ยก 3 เหตุผล!อดีตรองอธิการบดีมธ.เชื่อ แม้‘พิชิต’ลาออก ยังกระทบถึง‘เศรษฐา’

22 พฤษภาคม 2567 รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr ระบุว่า...

“ตอนสายๆยังเสียงแข็ง กล่าวขอบคุณสว.ที่ทำให้มีโอกาสได้ชี้แจง เพราะโหยหาความเป็นธรรมมานาน วิพากษ์วิจารณ์ศาล ว่า ทำไมมีเพียงศาลเดียว บอกว่าตัวเองถูกกระทำโดยวงจรอุบาทว์ ท้าให้ทุกคนไปอ่านคำสั่งศาลฎีกาฯที่สั่งจำคุก หากมีข้อความว่าตัวเองเป็นคนถือถุงเงินไปที่ศาล จะลาออกวันนี้เลย

คำพูดทั้งหลายทั้งปวงที่ออกมาจากปาก คุณพิชิต ชื่นบาน สื่อความหมายชัดเจนว่า “ผมไม่ลาออก”

แต่ที่ คุณพิชิต พูดทั้งหมด ไม่มีคำปฏิเสธว่า ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำถุงบรรจุเงิน 2 ล้านบาทไปมอบให้เจ้าหน้าที่ศาลเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วแต่อย่างใด

นี่คือช่วงสาย สำนักข่าวต่างๆรายงานข่าวนี้ประมาณเที่ยง พอตกเย็นก็เป็นข่าวไปทั่วว่า คุณพิชิต ยื่นหนังสือลาออกเสียแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ คุณพิชิต จะเปลี่ยนใจกลับลำกะทันหันเช่นนี้ หากไม่มีคำสั่งจากข้างบนลงมา คุณพิชิต จึงจำต้องเล่นบทเป็นผู้เสียสละ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่บริหารประเทศต่อไปได้

ถามว่าเรื่องนี้จะจบลงแบบไม่กระทบตัวนายกรัฐมนตรีเลยหรือไม่ คำตอบคือไม่

บอกได้เลยว่างานนี้ไม่ต้องแยกแยะความเป็นไปได้ว่ามีกี่หน้า เพราะจะมีเพียงหน้าเดียว คือ วันที่ 23 พ.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องนี้ไว้วินิจฉัย เหตุผลคือ

1. ประวัติของ คุณพิชิต ในสายตาของประชาชน มีความน่ากังขาเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต และเรื่องจริยธรรมอยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย

2. เมื่อประชาชนมีข้อกังขา ในใจของนายกรัฐมนตรี ถ้ามีใจเป็นธรรม ก็ต้องย่อมมีข้อกังขาเช่นกัน และก็คงไม่เสนอชื่อคุณพิชิตเป็นรัฐมนตรี หากไม่มีคำสั่งลงมา

3. ศาลรัฐธรรมนูญคงไม่ยอมให้คนที่อาจกระทำผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ลอยนวลไปได้โดยไม่มีการพิสูจน์ความจริง ศาลรัฐธรรมนูญจึงต้องรับไว้วินิจฉัยผู้ถูกร้องที่ 1 คือตัวนายกรัฐมนตรี แต่หากจะวินิจฉัยผู้ถูกร้องที่ 1 ก็จำเป็นต้องวินิจฉัยผู้ถูกร้องที่ 2 คือ คุณพิชิต ชื่นบาน ด้วย เพราะผลการวินิจฉัยผู้ถูกร้องที่ 1 จะออกมาเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับผลการวินิจฉัยผู้ถูกร้องที่ 2

นอกจากจะรับวินิจฉัยแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญคงจะต้องรีบวินิจฉัยให้เสร็จโดยเร็ว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก หากนายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่ง ครม. ทั้งชุดต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยเช่นกัน รัฐบาลไม่ควรบริหารประเทศบนความไม่แน่นอนเช่นนี้นานเกินไป

ผลการวินิจฉัยจะเป็นอย่างไร ยังไม่อาจคาดเดาได้ ต้องคอยติดตามกันเองนะครับ”

-005