ยื่นยุบ‘ก้าวไกล’
‘แสวง’ยันไร้ใบสั่ง
ส่วนคดีภูมิใจไทย
รอสอบเงินบริจาค
“แสวง”เผย กกต.ส่งพยานหลักฐานเพิ่มคดียุบ “พรรคก้าวไกล” แล้วโต้ไร้ใบสั่ง ส่วน คดียุบ “ภูมิใจไทย”ไม่ได้ยื้อเวลา แค่หน่วยงานตรวจสอบปมเงินบริจาค ชี้กรณีต่างกันกับ “ก้าวไกล“ ระบุที่ยื่นศาลฯ ไม่เกี่ยวยุบพรรค แต่มีคนโยงกันไปเอง
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(เลขา กกต.) กล่าวถึงศาลรัฐธรรมนูญให้ กกต. ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมกรณียุบพรรคก้าวไกลว่า กกต. ได้ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ส่วนจะเป็นพยานบุคคลหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า คำวินิจฉัยเพียงพอแล้ว (ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินพรรคก้าวไกล ) กกต.จึงได้ส่งเอกสารเพิ่มบางอย่างที่เป็นข้อกฎหมาย
ส่วนนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาให้ความเห็นว่า กกต. ตีความเป็นศรีธนญชัย นั้น นายแสวง ไม่ขอแสดงขอความเห็น ขอให้รอฟังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ส่วนการที่คู่กรณีออกมาแสดงความเห็นว่า กกต. ไม่มีอำนาจ หรือ ลุแก่อำนาจจะทำให้ขาดความเชื่อมั่นต่อ กกต.หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า เรารู้ว่าต้องทำอะไร ทำผิดทำเกินทำน้อยคงไม่ได้ ทุกเรื่องมีการกระทำมีข้อเท็จจริง คนที่ได้รับผลดีผลร้าย สิ่งนี้เกิดจากกฎหมายกำหนดไว้ก่อนว่า ลักษณะเช่นไรที่เป็นความผิด เมื่อมีข้อเท็จจริง กกต. ก็ดำเนินการไปตามข้อเท็จจริง ท่านไม่ได้รับผลร้าย หรือผลดีจากการตัดสินของ กกต. ท่านได้รับผลร้าย จากข้อเท็จจริงที่ท่านทำ
“ เรารู้ว่าเราต้องทำอะไร ส่วนความเชื่อมั่นผมว่าเราก็ทำตามกฏหมาย ประชาชนจะสงสัยก็เป็นจุดที่ทำให้เรา ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นเป็นหน้าที่ เราก็ทำอย่างดีที่สุดเท่าที่กฎหมายให้เราทำ ”
ขณะเดียวกันนายแสวงยืนยัน ว่าตั้งแต่ตนมารับตำแหน่งเลขาธิการ กกต. ไม่มีใบสั่ง หรือคำชี้นำ จาก กกต. หรือจากข้างนอก
ไมได้ยื้อยุบภูมิใจไทย
นายแสวง ยังให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้อง ยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย ว่าเรื่องที่จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เกี่ยวกับการยุบพรรคเลย หรือเกี่ยวกับกฎหมายพรรคการเมืองอะไรเลย แต่มีคนจะเอามาโยงว่าสามารถที่จะยุบพรรคได้หรือไม่ จึงทำให้มีคนคิดว่าการที่พรรคภูมิใจไทยก็ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ พรรคก้าวไกลก็ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งสองกรณีนั้นแตกต่างกันมาก ส่วนฐานความผิดของพรรคภูมิใจไทยคือการอำพรางเรื่องหุ้น ไม่ได้เกี่ยวกับการยุบพรรคการเมืองตามกฏหมายพรรคการเมืองเลย แค่มีการเอาไปโยงกันเท่านั้น
ทั้งนี้ เมื่อมีคนร้องต่อกกต. มาก็ต้องมีการดำเนินการ ตรวจสอบเงินบริจาคว่ามีที่มาจากไหน เป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หากเป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ไม่ได้ตัดสินที่คนบริจาคแต่ตัดสินด้วยกฏหมาย และคนที่มีอำนาจชี้ ซึ่งต้องรอหน่วยงานที่มีอำนาจ เป็นคนตัดสินซึ่งก็ไม่ใช่กกต. หรือนายทะเบียนโดยขณะนี้มีการตรวจสอบและถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ จนกว่าจะได้ข้อยุติ
ต้องพิสูจน์เงินบริจาค
นายแสวง ยังยกตัวอย่างกรณีการบริจาคของนายตู้ ห่าว ที่บริจาคให้กับพรรคพลังประชารัฐ มีคนบอกว่าเงินชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องมีการพิสูจน์ว่าเงินชอบด้วยกฎหมายยังไง ก็ต้องรองหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทรัพย์สินเช่นปปง. หรือป.ป.ส. เป็นต้น เป็นผู้ตัดสินมาก่อนจึงจะนำคำตัดสินมาใช้ได้ ทั้งนี้โดยกฎหมายพรรคการเมือง ไม่ได้ให้นายทะเบียนเป็นคนวินิจฉัย ว่าเงินนี้ชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่มีอำนาจตัดสิน พร้อมยืนยันว่ากรณีการยื่นร้องพรรคภูมิใจไทยไม่ได้เป็นการยื้อเวลา เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งยื่นมาตามช่องทางของนายทะเบียนจึงมีการตรวจสอบตามมาตรา 93 ไม่ได้เข้าเกณฑ์ในมาตรา 92 ซึ่งกฎหมายก็มีหลายวิธี
“สามารถ”ชื่นชม กกต.
วันเดียวกัน นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ปรึกษากรรมาธิการการแรงงานกล่าวว่า ต้องขอชื่นชมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ที่ออกมาแถลงดับเครื่องชน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ออกมาบอกว่า กกต.นั้นไม่มีอำนาจที่จะยื่นยุบพรรคก้าวไกล ตนมองว่าในข้อกฎหมายมันชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งนายพิธามีพฤติกรรมย้อนแย้งในตัวเอง น่าจะรู้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องจริง ถ้านายพิธาบอกว่า กกต.และศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจ นายพิธาก็ต้องไม่รับอำนาจนั้น และอารยะขัดขืนไปเลย ไม่ต้องมาขอเลื่อน หรือยื่นบัญชีพยานเพื่อให้ศาลไต่สวน
“นายพิธาพยายามพูดเพื่อปลุกระดมให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้ง แต่หารู้ไม่ว่า คนไทยทั้งประเทศเขามองออกว่า พรรคก้าวไกลน่าจะถูกยุบไปนานแล้ว
สวดมนต์ให้”ก้าวไกล”ถูกยุบพรรค
นายสามารถ กล่าวต่อว่า กกต.ตอบชัดเจนแล้วว่า ด้วยอำนาจและข้อกฎหมายที่บังคับไว้ว่า ถ้านายทะเบียนมีเหตุควรเชื่อได้ว่ามีพรรคการเมืองหนึ่งหรือพรรคการเมืองใดที่จะทำการล้มล้างการปกครอง นายทะเบียนจะต้องยื่นยุบพรรคนั้น ซึ่งศาล รธน.เองก็ได้วินิจฉัยแล้วว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลนั้น เป็นการล้มล้างการปกครอง เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ซึ่งคำพิพากษาถูกประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ทาง กกต จึงต้องยื่นยุบพรรค แล้วตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี ดังนั้นกรณีมีคำพิพากษาว่าเป็นการล้มล้างการปกครองเป็นการเซาะทำลาย ถ้า กกต.ไม่ทำก็มีความผิดตามมาตรา 157 ฐานละเว้นปฎิบัติหน้าที่
ส่วนกรณีที่นายพิธา ระบุว่า จะหยิบกรณีของพรรคไทยรักษาชาติมาเทียบเคียงไม่ได้นั้น นายสามารถ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาล รธน.ด้วยซ้ำไป แต่พรรคก้าวไกลมีคำพิพาษาของศาล รธน.แล้วว่า เป็นการล้มล้างการปกครอง เซาะกร่อนบ่อนทำลาย เรื่องนี้จึงนำมาเทียบเคียงกันไม่ได้ เพราะความผิดของพรรคก้าวไกลน่าจะรุนแรงกว่าเสียด้วย ด้วยเหตุผลทั้งปวง ขอให้ช่วยกันสวดมนต์ภาวนาให้ก้าวไกลโดนยุบในวันที่ 18 นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี