‘นครินทร์’ปลื้มผลงาน‘ศาลรัฐธรรมนูญ’ 26 ปี นำสู่การแก้ไขกฎหมายที่ละเมิดสิทธิประชาชน ขัดต่อนิติธรรม 76 ฉบับ มุ่งมั่นพิทักษ์รัฐธรรมนูญ คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชา ชน ดำรงหลักนิติธรรมของประเทศ รักษาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อไป
10 เมษายน 2567.ย.67 ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น ถ.วิภาวดีรังสิต กทม. ศาลรัฐธรรม นูญจัดประชุมทางวิชาการประจำปี เนื่องในโอกาส 26 ปีแห่งการสถาปนาศาลรัฐธรรมนูญ ในหัวข้อ "ศาลรัฐธรรมนูญกับการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ" โดยมี ศ.ดร.Merab Turava ประธานศาลรัฐธรรมนูญแห่งประเทศจอร์เจีย นาง Manana Kobakhidze รองประธานศาลรัฐธรรมนูญแห่งประเทศจอร์เจีย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา ผู้แทนหน่วยงานราชการ และนักวิชาการด้านกฎหมายเข้าร่วมแลกเปลี่ยนเช้าร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นทางวิชาการเป็นจำนวนมาก
ศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญกล่าว เปิดการประชุมทางวิชาการประจำปี ว่า ตลอด 26ปี ที่มีการสถาปนาศาลรัฐธรรมนูญ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ทำหน้าที่ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ด้วยการปกป้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย ดำรงหลักนิติธรรมของประเทศ รักษาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเป็นไปตามหลักนิติธรรม มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่า กรณีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 29/2557เรื่อง ให้บุคคลมารายงานตัวตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กรณีการออกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 41/2557 เรื่อง กำหนดให้การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรียกบุคคลให้มารายงานตัว เป็นความผิด ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ที่เป็นการออกคำสั่ง เรียกให้มารายงานตัวก่อน แล้วออกประกาศกำหนดโทษของการกระทำดังกล่าว
กรณี พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ที่มีกำหนดข้อสันนิษฐานไว้ ตั้งแต่เริ่มแรกว่า ถ้าบุคคลใดกระทำความผิด ให้กรรมการผู้จัดการของบริษัทหรือ นิติบุคคลนั้นทุกคนต้องร่วมรับผิดไปด้วย โดยยังไม่ได้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงใด ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรมและขัดต่อ ที่รัฐธรรมนูญ จากการทำหน้าที่ดังกล่าวของศาลรัฐธรรมนูญทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติทำการยกเลิกและแก้ไขกฎหมายที่มีบทบัญญัติในลักษณะเดียวกันทั้งหมดของประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 76 ฉบับ ด้วยกัน
นับแต่มีการก่อตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญขึ้นเมื่อปี 2541 จนถึงปัจจุบัน ได้มีคำร้องเข้าสู่ การพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 1,881คำร้อง โดยศาลมีคำวินิจฉัย จำนวน 812 คำวินิจฉัย และคำสั่ง จำนวน 1,047คำสั่ง ซึ่งมีคดีร้องทุกข์ ทางรัฐธรรมนูญ นับตั้งแต่ที่ได้มีขึ้นครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550จนถึงปัจจุบัน จำนวน 586 คำร้อง โดยศาลมีคำวินิจฉัย จำนวน 6 คำวินิจฉัย และคำสั่ง จำนวน 570คำสั่ง ศาลรัฐธรรมนูญยังคงยืนหยัดรักษาความชอบธรรม ของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รักษาความเป็น กฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งพยายามที่จะสร้างบรรทัดฐานที่สำคัญทางรัฐธรรมนูญเพื่อให้ฝ่ายบริหารหรือฝ่ายนิติบัญญัติใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติราชการ หรือตรากฎหมายที่มุ่งไปในทางคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพให้กับประชาชนต่อไป
ประธานศาลรัฐธรรม กล่าวอีกว่า เมื่อสภาพสังคมเปลี่ยนไป ศาลรัฐธรรมนูญพยายามปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล โดยได้พัฒนากระบวนการยุติธรรมที่อำนวยความสะดวก ให้แก่ประชาชนเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงศาลรัฐธรรมนูญได้โดยง่าย ผ่านช่องทางเทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ เช่น ยื่นคำร้องผ่านทางระบบงานคดีรัฐธรรมนูญ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing and e-Service System) ได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ และ ในทุกประเภทคดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะดวกรวด เร็ว เป็นธรรม และไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมทั้งสามารถติดตามความคืบหน้าของคดีหรือผลคำวินิจฉัยหรือคำสั่งเกี่ยวกับคำร้อง ที่ได้ยื่นผ่านทางระบบงานคดีรัฐธรรมนูญอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นดังปณิธานของ ศาลรัฐธรรมนูญที่ว่า ยึดหลักนิติธรรม ค้ำจุนประชาธิปไตย ห่วงใยสิทธิและเสรีภาพของประชาชน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี