‘เศรษฐา’แจงศาลรธน.32หน้า
วอนอย่าถอดพ้นเก้าอี้
คดีแต่งตั้ง‘รัฐมนตรีถุงขนม’
อ้างทำด้วยความสุจริต
ยันไม่ได้อยู่ใต้อิทธิพลใคร
รับไร้ความรู้ด้านนิติศาสตร์
พปชร.เชื่อการเมืองเปลี่ยน
“เศรษฐา”แจงศาลรัฐธรรมนูญ 32 หน้าในคดีแต่งตั้งรัฐมนตรีถุงขนม ยันทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไม่ได้อยู่ภายใต้อิทธิพลใคร ยอมรับไม่มีภูมิหลังการศึกษาด้านนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ มีประสบการณ์การเมือง-บริหารราชการแผ่นดินที่จำกัด จึงไม่อาจรู้ได้ทั้งหมด วิงวอนศาลอย่าถอดพ้นเก้าอี้นายกฯด้านพลังประชารัฐ เชื่อการเมืองวิกฤต พร้อมชง“บิ๊กป้อม”ขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี สานงานต่อที่“บิ๊กตู่”เคยทำไว้ให้ครบถ้วน
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีที่ กลุ่ม 40 อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.)ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ นิจฉัยกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯนำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันพุธที่ 14 ส.ค. นายเศรษฐา จะส่งแถลงการณ์ปิดคดีหรือไม่ว่า นายเศรษฐา จะส่งแถลงการณ์ปิดคดี โดยตนไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด เพียงแต่ทราบกว้างๆว่าเป็นการสรุปประเด็นต่างๆที่เคยยื่นต่อสู่ไปประมาณสองสามหน้า แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยจะส่งแถลงการณ์ปิดคดีไปตามกรอบเวลาที่ศาลกำหนดไว้คือวันที่ 31 ก.ค.
เปิดคำชี้แจงนายกฯเศรษฐา
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย ถึงการเตรียมการสู้คดีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ตกเป็นผู้ถูกร้องที่ศาลรัฐธรรมนูญในคำร้องคดี กลุ่ม 40 อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.)ยื่นคำร้องให้ศาลรธน.วินิจฉัยกรณี นายเศรษฐา นำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบานเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันพุธที่ 14 ส.ค.นี้
โดยมีรายงานว่า คาดว่านายเศรษฐา จะส่งเอกสารคำแถลงปิดคดีต่อศาลรธน.ตามกำหนดเวลาไม่เกินกลางสัปดาห์นี้ และจะให้นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย ตรวจทานและให้ความเห็นเป็นคนสุดท้ายก่อนส่งเอกสารให้ศาลรธน.
แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี ได้ส่งเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาถึงศาลรธน.ไปแล้ว รวมถึงได้แจ้งบัญชีรายชื่อพยานบุคคล ไปให้ศาลรธน.หากศาลรธน.จะมีการเปิดห้องพิจารณาไต่สวนคดีเพื่อให้เรียกไปให้ถ้อยคำ แต่สุดท้าย ศาลรธน.ไม่เปิดห้องไต่สวน
เปิดเอกสารถึงศาลรธน.32หน้า
แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมา ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ได้มีการพูดคุยและสอบถาม ทีมงานการเมืองที่เป็นอดีตส.ส.ของพรรคเพื่อไทย รวมถึงฝ่ายกฎหมายที่ไปช่วยงานนายเศรษฐา ที่ทำเนียบรัฐบาลและช่วยงานส่วนตัว ถึงการสู้คดีในชั้นศาลรธน. จนทำให้ ได้ทราบถึง รายละเอียดใน หนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายกรัฐมนตรี ที่ทำถึงศาลรธน.ก่อนหน้านี้มีทั้งสิ้น 32 หน้า
โดยมีรายงานว่า เนื้อหาหลักๆ คือการชี้แจงลำดับขั้นตอนการตรวจสอบประวัติของบุคคลที่จะถูกเสนอชื่อขึ้นทูลเกล้าฯเป็นรัฐมนตรี ทั้งตอนตั้งรัฐบาลครั้งแรกหรือ “เศรษฐา 1” เมื่อ 1 กันยายน2566 และการปรับครม.ครั้งล่าสุดเมื่อ 27 เม.ย. 2567 โดยนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันในเอกสารลับดังกล่าวว่า ได้กระทำการทุกอย่างโดยถูกต้องตามขั้นตอนและแนวทางปฏิบัติของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในการตรวจสอบคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี อีกทั้งได้ย้ำว่า ในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีและการเสนอชื่อบุคคลเป็นรัฐมนตรี ไม่ได้ทำเพื่อแสวงหาผลประโยชน์หรือเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคลใดจากการเสนอชื่อผู้ถูกร้องที่สองเป็นรัฐมนตรี ทั้งหมดกระทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและคำนึงถึงผลประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินเป็นสำคัญ ไม่ได้รู้เห็นหรือยินยอมให้บุคคลใด ใช้ตำแหน่งหน้าที่ของผู้ถูกร้องไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ จึงจึงไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ที่จะทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
หารือกฤษฎีกาแล้ว
รายงานข่าวให้ข้อมูลว่า การสู้คดีของนายเศรษฐา ที่ปรากฏในเอกสาระสำคัญดังกล่าว ได้มีการลำดับขั้นตอนตั้งแต่เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลเมื่อสิงหาคม 2566 และมีชื่อของนายพิชิต ชื่นบาน จะถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือครม.เศรษฐา 1 โดยทาง สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่มีหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของบุคคล ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี โดยพิจารณาจากรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยข้อมูลที่สำคัญจะต้องมาจากผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี เพราะสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะตรวจสอบเฉพาะข้อมูลเบื้องต้นเช่น เป็นบุคคลล้มละลายหรือไม่ -ประวัติคดีอาญาและคดีแพ่ง และหากมีข้อสงสัย ว่าอาจขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม จะรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ รวมถึงแจ้งบุคคลที่ถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีว่าพบปัญหาเรื่องคุณสมบัติที่อาจขัดรัฐธรรมนูญ เพื่อให้นายกฯและบุคคลดังกล่าว ตัดสินใจและดำเนินการให้ถูกต้อง โดยหากพบว่ารายชื่อบุคคลใดมีปัญหา ก็จะใช้วิธีการคือสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีหนังสือขอหารือไปที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และเมื่อได้รับแจ้งผลการหารือจาก คณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะสรุปผลการตรวจสอบประวัติโดยละเอียดทั้งหมดต่อนายกฯ
มีหนังสือตอบรับชัดเจน
มีรายงานอีกว่า หนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงว่า กรณีของนายพิชิต ชื่นบาน สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หลังได้รับเอกสารต่างๆ ที่นายพิชิต นำไปยื่นกับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเช่น แบบแสดงประวัติและแบบแสดงคุณสมบัติ ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เกิดข้อสงสัยในเรื่องลักษณะต้องห้าม เพราะนายพิชิต เคยถูกคุมขังตามคำสั่งของศาลฯ ทำให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือหารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาเมื่อ 30 สิงหาคม และจากนั้น คณะกรรมการกฤษฎีกา ก็นัดประชุมด่วนและมีหนังสือตอบกลับมาเมื่อ 1 กันยายน 2566 ตามที่สื่อมวลชนรายงานข่าวก่อนหน้านี้โดยเป็นการสอบถามไปถึงเรื่องว่านายพิชิต ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา (6)และมาตรา 98 (7)หรือไม่
ไม่ได้เอื้อประโยชน์ใคร
“สำหรับคำร้องของอดีตสว.ที่ว่านายกฯ จงใจไม่สอบถามกฤษฎีกาว่านายพิชิต ขาดคุณสมบัติรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4)และ(5) แต่เลือกถามเฉพาะประเด็นที่จะทำให้เสนอชื่อนายพิชิต เป็นรัฐมนตรีได้นั้น ทราบว่านายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า เป็นการหารือในประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจพบในขณะนั้น และเกิดกับผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีสองคนคือนายพิชิต กับนายไผ่ ลิกค์ มิใช่การหารือเฉพาะของนายพิชิต ผู้ถูกร้องที่สอง เพียงรายเดียวอย่างที่กลุ่มอดีตสว.เข้าใจแต่เป็นการขอหารือตามประเด็นปัญหาข้อกฎหมายที่มีข้อสงสัยโดยครบถ้วน มิใช่ตั้งใจสอบถามไม่ครบถ้วนอย่างที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง อีกทั้ง สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก็มีข้อจำกัดทางกฎหมายที่ไม่สามารถสอบถามประเด็นข้อเท็จจริงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) กับ (5) กับคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ เพราะอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกฤษฎีกา อีกทั้งเป็นอำนาจวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายกฯจึงชี้แจงว่า มิใช่การจงใจไม่สอบถามเฉพาะกรณีของผู้ถูกร้องที่สอง และไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคลรายได้รวมถึงนายพิชิตด้วย”รายงานข่าวระบุ และว่านายกฯไปหานายทักษิณ ชินวัตร ถึง3 หน แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
ทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
แหล่งข่าวที่ทราบข้อมูลรายละเอียดในเอกสารดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี ให้ข้อมูลอีกว่า ทราบมาว่า ในคำแถลงชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ทางนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำหลายครั้งในเอกสาร 32 หน้าดังกล่าว ตัวนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลหรือเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคลใด ในการเสนอชื่อนายพิชิต เป็นรัฐมนตรี แต่ทั้งหมด ทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและคำนึงถึงผลประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินเป็นสำคัญ ไม่ได้รู้เห็นหรือยินยอมให้บุคคลใด ใช้ตำแหน่งหน้าที่ของผู้ถูกร้องไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ดังนั้น จึงไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ของนายกฯเศรษฐา คล้ายคำวิงวอนโปรดอย่าได้ปลดพ้นเก้าอี้นายกฯ
พปชร.คาดเหตุการวิกฤต
วันเดียวกัน นายพยม พรหมเพชร อดีตสส.เขต 3 จังหวัดสงขลา พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ลงพื้นที่พบปะชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง ทั้งให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่า น่ากังวลหลังวันที่ 14 สิงหาคม ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินคดีความเป็นรัฐมนตรีของ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน กรณีตั้งรัฐมนตรีถุงขนม เพราะคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 40 คน แน่นด้วยข้อกฎหมายเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างมีทางออก หากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตนมองว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เหมาะสมที่สุดที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคนต่อไป เนื่องจากพล.อ.ประวิตร เคยเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีมาแล้ว อีกทั้ง สส.ในสภา แม้จะต่างพรรคก็ยังเห็นว่า พล.อ.ประวิตร เหมาะสม ไม่มีอะไรด่างพร้อย พร้อมให้การสนับสนุน และขอให้จับตาว่าจะมีสส.ต่างพรรคไหลเข้าพปชร.อีกเป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมาดูจากข่าวต่างๆ พบว่า สส.นักการเมือง เดินทางไปยังบ้านป่ารอยต่อฯ มากกว่าไปบ้านอื่น
“บิ๊กป้อม”พร้อมนั่งนายกฯ
“พล.อ.ประวิตร ท่านเป็นคนมีคุณธรรม เสียสละ ใจกว้าง ไม่เคยเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ขณะนี้มีกระแสคนคิดถึงบิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ท่านคงกลับมาไม่ได้ ก็มีแต่บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร เท่านั้น ยังทำงานสานต่องานของบิ๊กตู่ อย่างต่อเนื่อง ผมคุยกับแพทย์ที่สงขลา เขาบอกว่า พล.อ.ประวิตร เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรีมาก ในสถาการณ์ปัจจุบัน เพราะท่านพูดน้อยแต่ทำงานหนัก ท่านเคยดูแลปัญหาน้ำ พบว่าในทั่วประเทศน้ำไม่ทั่ว และไม่เคยขาดแคลนน้ำ อีกทั้งสามารถบริหารจัดการน้ำเพื่อเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรได้เป็นอย่างดี” นายพยม กล่าว
ทั้งชื่นชม นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม สมาชิกพปชร.ที่แต่งเพลง“ลุงตู่เริ่ม ลุงป้อมขอทำต่อ”รวมถึงเพลง“ลุงป้อมมอบหัวใจให้คนไทย“ ที่ขณะนี้โด่งดังตามสื่อต่าง เป็นอย่างมาก สะท้อนให้เห็นว่าเมื่อประชาชนคิดถึงลุงตู่ เขาก็คิดถึงลุงป้อมด้วยเช่นกัน เพราะเคยทำงานมาด้วยกัน และลุงป้อมพร้อมทำงานต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี