นายกฯแจงร่วมโต๊ะมื้อเที่ยง‘เลขาฯรทสช.’ไม่มีคุยปรับครม. มุ่งแก้ปัญหา-ยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีให้ชาวภูเก็ต ขออย่ามองเรื่องพรรค แต่ร่วมทำงานเป็น‘ทีมไทยแลนด์’ รุกขันน็อต‘ตำรวจภูธรภาค8’เข้ม สั่งยกระดับมั่นคงภูเก็ต ลั่นดูแลให้ดีอย่าให้มีน้ำผึ้งหยดเดียว ทำลงทุนแสนล้านเสียหาย ชี้ต้องการแค่นักท่องเที่ยวทำตามกฎหมาย ยังไม่ได้รับเรื่องยกระดับพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ย้ำต้องไม่กระทบท่องเที่ยว
เมื่อเวลา 13.14 น.วันที่ 19 เม.ย.67 ที่อาคารชัยจินดา กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (บช.ภ.8) ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ร่วมโต๊ะอาหารกลางวันกับนายกรัฐมนตรีและคณะมีการพูดคุยเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ ว่า “ไม่มีครับ พูดคุยเรื่องปัญหาบ้านเมืองอย่างเดียวที่อยากจะทำให้จังหวัดภูเก็ตดีขึ้น และหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้สมัครต่างๆว่ามีปัญหาอะไร อยากยกระดับอะไร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เราได้แก้ไขกันไปแล้ว ซึ่งในเอกนัฏมีการเสริม ในเรื่องของวอเตอร์แท็กซี่ (ไกด์นำเที่ยวทางน้ำ) ซึ่งจะเป็นการบรรเทาการจราจรในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีและน่าสนับสนุน และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ก็บอกว่าดี หากช่วยเรื่องการจราจรได้ วันนี้เราอย่ามองว่าเป็นพรรคไหนเป็นใครเลยดีกว่า ตนว่าเรามาช่วยกันพัฒนาภูเก็ตกันดีกว่า จุดประสงค์เดียวกันคืออยากให้ภูเก็ตเป็นเกาะที่มีความมั่งคั่งและมีความมั่นคง“ นายกฯกล่าว
เมื่อถามว่าผู้สมัครสส.ในพื้นที่ ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติมีการประสานการทำงานกันอย่างดีใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนก็หวังว่าอย่างนั้นเพราะตนกับหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติและคีย์แมนทั้งหลายก็ไม่มีอะไรเพราะเลือกตั้งจบไปแล้ววันนี้วันนี้เรามาดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีกว่าเราต้องเร่งทำงานตรงนี้ ตนเชื่อว่า ทุกภาคส่วนที่มากันในวันนี้มีจดหมายเดียวกัน เป็นทีมไทยแลนด์
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา พร้อมด้วยนายสุริยะ และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) และคณะ เดินทางมามอบนโยบายแก่ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8
นายเศรษฐา ได้รับฟังรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ โดยเรื่องแรกเป็นเรื่องที่พักอาศัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีจำนวน 17,730 นาย และมีที่พักอาศัย 8,500 ห้อง ซึ่งได้รับปีงบประมาณปี 2567 - 2568 มาปรับปรุงที่อยู่อาศัย ซึ่งนายกฯได้เน้นย้ำว่า ต้องการให้ใช้โมเดลที่พักข้าราชการตำรวจ ตามที่ได้สั่งการไปในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มาใช้กับพื้นที่จังหวัดภูเก็ตด้วย
ขณะที่การดำเนินการกวดขันจับกุมชาวต่างชาติ ที่กระทำผิดกฎหมาย ปัจจุบันมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตราว 1 ล้าน 4 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นสัญชาติรัสเซียมากที่สุด ซึ่งพบผู้กระทำผิดที่เป็นชาวต่างชาติ และมีการดำเนินคดีเพิกถอนการอยู่ต่อตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบันจำนวน 98 ราย พบเป็นชาวจีนและเมียนมา
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ศปปธ.) พร้อมกับตรวจสอบข้อมูลบริษัท มีชาวต่างชาติถือหุ้นในจังหวัดภูเก็ต จำนวน 10,291 บริษัท โดยมีบริษัทที่มีลักษณะต้องสงสัย มีพิรุธ มีการจดทะเบียนหลายบริษัทในที่ตั้งเดียวกัน จำนวน 169 เป้าหมาย รวมถึงยังมีการรายงานสถานการณ์การลักลอบ นำเข้ายางพาราเข้าประเทศ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 - 31 มีนาคม 2567 กว่า 67,445 กิโลกรัม และปาล์มน้ำมัน 8,180 กิโลกรัม การจับกุมกวาดล้างแก๊งเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มนายทุนหนุนหลังในพื้นที่จังหวัดชายแดนระนอง
จากนั้นนายเศรษฐา กล่าวมอบนโยบายว่า ตนลงมาภูเก็ตเป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่เป็นนายกฯ การพัฒนาภูเก็ตเป็นความสำคัญต้นๆ ของรัฐบาล เพราะเราต้องพัฒนาการท่องเที่ยว และเมื่อมีความมั่งคั่งถ้าไม่มีความมั่นคง ความมั่นคั่งจะพังทลาย ซึ่งปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาเรื้อรัง 6 เดือนที่ผ่านมา มีการจับยาเยอะมาก แต่ปัญหายาบ้าไม่ลดลง ที่ตั้ง KPI มาถือว่าต่ำไปเยอะ ต้องจัดการให้มากกว่านี้ ที่มีการจับกุมมาคือรายเล็กทำไมไม่จับรายใหญ่
ส่วนการพนันออนไลน์ประชาชนเดือดร้อน ตัวเลขจับกุมยังน้อยอยู่ ขอให้เร่งดำเนินการจับกุมต่อไป หนี้นอกระบบก็เป็นปัญหาเรื้อรังเป็นมะเร็งร้ายของสังคม เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ อยากให้ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง จัดตลาดนัดแก้หนี้ อย่าให้มีการข่มขู่ลูกหนี้ ซึ่งกระทรวงการคลังที่ตนเป็นรัฐมนตรีอยู่จะเข้ามาช่วยดูแลเกี่ยวกับกระแสเงินสด ที่กล่าวมาเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ถ้าจบการสัมมนาวันนี้แล้ว ขอให้ไปสุมหัวกันแล้วช่วยกันคิดว่าทำให้แข็งแรงขึ้นอย่างไร ขณะที่เรื่องยางพาราก็เป็นเรื่องสำคัญชายแดนไทยติดพม่า2,000 กว่ากิโลเมตร ด่านใหญ่สามารถสกัดอยู่ เขาจึงลักลอบนำเข้ายางเถื่อนตามตะเข็บชายแดน จึงขอให้เข้มแข็งขึ้น
นายเศรษฐา กล่าวว่า สำหรับการป้องกันการกระทำผิดของคนต่างชาติก็เป็นเรื่องสำคัญ มีเครือข่ายด้านธุรกิจทำตัวนอกเหนือกฎหมาย ขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลลงทุนที่ภูเก็ตเป็นแสนล้าน แต่ถ้ามีการกระทำที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้นกรณีเดียวจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาทำมาหากินอย่างไม่ถูกต้องที่ลงทุนจะพังพินาศได้ ขอให้ช่วยกันดูให้ดีเพราะเราลงทุนไปสูง ไม่อยากให้น้ำผึ้งหยดเดียวเป็นปัญหาให้เรื่องที่เราทำเสียหาย
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ขอฝากผู้สมัครสส.เป็นหูเป็นตา อย่าให้การลงทุนสูญเปล่า อย่างไรก็ตามมีการร้องเรียนเกี่ยวกับการก่อเหตุทะเลาะในสวนน้ำแห่งหนึ่งในภูเก็ตเข้ามา แต่เรื่องเงียบไม่ทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เรื่องเงียบไม่ได้ลงหนังสือพิมพ์ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงปกปิดไม่มิด ใครที่เกี่ยวข้องไปเอาความจริงมาให้ได้ เพราะเรื่องไปอยู่ที่รัฐสภาแล้ว ต้องดูแลเป็นพิเศษอย่าจับแต่รายย่อย จับรายใหญ่ให้ได้สร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกว่าไทยมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้องเป็นธรรมเคร่งครัด
อย่างไรก็ตามการพัฒนา จ.ภูเก็ต มีเรื่องที่หนักใจคือการประกอบธุรกิจโรงแรมที่ผิดกฎหมาย เป็นความโชคไม่ดีของฝ่ายความมั่นคงที่เป็นปลายน้ำมาดูแลใบอนุญาตที่ไม่ถูกต้อง ดูแลเรื่องทางหนีไฟ ถ้าเกิดเหตุเดี๋ยวเป็นประเด็นอีก
สำหรับเรื่องการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำประปา ตนได้คุยกับนายฉัตรชัย จะเอาน้ำจากเขื่อนเชี่ยวหลานผ่านจังหวัดกระบี่ พังงา ให้มาใช้ที่ภูเก็ต ลดการขาดแคลนน้ำ
นายเศรษฐา กล่าวถึงกรณีที่นักท่องเที่ยวไม่มีใบขับขี่แล้วใช้พาสปอร์ตเป็นหลักฐานการเช่ารถ เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ไม่มีเอกสารยืนยันนั้น อาจจะถูกมองว่าเราเข้มเกินไปกลัวนักท่องเที่ยวไม่พอใจ แต่ยืนยันว่ากฎหมายต้องมาก่อน ไม่เช่นนั้นนักท่องเที่ยวก็จะไม่ทำตามกฎหมาย
“ถ้าเขาจะไม่มาเพราะเราเข้มข้นก็ไม่เป็นไร เพราะเป็นนักท่องเที่ยวที่ไม่มีคุณภาพ เราต้องการนักท่องเที่ยวที่เคารพกฎหมายของประเทศไทย” นายเศรษฐา กล่าว
จากนั้นนายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวการร่วมเพศกลางทะเลที่หาดป่าตอง จะดำเนินการอย่างไร ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของความเหมาะสม ต้องเคารพวัฒนธรรมอันดีของประเทศไทย หากทำผิดต้องสั่งลงโทษทันที ไม่มีข้อยกเว้น
เมื่อถามถึงการผลักดันให้ จ.ภูเก็ต เป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษจะดำเนินการอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนยังไม่ได้หนังสือข้อเสนอดังกล่าว หากได้รับจะต้องพิจารณาว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษคืออะไร แต่ต้องดูว่าหากเป็นโรงงานอุตสาหกรรมอาจไม่เหมาะสม เพราะเราเน้นเรื่องการท่องเที่ยว หากการยกระดับ จ.ภูเก็ต ในธุรกิจที่ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวตนยินดี
เมื่อถามย้ำว่า หากจะยกเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเฉพาะด้านท่องเที่ยวจะสามารถทำได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ต้องยกระดับเพราะเกาะภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว มีศักยภาพสูงซึ่งเราจะยกระดับขึ้นไปอีก ซึ่งการสร้างเศรษฐกิจพิเศษต้องไม่เป็นภัยกับการท่องเที่ยว ถ้าเป็นไปได้อาจต้องเป็นเศรษฐกิจพิเศษเชิงวัฒนธรรมประเพณี ซึ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมพื้นบ้านและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้
เมื่อถามถึงการนำน้ำมาจากเขื่อนเชี่ยวหลานจะดำเนินการได้เมื่อไหร่ เพราะขณะนี้ทางจ.กระบี่ก็มีปัญหาขาดแคลนน้ำ นายเศษฐา กล่าวว่า โครงการนี้เพิ่งสั่งการไปในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาให้มีการศึกษา ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการศึกษา แล้วจะมีรายละเอียดที่ชัดเจน ยืนยันเรื่องนี้จะมีความคืบหน้าอย่างแน่นอน ไม่ต้องห่วงถ้าเราจะยกระดับภูเก็ตโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งประปา ไฟฟ้า ถนน เราให้ความสำคัญ
เมื่อถามถึงการแก้ไขปัญหาจราจรในจ.ภูเก็ต นายเศรษฐา กล่าวว่า ในส่วนของสะพานสารสิน อยู่ระหว่างการศึกแนวทางเพื่อให้เรือยอร์ชสามารถวิ่งรอบเกาะได้ ส่วนเรื่องของการคมนาคมในการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากตัวเมืองไปสนามบินบางวันใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง จึงได้มีการสร้างทางคู่ขนาน ขุดอุโมงค์ สร้างทางเล็กๆเพื่อระบายการจราจร มั่นใจว่าการจราจรที่จ.ภูเก็ตต้องดีขึ้น
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี