนื่อย และหลายๆท่านที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นนักพัฒนาอสังหา ก็ขอให้ทำอย่างจริงจังอาจจะก้าวตัวออกมาช่วยเหลือสังคม ก็ต้องมีทีมที่แข็งแกร่งอันนี้เป็นเรื่องที่ดี เราเองอายุมากแล้ว อยู่ในสังคมมาเยอะแล้ว เห็นอะไรมาเยอะแล้ วอะไรที่เป็นประโยชน์ก็อยากจะถ่ายทอดให้ฟัง
"ยืนยันหากจะทำอสังหาริมทรัพย์ต้องเป็นงานจริงๆ โดยเฉพาะสถานการณ์ที่เปราะบางในปัจจุบันนี้ดอกเบี้ยแพงโคตรขนาดนี้ ควรจะลดตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่ลดตนว่ามันตลก ใครเป็นแฟนใครก็แล้วแต่ แต่ความจริงก็เห็นอยู่เงินเฟ้อลด 0.8 แม้เอามาตรการรัฐสนับสนุนรถค่าใช้จ่ายไปแล้ว แต่เงินก็เฟ้อประมาณ +0.2 ของกรอบ 1 - 3 วันนี้ก็ยังไม่ลดดอกเบี้ย พวกเราก็เดือดร้อนพอสมควรผมเองก็เป็นคนอสังหาริมทรัพย์มาก่อน จะเรียกร้องให้มันหนักกว่านี้ ผมก็มีความลำบากใจเดี๋ยวจะหาว่าไปทำเพื่อตัวเองอีก แต่เรื่องดอกเบี้ยเป็นเรื่องสำคัญที่กำหนดกำลังซื้อ วันนี้ขอถามตรงๆ อสังหาริมทรัพย์มีใครพูดเรื่องเก็งกำไรหรือไม่ ก็ไม่มี ไม่มีใครโง่ไปเก็งกำไรหรอก อย่ามีทิฐิเลยดีกว่า บังเอิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่มีอำนาจตรงนี้เลยไม่สามารถทำได้
ที่พูดไปเพื่อจะเห็นว่าเรื่องอสังหาริมทรัพย์ทำอะไรได้อีกหลายอย่าง เรื่องกำลังซื้อดอกเบี้ย ขึ้นดอกเบี้ยไม่ลด กำลังซื้อก็ลด ขนาดบ้านที่ดินจัดสรรต้องมีกี่ตารางวา ถึงจะจัดสรรเป็นบ้านเดี่ยวได้ต้อง 50 ตารางวา และที่ดินแพงไปเท่าไหร่แล้ว วันนี้บ้านแฝด 35 ตารางวา ทำได้ไม่ดีหรือไม่ ลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวก็มี กฎก็ยังไม่เปลี่ยน เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญที่เราพยายามผลักดันอยู่ เดี๋ยวก็รู้ออกมาเมื่อไหร่กำลังซื้อเป็นเรื่องสำคัญการเข้าถึงที่อยู่อาศัยถือเป็นการออมอย่างหนึ่ง อย่าให้ใครมาเบียดเบียนตัวเลขกระทรวงการคลัง เราก็มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่มีหรอกในเรื่องของการเก็งกำไรเลอะเทอะ เลิกไปได้แล้ว เรื่องบางเรื่องเห็นอสังหาเป็นผู้ร้ายตลอดเวลา เวลามีวิกฤตอะไรเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจก็เป็นเรื่องสำคัญ
วันนี้อย่าพูดเลยดีกว่า ว่าเป็นเรื่องของการมีวิกฤตหรือไม่วิกฤต เป็นวาทกรรมเพียงเท่าไหร่ก็ไม่จบ กลายเป็นว่าใครเป็นแฟนใครมากกว่า แต่จริงๆ แล้วเศรษฐกิจไทยต้องการจะกระตุ้นหรือเปล่า ผมว่า 99% เห็นว่าจะต้องมีการกระตุ้น แต่จะกระตุ้นวิธีใดค่อยว่ากัน อสังหาริมทรัพย์ทุกท่านทราบอยู่เป็นภาคอุตสาหกรรม ฉะนั้น รัฐบาลก็ควรจะกระตุ้นเรื่องนี้ แต่บังเอิญท่านซวยมีนายกรัฐมนตรีที่มาจากภาคอสังหาฯ ทำอะไรก็ต้องระวังตัวนิดนึง ก็ต้องดูให้ดี และเหมาะสมต้องใช้เวลาในการที่จะทำอะไรหลายๆ อย่างเรื่องพวกนี้ไม่ใช่ไม่รู้ ก็รู้ แต่การที่เรามีอาชีพนี้มาก่อนในอดีตมันก็เป็นที่เพ่งเล็งของสังคม ฉะนั้น การจะทำอะไรก็ต้องรอบคอบ ระมัดระวังประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติเป็นหลักมีอีกหลายอย่าง ซึ่งผมเคยพลาดแล้วโดนทัวร์ลงไปแล้ว
อย่างเรื่องการครอบครองที่ดิน 1 ไร่ ที่ให้ชาวต่างชาติมาครอบครองได้ เขาบอกว่าทำให้คนไทยเข้าถึงที่อยู่ได้ลำบากขึ้น ที่ 1 ไร่ ที่เราขายได้หรือว่าคอนโดบ้านที่อยู่อาศัยขายคนต่างชาติได้มันราคาเท่าไหร่ ในตลาดที่ซื้อ โครงการต่างๆ ราคา 50 ล้าน 100 ล้านบาท มันเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถก้าวข้ามเรื่องขายชาติได้ อะไรก็ขายชาติ มันขายไม่ได้หรอก เพราะชาติคือจิตวิญญาณของพวกเรามันคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน เรื่องที่ดินเอากลับไปไม่ได้ ขายไม่ได้ แต่รัฐบาลที่แล้วโดยการนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ มีเจ้าหน้าที่หลายคนระดับสูงที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามาปรึกษาผมว่าทำอย่างไรจะกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำอย่างไรให้ต่างชาติเข้ามาถือที่ดินได้ ผมบอกว่าต่อให้มี 749 เสียง กับ 750 เสียง ในสภา ผมก็ไม่มีทางให้ต่างชาติมาถือที่ดิน เพราะอย่างไรก็ไม่ผ่าน และจิตใจคนไทยสังคมไทยรับไม่ได้ให้ต่างชาติมาถือที่ดิน อย่าพูดด้วยเหตุผล มันเป็นความรู้สึกมากกว่า ที่เขายอมไม่ได้ ยังไงก็ยอมไม่ได้ ฉะนั้น ตรงนี้ลำบากจริงๆ" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ฉะนั้นกฎหมายเหล่านี้จะต้องมาแก้ไขให้ถูกต้องให้เหมาะสม เพื่อให้การทำธุรกรรมผ่านไปได้ และความรับผิดชอบมีอะไรบ้าง ไม่ใช่เรื่องง่ายในฐานะที่เคยทำธุรกิจมาก่อนจะพยายามทำกฎข้อบังคับเหล่านี้ เพื่อให้กฎหมายลูกที่มารองรับสามารถทำงานได้ง่ายและสะดวกสบายขึ้น มีการมองว่าเมื่อก่อนเป็นนักธุรกิจใจร้อนมาเป็นรัฐบาลแล้วเฉื่อยชา แต่มันมีสิ่งที่ต้องคำนึงหลายเรื่อง เรากำลังทำอยู่และใส่ใจ ตนคิดถึงพวกเราทุกคนในห้องนี้เสมอ ตอนออกจากวงการมาประมาณ 13 เดือน ได้ติดตามตลอด สมัยก่อนตนทำงาน 7 วัน เสาร์และอาทิตย์ก็ทำ ดูทุกโครงการตรงนี้ ถือเป็นการสอนไปด้วย ทำทุกอย่างทำด้วยตัวเองหมด แต่พอหายไป 13 เดือน มีความรู้สึกว่าโลกเปลี่ยนไปเยอะ อะไรหลายอย่างเปลี่ยนไป ฉะนั้น เชื่อว่ามีวิทยากรหลายท่านที่มีความเหมาะสมที่จะให้ความรู้ความสามารถสำหรับตนให้จิตวิญญาณของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้อยู่ แต่เรื่องของสภาวะตลาดเปลี่ยนไปเร็วมากเยอะมาก ฉะนั้น การที่จะต้องเข้าถึงผู้บริโภค หรือเรื่องโปรดักซ์ให้ดี หากพูดถึงประเทศไทย ตนพูดมาหลายคน ถ้าจีดีพีดี อัตราการเจริญเติบโตภาคอสังหาริมทรัพย์จะไปได้ดี
นายกฯ กล่าวอีกว่า เรื่องของดิจิทัลวอลเล็ตประเทศไทย 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจโต 1.8% ภาคอสังหา ไม่มีอะไรดีใน 10 ปีที่ผ่านมา หยอดน้ำข้าวต้มไปเรื่อยๆ ให้แบมือขอตังค์คนไปเรื่อยๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่การที่เราทำดิจิทัลวอลเล็ต ตนยืนยันอัดเสียงไว้ก็ได้วันนี้ ไม่มีการทุจริต ยืนยันเป็นการส่งตรงจากภาครัฐ (direct from government) ผ่านเทคโนโลยีเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูล (blockchain) ที่สามารถตรวจสอบได้เหมือนสมัยก่อน ที่ให้เอาเงินใส่กระเป๋า ถามว่าได้หมดทุกคนหรือไม่ อยู่ที่ฐานเงินเดือนที่กำหนดไว้ 70,000 บาท และที่มันดีเลย์มานานขนาดนี้ เพราะบอกไม่ให้คนรวย แต่ไม่ได้บอกว่าคือใคร ตนทำก็มาเอ๊ะเรื่องคนรวย 25,000 บาท ซึ่งตนก็ขอให้กำหนดมาเลยดีกว่าคนรวยคืออะไร ตนก็คอยอยู่เดือนกว่าก็ไม่บอกมาคนรวยคืออะไร ไม่มีใครกล้าบอกว่าใครคือคนรวย 70,000 บาท ยังบอกอยู่เลยว่ายังเป็นหนี้ แต่ไม่ใช่คนรวย ซึ่งถึงจุดหนึ่งก็ต้องคัดที่มาที่ไป ทั้งนี้ รัฐบาลให้ทุกคน แต่คนที่มีสตางค์เยอะๆ เขาก็ไม่ใช้หรอก แต่ด้วยความเสมอภาคเท่าเทียม เมื่อมีองค์กรเสนอแนะมา เราก็พยายามที่จะรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนให้เหมาะสม ตนพยายามฟังจากทุกคนทั้งสถาบันการเงิน ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายดิจิทัล เราพยายามทำให้เหมาะสมที่สุดแล้ว ว่าทำไมถึงต้องเป็นดิจิทัลวอลเล็ต ทำไมถึงต้อง 10,000 บาท และทำไมถึงต้อง 5 แสนล้านบาท ตนได้อธิบายไปแล้ว และเชื่อว่าจะมีการจ้างงานมีการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ 5 แสนล้านบาท ประมาณ 17% ของงบประจำปี ยืนยันไม่มีการทุจริต เราลองมาหลายวิธีแล้ว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ตนไปเมืองนอกมา 10 กว่าครั้ง ไปประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศไทยเปิดแล้วเพื่อรองรับการลงทุน คนที่ไม่ใช่แฟนคลับบอกไปตั้งหลายคน อะไรก็ไม่เกิด ขอถามหน่อยว่า 7 เดือนมีใครตกลงได้ลงทุนเป็นแสนล้าน คุณจะทำคอนโด หมู่บ้านจัดสรร ใช้เวลาตัดสินใจเท่าไหร่กว่าจะตรวจเสาเข็ม ผลงานยังไม่ออกหรอก คอยไปก่อน วันนี้ขี้เกียจไปตอบ ผู้ที่นั่งทางในอยู่บนหอคอยทั้งหลาย ลงมามือเปื้อนดิน ตีนเปื้อนโคลนบ้าง อันนี้นโยบายนี้การเดินทางไปเมืองนอกไม่สนุก ถามว่าตนเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยไปเมืองนอกหรือเปล่า สนุกกว่าสบายกว่า ลำบาก ไม่ใช่ Enjoy แต่เป็นหน้าที่ที่จะต้องทำ และประเทศไทยปิดมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ตารางงานตนแน่นเอี้ย วันหนึ่งไป 19 วง ไม่สนุก ไม่เห็นเดือน เห็นตะวัน แต่ต้องไป เพื่อให้เกิดการกระตุ้นการลงทุน เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมทุกภาคส่วนของประเทศไทย ทำให้เรามีกินมีใช้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นี่ผ่านไปแค่ 7 เดือน จริงๆ 6 เดือนกว่า ฉะนั้น งบประมาณยังไม่ได้ใช้สักบาท เพิ่งผ่านไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วใช้แต่นโยบายอย่างเดียว ที่ประกาศไป
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ตนเป็นนายกฯ คนแรกที่ลงในพื้นที่ภาคใต้ 2 คืน 3 วัน ความเสี่ยงมีไหม ก็มีแต่ถ้าดูตนไม่ให้มีใครใส่เสื้อเกาะหรือทหารใส่รถถังตามมา เพราะตนมั่นใจว่าไปด้วยเจตนารมณ์ที่ดี ไปด้วยความตั้งใจจริง และขอหาเสียงนิดนึง เพราะพรรคเพื่อไทยไม่มี ส.ส.ที่นั่น อย่าไปเชื่อวาทกรรมที่ผู้นำบางท่านพูดว่าเพื่อไทยไม่เคยให้ความสำคัญกับภาคใต้ สนามบิน จ.ภูเก็ต พรรคเพื่อไทย ไม่มี ส.ส.แต่ลงทุนไปหลายหมื่นล้านบาท ก็จะไปสร้างให้ก่อนที่จะสร้างสนามบิน พวกที่มีอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ก็รู้ว่าการจราจรมันรกขนาดไหน ตนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมลงไปดูในพื้นที่แล้วทเรื่องถนนก็พยายามดูให้การท่องเที่ยวเป็นเรื่องสำคัญการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อัพเกรดเรื่องสนามบิน 17 ปี ถึง 18 ปีที่แล้ว ถ้าไม่มีสนามบินสุวรรณภูมิ วันนี้ทเราอยู่ตรงไหนของโลกม ขนาดสนามบินดอนเมืองเปิดวันนี้ยังเต็มแน่นเอียด มีสนามกอล์ฟข้างๆ อีกต่างหาก จะทำยังไง เครื่องลงก็ลำบาก แต่มีวาทกรรมบอกว่านายกฯ เลียรองเท้าบูทบ้างอะไรบ้าง ตนไม่ได้เลีย แต่เราพูดคุยด้วยภาษาที่เหมาะสม ตนไม่ได้ไปบอกว่าทหารมีพื้นที่เยอะไป ยึดพื้นที่มา ไม่ใช่ตนไม่ได้ไปยึด หรือไปขอ ไปพูดคุยและไม่ได้บอกว่าจะไปยึดคืนทุกที่ แต่ไปขอร้อง ไปอธิบายให้ฟัง หากท่านคืนสนามกอล์ฟตรงนี้มาประโยชน์กับประเทศไทยจะไปขนาดไหน ท่านต้องการอะไรเป็นผลตอบแทนบอกว่าสนามกอล์ฟปีละ 5 ล้านบาท ไม่เป็นอะไร ตนให้เอาสนามกอล์ฟออกไป ตรงนั้นจะเป็น Part 1 ของสนามบินดอนเมือง อาจจะเป็นศูนย์ซ่อมเครื่องบินของโบอิ้งหรือแอร์บัส หรือเป็น privatejust ที่เราต้องการระดับเข้ามา ซึ่งเรื่องนี้สำคัญและต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
นายกฯ กล่าวต่อว่า จุดยืนของประเทศไทยตั้งแต่สมัยไหนมา เราเป็นกลาง วันนี้ความเป็นกลางของเราจะนำให้ประเทศพ้นจากวิกฤตทางด้านเศรษฐกิจ เป็นความต้องการอย่างสูงจากทุกประเทศที่อยากมาพูดคุย มาลงทุนใช้ประเทศไทยเป็นเวทีกลางในการเจรจา โดยไม่ต้องสงสัยทำไมไทยมีทุกๆประเทศมาลงทุน เพราะความเป็นกลางทางด้านการเมืองของเรา หากเราฝักใฝ่กับชาติใดชาติหนึ่ง ไม่เป็นกลางทั่วโลกจะไม่มั่นใจลงทุนกับเรา ส่วนด้านโลจิสติกส์จะลดการซื้ออาวุธ ส่งผลดี ทางด้านเศรษฐกิจ และความมั่นคง ของประเทศไทย
"ประเทศไทยมีเรื่องดีๆ อีกเยอะมากที่ซ่อนอยู่ การเดินทางไปต่างประเทศ หลายคนมีไอเดียต่างๆ เยอะไปหมด และรัฐบาลนี้ผลักดันให้สมัครใจเกณฑ์ทหาร ซึ่งถือเป็นเรื่องหนึ่ง มีอีกหลายเรื่องที่อยากพูด สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดจริงๆ แล้วประเทศเราต้องยอมรับว่ากำลังมีปัญหา ทางความมั่นคง แต่เราดีขึ้นเยอะ เสถียรภาพทางด้านการเมืองดีขึ้นมาก เศรษฐกิจเรามีปัญหา ทางการลงทุน บางทีรักใครชอบใครเยอะเกินไป เป็นเรื่องของแต่ละคน แต่เรื่องบางเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับการรักใครชอบใคร แต่เกี่ยวข้องกับความน่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจ การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นความจำเป็น ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตอย่างเดียว แต่อีกหลายเรื่องที่จะต้องทำ ซึ่งเราจะทำต่อไป แต่ผลที่จะเกิดขึ้น คงต้องอีกพอสมควรคิดว่าประมาณ 18 เดือน แต่อย่าลืมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตลาดหุ้นมีความไวต่อสัญญาณที่ดี หาก 6 เดือน หรือ 12 เดือน ตลาดจะเด้งแรงมาก ข่าวดีอันนึงหมดปีงบประมาณไปแล้ว 6 เดือน ยังไม่ได้ใช้งบประมาณสักบาท ในวันที่ 1 พ.ค.ใช้ได้เหลืออีกแค่ 5 เดือน งบประมาณตัวนี้บวกกับงบประมาณตัวหน้า 24 เดือน ก็ใช้ไปแค่ 16 เดือน ฉะนั้น จะมีการลงทุนเยอะมาก อันนี้เป็นเรื่องของข่าวดี และข่าวดีอีกเรื่องคือมีนายกฯ ที่เข้าใจ และมีความตั้งใจจริง ที่จะทำให้ทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นเรื่องการผลิตการลงทุน การจัดซื้อจัดจ้าง เราจะดูทั้งหมด เพราะเราทราบดีเคยทำมาก่อน ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด และขอให้เป็นกำลังใจและขอให้มีความอดทนต่อไป" นายกฯ กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี