‘เฉลิมชัย’ยันไม่มีดีลร่วมรัฐบาล100% ท้า‘เศรษฐา’พูดให้ชัดใครไปคุยซบรัฐบาล ลั่น ปชป. ก้าวข้ามการเมืองน้ำเน่าปล่อยข่าวดิสเครดิต เย้ยเจ็บความเป็น‘ปชป.’มากกว่าตำแหน่ง‘นายกฯ ’ จับตา ปลายเม.ย. ประชุมใหญ่แก้ข้อบังคับพรรค เปิดทางคนรุ่นใหม่
วันที่ 6 เมษายน 2567 เวลา 09.45 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการครบรอบการก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ครบ 78 ปี ว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่พูดได้เต็มว่าเราเป็นสถาบันทางการเมืองที่ต้องอยู่คู่กับประเทศไทยไปอีกนาน และต้องมีการปรับตัวให้ทันสถานการณ์โลก วันนี้สิ่งที่เห็นชัดเจนที่สุดคือความสดใส และยังมีการตั้งศูนย์เทคโนโลยีนวัตกรรมเพื่อการสื่อสาร เพื่อเปิดโลกให้พรรคประชาธิปัตย์ในแง่การสื่อสารกับประชาชนในการนำเสนอสิ่งต่างๆสู่สังคม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่โลกในตอนนี้ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดังนั้นเราต้องขับเคลื่อนตามโลก
เมื่อถามว่ากรณีที่นายเฉลิมชัยเคยระบุว่าจะมีเลือดไหลกลับเข้าพรรคประชาธิปัตย์ และในงานทำบุญของพรรคฯ มีศิษย์เก่ามาร่วมยินดีด้วย จะเริ่มมีความชัดเจนหรือไม่ว่ามีใครเข้ามาบ้าง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรามีการพูดคุยกันตลอด แต่รอการประชุมใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในปลายเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งจะมีการแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ เพื่อเปิดกว้างให้คนรุ่นใหม่ คนที่ไม่เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกับสร้างความมั่นใจให้คนที่ยังอยู่กับพรรคฯ วันนี้พรรคประชาธิปัตย์พร้อมจะเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ทั้งนี้เป็นการประชุมตามกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง และไม่มีการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคฯ
เมื่อถามว่าจะมีการแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ เกี่ยวกับสัดส่วนเสียงลงมติในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคฯซึ่งปัจจุบัน 70:30 หรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า หลักใหญ่เรื่องนี้ เราจะแก้ไขสิ่งที่กำกวมและทำให้ต้องตีความให้มีความชัดเจน รวมถึงแก้ไขปัญหาที่มีการท้วงติงว่าไม่เหมาะสมต่างๆ ให้มีความเหมาะสมด้วย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังการอภิปรายทั่วไป โดยดึงพรรคประชาธิปัตย์ร่วมด้วย นายเฉลิมชัย กล่าวว่า “ต้องถามนายกรัฐมนตรี เพราะอำนาจอยู่ที่ท่าน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ท่านพูดมาชัดเจนเลยว่าใครไปคุยกับใคร ที่ไหน ถ้าพูดไม่ชัดเจน พรรคประชาธิปัตย์เสียหาย เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นองค์กร ความเป็นพรรคประชาธิปัตย์มันมากกว่าตำแหน่งของท่าน ดังนั้น ถ้าไม่ใช่ ก็อย่าพูด เราเตือนท่าน และบอกกับทุกคนว่าการพูดในสิ่งที่ไม่ชัดเจน มันไม่ดีกับทุกฝ่าย ถ้าไม่ทำอย่างนั้น ก็เป็นสิ่งที่ดี”
เมื่อถามว่ามีสมาชิกพรรคฯไปพูดคุยขอร่วมรัฐบาล แต่ไม่ได้มาบอกกับคณะกรรมการบริหารพรรคฯใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ส่วนตัวไม่เคยได้คุยอะไรกับใคร ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์มีข้อบังคับและหลักเกณฑ์ ทั้งนี้ ตนพูดตลอดว่าการที่นักการเมืองพูดคุยกันไม่ใช่เรื่องผิดปกติ จึงขออย่าไปตีความต่างๆ ไม่ว่าจะกับพรรคไหน เราพูดคุยกันได้หมด แต่ต้องไปดูกันที่เนื้อหาว่าพูดคุยอะไรกัน ตนยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้คุยเรื่องร่วมรัฐบาล เมื่อถามอีกว่าแต่ถ้ามีการชวนให้พรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมรัฐบาล จะมีเงื่อนไขหรือต้องการกระทรวงใดที่เราจะเข้าไปทำงาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคเรามีกระบวนการพิจารณามากกว่าการมาพูดคุยตกลงกัน ต้องเข้าสู่กระบวยการพิจารณาของพรรคฯว่าจะทำอย่างไร ไม่ใช่อยู่ดีๆใครที่จะทำอะไรก็ทำ
ต่อข้อถามว่าการปล่อยข่าวดังกล่าวเป็นการดิสเครดิตพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่คนปล่อยข่าวนี้ ส่วนจะปล่อยเพื่อดิสเครดิตเราหรือไม่นั้น ทุกคนต้องช่วยกันคิดดู พรรคประชาธิปัตย์ก้าวข้ามการเมืองน้ำเน่าไปแล้ว แต่ถ้าใครยังก้าวไม่ข้าม ตนก็คิดว่าประเทศไทยเดินหน้ายาก ขอให้ลองคิดดูว่าจังหวะเวลาที่มีข่าวออกมา และจังหวะเวลาที่มีคนออกมาพูดนั้น มีการรับลูกกัน แล้วใครควรเป็นคนปล่อย แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่เป็นคนปล่อยข่าวร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อถามย้ำว่าคนที่ปล่อยข่าวนั้นคือคนที่จะเสียตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้าตนทราบ ก็ตอบไปแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี