วันพฤหัสบดี ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
พันธมิตรฯชุด2เฮ  ศาลยกฟ้องคดีปิดสนามบิน  ชี้ชุมนุมโดยสงบตามรธน.

พันธมิตรฯชุด2เฮ ศาลยกฟ้องคดีปิดสนามบิน ชี้ชุมนุมโดยสงบตามรธน.

วันเสาร์ ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.
Tag : พันธมิตรฯ คดีปิดสนามบิน
  •  

กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุด 2 เฮ! ศาลยกฟ้องคดีปิดสนามบินปี 2551 ต้าน“รัฐบาลสมชาย” ชี้ผู้ชุมนุมมีหลากหลายอาชีพ ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ทำเพื่อส่วนรวม ด้าน“ปานเทพ” ลั่น เป็นคำพิพากษาที่งดงาม หลังถูกตราหน้า เป็นผู้ก่อการร้าย-ทำลายความมั่นคงของชาติ มานานกว่า 17 ปี

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 มีนาคม 2567 ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) บุกสนามบิน หมายเลขดำ อ.1087 /56 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้องนายสุริยันต์ ทองหนูเอียด นายกษิต ภิรมย์, นายสุทิน วรรณบวร ,นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์,นายการุณ ใสงาม, นายวีระ สมความคิด, พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์, น.ส.รสนา โตสิตระกูล,น.ส.ศิริลักษณ์ ผ่องโชค หรือจอย อดีตนักแสดงชื่อดัง ร่วมกับพวกรวม 67 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันชุมนุมปลุกปั่นยุยงก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ


กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 24 พ.ย.- 3 ธ.ค.2551 พวกจำเลยที่ 1-14 ได้ร่วมกันชักชวนให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมใหญ่โดยกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ และปิดล้อมอาคารวีไอพี ท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งอยู่ในความครอบครองของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และอยู่ในความดูแลของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. และนำจานรับสัญญาณโทรทัศน์ของจำเลยไปติดตั้งใกล้เครื่องรับสัญญาณเรด้าร์ ของบริษัท วิทยุการบินฯ ปิดกั้นสะพานกลับรถ ตรวจค้นตัวจนท.บริษัท การบินไทย ร่วมกันขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้ายบุคคลและทรัพย์สิน ทำลายทรัพย์สินของบริษัท ของท่าอากาศยานไทยฯ เสียหาย 627,080 บาทเพื่อกดดันให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นลาออกจากตำแหน่ง

จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้เดินทางมาให้กำลังใจพวกจำเลยทั้งหมดด้วย ขณะที่จำเลยทยอยเดินทางมาศาล มีจำเลย2 รายซึ่งป่วยนอนรักษาตัว ศาลใช้อ่านคำพิพากษาผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์แทน และจำเลยในคดีนี้เสียชีวิตแล้ว 5ราย

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้ว เห็นว่า ก่อนเกิดเหตุ นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขณะนั้น ได้กระทำผิดฐานทุจริตและผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ กระทั่งถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกหลายคดี ซึ่งมีการกระทำ “ทุจริตเชิงนโยบาย” มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ 2 แห่ง คือการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย(ปตท.) และองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อสมท.) เพื่อหาประโยชน์ส่วนตัว ต่อมาพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ได้ทำรัฐประหารเมื่อปี 2549 รวมทั้งศาลฎีกาฯมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินของนายทักษิณ กว่า 46,373หมื่นล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดินกระทั่งนายทักษิณ ได้หลบหนีไปต่างประเทศนานกว่า 15 ปี และกลับมาประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 66 และได้รับการอภัยโทษ ส่วนนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากนายทักษิณ ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งไป และเมื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นน้องเขยของนายทักษิณ ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากนายสมัคร ก็ดำเนินนโยบาย เพื่อช่วยเหลือนายทักษิณด้วยการไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237,309 เกี่ยวกับยกเลิกอำนาจการตรวจสอบของคตส. คดีทุจริตคอรัปชั่น และการยุบพรรคพลังประชาชน

ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมมาจากหลากหลายอาชีพ ทั้งศิลปิน นักร้อง ดารา สื่อมวลชน อดีตเอกอัคราชทูต นักข่าวฯ

มาชุมนุม เพื่อคัดค้านการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นน้องเขยของนายทักษิณ ชินวัตร มีการทุจริตเชิงนโยบาย และได้มีการชุมนุมปิดล้อมอาคารวีไอพี ของสนามบินดอนเมือง ซึ่งใช้เป็นทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว และสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อต่อต้านรัฐบาลนายสมชาย มิให้จัดประชุมคณะรัฐมนตรี

ทั้งนี้ศาลเห็นว่า บุคคลย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมเพื่อใช้สิทธิ์เรียกร้องชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการชุมนุมเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม ไม่ได้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง อีกทั้งโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาเบิกความยืนยันให้มีน้ำหนักรับฟังเพื่อลงโทษจำเลยได้ ดังนั้นพวกจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ฐานชุมนุมก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ มาตรา 116 และพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หน่วงเหนี่ยวกักขัง และข่มขืนใจผู้อื่นฯ ตามที่โจทก์ฟ้อง พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมดทุกข้อหา

ต่อมา นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตโฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์ ว่า ในวันนี้ศาลอาญาพิจารณาประเด็นสำคัญ 5 ประเด็น ความยาว 51 หน้า มีข้อเท็จจริงยุติ 10 หน้า ศาลพิจารณาว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรนั้น เป็นการชุมนุมภายใต้กรอบที่มีเหตุผลตามรัฐธรรมนูญ เนื่องด้วยตลอดระยะเวลาการชุมนุมจำเลยทั้ง 67 ราย ไม่ได้มีข้อพิสูจน์ใดๆ ว่าเป็นการชุมนุมที่ไม่สงบ หรือมีอาวุธอยู่ในครอบครอง ศาลจึงเห็นว่าไม่เข้าข่ายการก่อการร้าย การก่อกบฏ หรือก่อความวุ่นวาย ทั้งนี้ ศาลยังได้พิจารณาว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ แม้จะกระทบต่อประชาชน ผู้ใช้สนามบินอยู่บ้าง แต่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ จึงไม่เป็นความผิดฐาน ศาลจึงมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทุกคน

นายปานเทพกล่าวอีกว่า คำพิพากษาคดีนี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ อาจจะบอกว่าเป็นการเยียวยาความรู้สึกของพวกเราในฐานะผู้ที่ถูกกระทำมา 17 ปี ว่าพวกเราเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาด้วยโทษที่รุนแรง โทษถึงขั้นประหารชีวิตหรือการก่อการร้าย ทั้งที่คนเหล่านี้เป็นแค่พิธีกรเป็นประชาชน เป็นศิลปิน แต่คนที่อ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพความเสมอภาค ไม่เคยออกมาเรียกร้องหรือเห็นใจของการชุมนุมของพวกเรา แต่คำพิพากษานี้ให้ความเป็นธรรมกับพวกเราที่ต่อสู้และเคารพขบวนการกระบวนการยุติธรรมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จนทำให้จำเลยจำนวนมากที่มาฟังคำพิพากษา น้ำตาซึม และน้ำตาใหลออกมา เพราะพวกเขาเหล่านั้นได้รับความเป็นธรรมจากการพิสูจน์ตัวเองมายาวนาน 17 ปี พวกเขาสูญเสียอิสรภาพ ถูกตราหน้ามาตลอด 17 ปีว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ผู้ยึดสนามบินผู้ ก่อความไม่มั่นคงทำลายประเทศชาติ เป็นอาชญากร ทั้งที่เป็นคนที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติและประชาชน คำนึงถึงการต่อต้านการทุจริตการเลือกตั้ง และการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งถือว่าเป็นคำพิพากษาที่งดงามที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา

ด้าน นายอนันตชัย ไชยเดช หนึ่งในทนายความกลุ่มพันธมิตรฯ เปิดเผยว่า ตอนมาทำรับทำคดีนี้ รู้สึกว่าจำเลยทุกคนมีความทุกข์ ใครเพียงพูดให้กำลังใจก็จะโดนฟ้องหมด และฟ้องข้อหาฉกรรจ์โทษประหารชีวิต จริงๆ แล้ว มาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่มิชอบมีอายุความ 15 ปี จะให้ผู้เสียหายฟ้องกลับพนักงานสอบสวนที่ทำคดีบ้างเพราะจำเลยถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศไปฝั่งลาว เขมร พม่ายังไม่ได้เลย ทำไมพนักงานสอบสวนไม่ฟ้องเฉพาะคนที่มีหลักฐานชัดเจน

“การฟ้องแบบเหวี่ยงแหทุกคน ทำให้เดือดร้อนมากถ้ามีใครมาจ้างผมฟ้องพนักงานสอบสวนชุดนี้หรือ อดีต ผบ.ตร. ผมก็จะทำให้ จะฟ้องกลับต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบมาตรา 200 แจ้งข้อหาเกินต่อความเป็นจริงให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญาสูงขึ้น ต่อไปจะได้ไม่ฟ้องเหวี่ยงแห ส่วนการเบิกความก็สะเปะสะปะมาก ความจริงแล้ววันนั้นถ้าไม่มีกลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหน วันนี้ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ผมก็ยังไม่รู้ คุณูปการของพันธมิตรฯ ก็มี เห็นไหมครับ ตาอินกับตานา ทะเลาะกัน ตาอยู่อยู่สบาย” นายอนันตชัย กล่าว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

‘สอวช.’เปิด 6 ปัจจัยแนะ‘มหาวิทยาลัยไทย’มุ่งสู่ความสำเร็จ รับโลกเปลี่ยน

เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง เยี่ยมชมสำรวจสวนทุเรียนในจังหวัดระยอง

ร้านทองแห่ทวงคดีถูกบริษัทลวงลงทุนสูญ600ล้าน

‘ชูศักดิ์’เผย‘อธิบดีดีเอสไอ’เข้าพบ รายงานภารกิจ-ความคืบหน้าคดี‘ฮั้ว สว.’

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved