วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 จากกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ พาสื่อมวลชนและผู้ส่งออกลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ตรวจสอบข้าวสารค้างสต๊อก 10 ปี จากโครงการจำนำในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ และกินข้าวโชว์ว่ายังนุ่มนวลพร้อมนำออกประมูล จำนวน 1.5 แสนกระสอบ

ล่าสุด นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และอย. ทำอะไรอยู่ ควรเข้ามาตรวจสอบคุณภาพข้าวเก่าที่รัฐบาลกำลังจะเปิดประมูลขาย และต้องเปิดเผยผลการตรวจสอบคุณภาพข้าวให้ผู้ที่จะเข้าประมูล และประชาชนทราบ การหุงข้าวและรับประทานข้าวโชว์ออกสื่อ เป็นการกระทำอย่างลวกๆ ปาหี่ แบบขอไปที ไม่ถือเป็นการยืนยันมาตรฐานความปลอดภัยให้ผู้บริโภคได้

การที่ข้าวยังดูสภาพดี ก็เพราะรมยาฆ่าแมลง ถ้าไม่รมยาฆ่าเเมลงตลอด ๑๐ ปี มีมอด หรือเน่าแน่ ๆ การรมยาฆ่าแมลงเดือนละ ๑ ครั้ง เป็นเวลา ๑๐ ปี ถ้าทำจริงก็เท่ากับ รมยาฆ่าแมลงถึง ๑๒๐ ครั้ง
การล้างข้าวด้วยน้ำเปล่า ๑๕ ครั้ง ก็ไม่สามารถล้างยาฆ่าแมลงให้หมดได้ เพราะสารเคมีสะสมฝังในเนื้อข้าวแล้ว นี้ยังไม่รวมว่าอาจจะมีอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารพิษที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
แม้แต่ชาวนา ข้าวเก่าหมดสภาพแล้วเขาก็ทำลายทิ้ง ไม่ทาน และไม่ขาย เพราะไม่ควรใช้บริโภคทั้งคนและสัตว์

การที่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อ้างว่าข้าวดังกล่าวไม่อันตราย บริโภคได้ และจะเปิดประมูลให้บริษัทเอกชนนำไปจำหน่ายได้นั้น เป็นเรื่องที่จะส่งผลต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนอย่างร้ายแรง และยังจะมีผลเสียต่อชื่อเสียงของประเทศชาติ ทำลายการส่งออกข้าวในอนาคตด้วย

ถ้านายภูมิธรรม รมว. พาณิชย์มั่นใจว่า ข้าวเก่าตั้งแต่สมัยรัฐบาลน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริโภคได้ และปลอดภัย ก็ลองประกาศส่งออกสิ จะได้มีรายได้เข้าประเทศ โดยรัฐบาลรับประกันคุณภาพข้าว อยากจะทราบว่ามีประเทศไหนสนใจซื้อให้ประชาชนของเขาทานบ้าง?

#สิ่งรัฐบาลคิดทำแต่ละเรื่องเป็นภาระสังคมได้ทุกเรื่อง

ทำไมไม่คิดเอาไปทำ เอทานอล แปรรูปเป็น เอทิลแอลกอฮอล์ ยังปลอดภัยและได้ประโยชน์มากกว่า

วิรังรอง