‘พิชัย’เผย ครม.อนุมัติกรอบงบ67 เพิ่มเติม นำมาใช้โครงการ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ แย้มเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น หลัง‘จีดีพี’โตต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ด้าน‘เผ่าภูมิ’'เผยพร้อมถกคณะกรรมการกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐปลายสัปดาห์นี้
21 พฤษภาคม 2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า จากการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเรื่องของแหล่งเงินได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง ไปหารือกัน และในวันนี้ทางสำนักงบประมาณได้นำเสนอที่ประชุม ครม. โดยมีทางเลือกที่จะใช้งบกลางได้ หรือสามารถเปลี่ยนงบ แต่มีปัญหาทางเทคนิค ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี
“ดังนั้นจึงตัดสินใจว่าทำกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 แต่ต้องอยู่ภายใต้พ.ร.บ.งบประมาณ และหลักเกณฑ์ของวินัยการเงินการคลัง และอยู่ในกรอบหนี้สาธารณะ ไม่ให้เกินกรอบ 70% โดยจะนำรายละเอียดเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวว่า ส่วนที่มีการจะเสนอการจัดทำกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 เพิ่มเติม จำนวน 1.22 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลนั้น มีบางคนอาจคำนวณวงเงินไว้ประมาณนั้น ถ้าอยู่ในกรอบ ซึ่งต้องดูรายละเอียดอีกครั้งว่า เป็นเท่าไร โดยจะนำเสนอครม.อีกครั้ง 28 พ.ค.นี้
ทั้งนี้ จากตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 1.7% เป็นเรื่องที่ดีที่ตัวเลขจีดีพียังไม่ติดลบ ยังไม่อยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย ก็ยังถือว่า เติบโตต่ำกว่าที่คิดไว้ แต่ศักยภาพของไทยน่าจะเติบโตได้มากกว่านั้น เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลจึงเห็นว่า มีความจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น แต่ปัญหาเศรษฐกิจไทย มาจากโครงสร้าง ซึ่งต้องใช้เวลา แต่บางอย่างสามารถทำได้เลย ซึ่งวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจจะพิจารณาต่อไป โดยจะเสนอต่อครม.อีกครั้ง
ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 ตามที่กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณเสนอ เพื่อดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เคยมีแนวทางที่จะใช้แหล่งเงินที่ใช้ในการการดำเนินโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ตไว้ 3 แหล่ง คือ แนวทางแรกพ.ร.บ.โอนงบประมาณปี 2567 , แนวทางที่ 2 การปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นหรืองบประมาณที่หน่วยรับงบประมาณไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 หรือการใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และแนวทางที่ 3 ขยายกรอบวงเงินมาตรา 28 ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ใน 3 แหล่งเงินนี้ รัฐบาลได้ตัดแหล่งเงินในส่วนของการพ.ร.บ.โอนงบประมาณออกไป เพราะการโอนงบประมาณจะทำให้เกิดการชะลอตัวในการใช้จ่าย งบประมาณจะถูกแช่แข็งไว้ 2 เดือน ซึ่งไม่เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่จะต้องการกระตุ้นจึงตัดทางเลือกนี้ไป ดังนั้นโครงการนี้จะเหลือทาง 2 ทาง คือ ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีหรืองบกลาง และขยายกรอบวงเงินมาตรา 28 ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง
“วันนี้ยังไม่ได้มีการหารือถึงกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพิ่มเติม 2567 ว่าจะเพิ่มขึ้นไปเท่าใด แต่ 2 ทางเลือกที่เหลือนี้จะการจัดทำงบกลางและการจัดทำพ.ร.บ.งบเพิ่มเติมกลางปี ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้รวมกันจะต้องได้ 1.75 แสนล้านบาท ตามที่เราคุยกันไว้ ดังนั้นในส่วนของกอบงวงเงินของทั้ง 2 ส่วนจะต้องมีการหารือกันในที่ประชุมคณะกรรมการกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐช่วงปลายสัปดาห์นี้ ก่อนเสนอครม.พิจารณา 28 พ.ค.67” นายเผ่าภูมิ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี