ปัดฟอกขาวจำนำข้าวยุค‘ยิ่งลักษณ์’
‘ภูมิธรรม’โต้ทุกเม็ด
แฉไอ้โม่งซุ่มขายกิโลละ5บ.
นักวิชาการชี้ปนเปื้อนเชื้อรา
จี้สคบ.-อย.เข้าตรวจสอบด่วน
มีไอ้โม่งดอดขาย กิโลละ5 บาท ร้องดีเอสไอไปสอบสวน ด้าน‘วิรังรอง ทัพพะรังสี’กวักมือเรียก สคบ.-อย.เข้าไปตรวจสอบด่วน ขายไป อาจสร้างความเสียหายต่อประเทศ
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสดราม่าซาวข้าว 15น้ำหลังเดินทางไปทดลองรับประทานข้าวในโครงการรับจำนำข้าวที่ จ.สุรินทร์ว่า อย่าไปสนใจรายละเอียดแบบนี้เลย เพราะข้าวแต่ละถุงมีความแตกต่างกัน มีฝุ่นมากฝุ่นน้อย จะซาวกี่ครั้งก็ซาวเถอะ ซาวให้สะอาด ซึ่งวันนั้นเราซาวกันแค่ 5 ครั้ง ส่วนใครจะซาว 10 หรือ 15 ครั้ง ก็ขึ้นอยู่กับความในใจของตัวเอง นี่ไม่ใช่ประเด็น อย่าเบี่ยงประเด็นไปอย่างอื่น
“สิ่งที่ผมทำวันนี้ เพราะเป็นผู้ดูแลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข้าว ซึ่งมีเจ้าของโกดังทำเรื่องมาขอร้องว่าจะเอาอย่างไรก็เอาสักที ข้าวอยู่ตรงนี้มา 10 ปีแล้ว และโกดังถูกปิดตายด้วยกุญแจ จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปตลอดชีวิตหรือ หรือจะมาตรวจและจัดการ จะเป็นข้าวเน่า ข้าวดี ก็ไปจัดการให้มันจบ ปิดเรื่องนี้ไปเลย ผมจึงไปตรวจดูและชิมข้าวแล้ว และมาบอกได้ว่าข้าวไม่เน่า” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนที่มีคนออกมาบอกว่าข้าวเก็บไว้แค่ 1-2 ปีก็เน่าแล้วนั้น ยืนยันว่าข้าวเน่าหรือไม่เน่า จริงๆอยู่ที่การเก็บรักษา ซึ่งเราทดลองให้สื่อมวลชนเข้าไปดูด้วย อยากจะเจาะตรงไหนก็เจาะ และข้างบนเราสามารถเจาะจากตรงกลางที่ส่วนใหญ่ชอบซ่อนข้าวที่ไม่ดีไว้ เราเจาะลงไป 15 ชั้น นำโดรนขึ้นไปบินและถ่ายออกมาให้ดู ทุกอย่างทำโปร่งใส ดังนั้น จึงไม่อยากให้นำจินตนาการมาชี้นำความจริง วันนี้เราเอาความจริงมาพูดและแก้ปัญหา
ยันไม่ทำลายชื่อเสียงประเทศ
“ความจริงผมไม่ต้องทำอะไร ผมปล่อยไปเรื่อยๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับผม แต่เมื่อมีคนร้องมาเราก็เข้าไปดู วันนี้เราพิสูจน์ทางกายภาพ พิสูจน์เบื้องต้น พบว่าเม็ดข้าวไม่มีแตก สีเหลืองไหม ยอมรับว่าเหลือง เป็นเรื่องธรรมดาของข้าวหลายปี แต่กระบวนการข้าวสามารถสีให้ขาวได้ ส่วนเรื่องยาอบข้าว จริงๆ การรมข้าว เขาก็ให้ 14 วัน ก็สามารถที่จะเข้าไปได้ กลิ่นต่างๆ ก็ออกไป ว่าตามธรรมชาติ ตามเทคนิค เอาหมอมาคุย อย่าไปนั่งพูดแล้ววิจารณ์ทำให้ของอยู่กับที่อย่างนี้ ปัญหาไม่ได้แก้ ไม่มีประโยชน์ ทำได้ทั้งนั้น สารที่น่ากลัว เช่น เรื่องรา ผมได้ดูแล้ว คิดว่าไม่น่ามีปัญหา คนจะมาซื้อก็ต้องตรวจอีกที วันนี้นำไปขายได้ ไม่ต้องกลัว ผมไม่ได้นำเรื่องนี้ไปทำลายชื่อเสียงประเทศ อย่าดราม่ามากนะครับ” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า คนที่วิจารณ์ต้องมาช่วยกันคิดว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร วันนี้ความจริงไม่ได้เกี่ยวข้องกับว่ากินได้หรือกินไม่ได้ แต่ปัญหาที่เคยพูดกันว่า ข้าว 1 ปีก็เน่า ตนมาพิสูจน์ให้เห็นว่าข้าว 10 ปี ด้านกายภาพไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลง ไม่ได้แฉะ ไม่ได้ติดหนืด ไม่เหมือนกับข้าว 5 ปีที่เอามาโชว์ ย้ำว่าข้าวจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่การเก็บรักษา ทั้งนี้ ในการทำจำนำข้าว เขามีกระบวนการเก็บรักษาเป็นมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม วันที่ไปดูตนนำเซอร์เวย์เยอร์ ซึ่งเป็นผู้ตรวจข้าวในมาตรฐาน ขึ้นทะเบียนการค้าเรียบร้อย ไปตรวจข้าวจำนวนมากแล้ว ไปขายในต่างประเทศ เป็นที่ยอมรับ ฉะนั้น ทุกกระบวนการที่จะมีปัญหาตนได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว หากบอกว่ามีอะไร เดี๋ยวตนจะพิสูจน์ให้ อย่าพูดไปเรื่อยๆ แล้วมันไม่มีทางออก
แฉไอ้โม่งดอดขายกิโลละ5บาท
รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า วันนี้ถ้าขายข้าวได้ ตนประมาณว่า 18 บาท คือ มาตรฐาน วันนี้ข้าวกำลังราคาดี จะ 15-20 บาท ขึ้นอยู่กับการประมูลได้ อย่างไรก็ดีกว่าตอนที่บอกว่า 1 ปีแล้วข้าวเน่า ซึ่งขายได้ 5 บาท ตนไม่ได้อยากแตะเรื่องนี้ เพราะไม่ได้คิดว่าจะมาเคลียร์เรื่องนี้ ตนทำจบในหน้าที่ตน แล้วใครจะไปทำอะไรก็ไปทำ จะทำหรือไม่ทำก็แล้วแต่ ไม่เกี่ยวกับตน ไม่อยากให้มาใช้ตำนานคำว่าข้าวเน่า ทั้งนี้ ต้องเห็นใจโกดังที่มีค่าใช้จ่าย 10 ปี ที่มีค่าเสียโอกาส ตนไม่ได้มีเอี่ยวหรือมีประโยชน์อะไรกับเขา ทำไปตามกระบวนการ อย่าให้ตนเปิดประมูลได้แล้วมาติดขัด ไม่มีประโยชน์กับประเทศชาติ
“เอาสติมาคุยกัน เอาความจริงมาคุยกัน ผมเปิดเผยหมด มีผู้เกี่ยวข้องไปดูหมด แล้วคนที่ดูอยู่เฉยๆ จะมีปัญหาอะไร แก้ปัญหาให้มันจบ ปิดตำนานไปซะ ไปเคลียร์ซะ ได้ประโยชน์นำเงินขึ้นมา 200-400 ล้าน นำเงินมาชดใช้เจ้าของโกดังที่เขาเก็บไว้ ผมคิดว่าเป็นผลดีกับประเทศชาติ เถียงกันก็ต้องเถียงว่าทำไมถึงเก็บตั้ง 10 ปี ทำไมเปิดออกมาแล้วยังเหมือนข้าวปกติ ทำไมวันนั้นเอาไปขาย 5 บาท เป็นข้าวหัก ข้าวเน่า วันนี้เปิดออกมา 10 ปี เขายังบอกว่า 15-18 บาทขายได้ อย่ามาดราม่าเลย เพราะผมไม่ชอบดราม่ากับใคร เอาความจริงมาพูด เอาปัญหามาแบ เอาสติปัญญามาแก้ปัญหา” นายภูมิธรรม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีดราม่าว่ารัฐบาลกำลังฟอกข้าวให้กับคดีรับจำนำข้าว นายภูมิธรรม กล่าวว่า “แล้วแต่จะคิดครับ วันนี้นั่งอยู่เฉยๆ ตรงนี้ก็คิดไปได้สารพัด คิดบวกก็ได้ คิดลบก็ได้ คิดหนึ่งก็ได้ คิดสิบก็ได้ ก็คิดไป คนเรา ท่านใดมีความพึงพอใจที่จะคิด ใช้จินตนาการก็คิดไป ผมมีหน้าที่แก้ปัญหาก็มาแก้”
“พิชิต”แย้ม ร้องดีเอสไอสอบ
ด้าน นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตนพอรู้เรื่องโครงการรับจำนำข้าวอยู่บ้าง ขออย่าคิดอะไรสลับซับซ้อนมาก เพราะเป็นเพียงการตั้งข้อสงสัยมานานแล้วว่า ข้าว 4-5 ปีเหตุใดจึงเป็นข้าวเน่า เป็นข้าวเสียถึงขั้นจะนำไปขายเป็นอาหารสัตว์หรือเชื้อเพลิง
“ได้รับเบาะแสมาพอสมควรแล้ว ว่า บรรดาผู้ที่รับซื้อข้าว เอาไปทำอะไร กำลังอยู่ในรูปคดี เพราะขณะนี้มีคนไปยื่นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยืนยันว่าผู้ที่ซื้อข้าวไป ไม่ได้เอาไปทำอาหารสัตว์ เพราะเรามีแหล่งข่าว และมีพยานหลักฐานพอสมควรแล้ว ดังนั้นสิ่งที่นายภูมิธรรม เดินทางไปดู เป็นแค่การพิสูจน์เชิงประจักษ์ ว่า ข้าว 10 ปีสามารถทานได้หรือไม่ ไม่ได้มีเรื่องการเมืองแต่อย่างใด” นายพิชิต กล่าว
เมื่อถามว่าในฐานะนักกฎหมายมองคดีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีมูลเหตุคดีทางการเมืองหรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า ตนขอให้มองแค่ปัญหาที่ไปตรวจข้างในโครงการรับจำนำข้าว จังหวัดสุรินทร์ มากกว่า อย่าไปถึงเรื่องคดีความเลย
เมื่อถามย้ำว่าการที่คดีดังกล่าวมาจุดติดในตอนนี้ มีนัยอะไร หรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า อยากให้คิดว่ารัฐบาลเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินไม่ถึงปี และเพิ่งได้กระแสมาว่าโกดังนี้เป็นโกดังที่เร่งรีบขาย ในฐานะนักกฎหมาย จะเป็นการทำลายพยานหลักฐานอะไรบางอย่าง พร้อมกล่าวย้ำว่าเรื่องนี้ไม่มีเรื่องการเมือง มีแต่เรื่องของประชาชน ถ้าข้าวดีข้าวขายได้ เงินก็เข้ารับเท่านั้นเอง ไม่มีเรื่องการเมือง
ห่วงภูมิธรรมรับประทานเชื้อรา
รศ.พันทิพา พงษ์เพียจันทร์ อาจารย์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความห่วงใยนายภูมิธรรมและพวกที่ กินข้าวค้างสต๊อก10ปีโชว์ว่ายังนุ่มนวลพร้อมนำออกประมูล ว่าผู้ที่ชิมไปอาจได้รับสารเคมีเชิ้อราปนเปื้อน ทั้งเห็นว่าไม่ควรรับประทาน สัตว์ก็รับประทานไม่เพราะอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ทั้งไม่เห็นด้วยที่จะนำข้าวไปขายให้อัฟริกา ชื่อเสียงข้าวเน่าเสียของไทยจะกระจายไปทั่วโลก คู่แข่งเราจะได้เปรียบ กว่าเราจะกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาคงหลายปี เสียตลาดข้าวให้คู่แข่ง โดยเขาไม่ต้องออกแรงเลย และที่สำคัญบาปตกอยู่กับผู้คิด ผู้ขาย แน่นอน และขอแนะนำให้นำข้าวเหล่านี้ ไปผลิตเป็นแอลกอฮอล์ หรือน้ำส้มสายชู จะดีกว่า
ร้อง‘สคบ.-อย.’ตรวจสอบ
วันเดียวกัน นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เรียกร้องให้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และองค์การอาหารและยา(อย.)เข้าไปตรวจสอบข้าว10ปีที่รับจำนำในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่นายภูมิธรรม ออกมารับประทานโชว์ ทั้งที่ข้าวดังกล่าวมีการรมยาฆ่าแมลงอาจจะมีอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารพิษที่ก่อให้เกิดมะเร็ง แม้แต่ชาวนา ข้าวเก่าหมดสภาพแล้วเขาก็ทำลายทิ้ง ไม่ทาน และไม่ขาย เพราะไม่ควรใช้บริโภคทั้งคนและสัตว์
การที่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อ้างว่าข้าวดังกล่าวไม่อันตราย บริโภคได้ และจะเปิดประมูลให้บริษัทเอกชนนำไปจำหน่ายได้นั้น เป็นเรื่องที่จะส่งผลต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนอย่างร้ายแรง และยังจะมีผลเสียต่อชื่อเสียงของประเทศชาติ ทำลายการส่งออกข้าวในอนาคตด้วย ถ้านายภูมิธรรม รมว. พาณิชย์มั่นใจว่า ข้าวเก่าตั้งแต่สมัยรัฐบาลน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริโภคได้ และปลอดภัย ก็ลองประกาศส่งออกสิ จะได้มีรายได้เข้าประเทศ โดยรัฐบาลรับประกันคุณภาพข้าว อยากจะทราบว่ามีประเทศไหนสนใจซื้อให้ประชาชนของเขาทานบ้าง?
ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ความเห็นว่าข้าวดังกล่าวเหมาะให้คณะรัฐมนตรี และสส.ได้รับประทาน ส่วนคนปกติทั่วไปไม่ควารจะบริโภค
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.)โพสต์เฟซบุ๊ก บางช่วงว่าต้องให้หน่วยงานที่ชำนาญเรื่องการข้าวเข้าไปตรวจสอบข้าวดังกล่าวเป็นการด่วน
ที่สำคัญหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ทั้ง ป.ป.ช. อัยการ ศาลยุติธรรม ควรจับตาเฝ้าติดตามตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ด้วยเหตุที่มีการข่าวว่า ทีมกฎหมายของการเมืองในขบวนการทุจริตจำนำข้าว จะบิดเบือนสร้างพยานหลักฐานใหม่ เพื่อขอรื้อฟื้นคดีหรือไม่ หรือเพื่อดิสเครดิตกระบวนการยุติธรรมไทยที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษาเด็ดขาดไปแล้ว
เชิญสตง.เข้าไปตรวจสอบ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสว.กล่าวว่า วันนี้ตนส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้นายกฯ เชิญ สตง. เข้าไปตรวจสอบเอกสารทางบัญชีและร่วมตรวจนับสต็อกข้าวทุกกระสอบก่อนเพื่อให้แน่ใจได้ว่า ข้าวในสต็อกคงเหลือ ณ ปัจจุบัน ของ อคส. ก่อนที่รัฐบาลจะนำไปเปิดประมูลขายนั้น เป็นข้าวสารในสต็อกที่ถูกต้องตรงกันกับบัญชีสินค้าคงเหลือของ อคส. หรือไม่ ข้าวสารในสต๊อกดังกล่าว มาจากข้าวเปลือกตามใบประทวนของเกษตรกร รายใด มีการนำไปสีแปรสภาพเมื่อใด มีการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐไปกี่ครั้ง ในราคาเท่าใด ใครเป็นผู้ประมูลไป เงินที่ประมูลได้มีการนำส่งให้ ธ.ก.ส. ครบถ้วน หรือไม่ ในแต่ละรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.ของ อคส. มีการตรวจนับสต็อกข้าวทั้งสองคลังได้ หรือไม่ มีการหักค่าเผื่อจากการลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือไว้ในแต่ละปีเป็นจำนวน เท่าใด และมีการรักษาคุณภาพข้าวโดยวิธีรมยาหรือวิธีอื่นใดมาทั้งหมดกี่ครั้ง แต่ละครั้ง มีค่าใช้จ่าย เท่าใด ปัจจุบัน สต๊อกข้าวในคลังทั้งสอง ยังดีอยู่และกินได้จริงตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และโฆษกรัฐบาลแถลงข่าว หรือไม่ ถ้าข้าวที่เก็บมา 10 ปี ยังดีอยู่จริง อาจหมายความว่า ข้อมูลข้าวสารที่เป็นสินค้าคงเหลือในงบการเงิน อคส. ที่ผ่านมาร่วม 10 ปี อาจจะเชื่อถือไม่ได้ ใช่หรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี