ระวัง‘ดิจิทัลวอลเล็ต’! ส่อลาก Super App สู่จุดเสี่ยง มิจฉาชีพดูดเงิน

6 สิงหาคม 2567 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala หัวข้อ “หารยาว งบดิจิทัลวอลเล็ต?” ดังนี้...

หารยาว งบดิจิทัลวอลเล็ต?

ข่าวสำนักนายกรัฐมนตรี วันที่ 30 กรกฎาคม 2567

"รัฐบาลโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA ได้ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ... ก้าวไปสู่การเป็น “Super App” ที่ครอบคลุมการติดต่อและรับบริการจากภาครัฐแบบครบวงจร ...

แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ยังถูกออกแบบมาให้มีการใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าแบบพบหน้า และต้องซื้อสินค้าจากร้านค้าในอำเภอเดียวกันกับชื่อที่อยู่ในทะเบียนบ้าน หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขจะทำให้การใช้จ่ายนั้นไม่ผ่าน ...

กระทรวงการคลังเปิดโอกาสให้สามารถย้ายที่อยู่ในทะเบียนบ้านได้ โดยให้ย้ายทะเบียนบ้าน ที่อำเภอ หรือสำนักงานเขต ให้เสร็จสิ้นก่อนทำการลงทะเบียนสมัคร Digital Wallet 1 วัน เช่น หากวางแผนจะลงทะเบียนสมัคร Digital Wallet ในวันที่ 1 กันยายน 2567 ให้ย้ายทะเบียนบ้านให้เสร็จภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567"

ประกอบกับในเว็บไซต์ของ Digital Government Development Agency ก็โฆษณาให้ประชาชนไปลงทะเบียนสมัคร Digital Wallet

ทั้งนี้ DGA ได้แถลงว่า มีการใช้เงินจัดจ้างทำโปรแกรมสำหรับลงทะเบียนประชาชน 27.3 ล้านบาท และสำหรับลงทะเบียนร้านค้า 4.69 ล้านบาท

ผมตั้งข้อสังเกตดังนี้

1. การที่จะมีการโอนเงินแบบอัตโนมัติทันทีระหว่างประชาชนกับร้านค้า และระหว่างร้านค้ากันเอง ผ่าน “Super App” ได้นั้น จะต้องมีการเชื่อมโยงระหว่าง “Super App” กับสถาบันการเงินทั้งหมดในประเทศไทย เพื่อให้เป็น Open loop

2. ซึ่งในการเชื่อมโยงดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ สถาบันการเงินจะต้องยอมให้คำสั่งโอนเงินจาก “Super App” เข้าไปดำเนินการในแต่ละบัญชี เข้าไปโดยตรงในระบบคอมพิวเตอร์ของสถาบันการเงินเท่านั้น

3. ผมเชื่อว่าจะไม่มีสถาบันการเงินใดยอมให้ “Super App” เจาะเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของสถาบันการเงิน เพราะจะทำให้เกิดความเสี่ยง

(ก) การโอนอาจผิดพลาด

(ข) อาจมีการขโมยข้อมูลของลูกค้าออกไปจากสถาบันการเงิน หรือ

(ค) อาจมีกลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาดูดเงินในบัญชีลูกค้าผ่าน “Super App”

4. คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงของแต่ละสถาบันการเงิน และผู้สอบบัญชี น่าจะไม่สามารถเห็นชอบให้มีการเชื่อมโยงดังกล่าว

5. ธปท.ในฐานะผู้บริหารระบบการชำระเงินของประเทศ น่าจะไม่สามารถเห็นชอบให้มีการเชื่อมโยงดังกล่าว เพราะถ้าเกิดปัญหากระทบไปทั้งระบบ จะกระเทือนไปถึงการชำระเงินทั้งประเทศ ในตลาดเงิน ตลาดทุน การนำเข้า และการส่งออก

6. ธปท.ได้เตือนปัญหานี้ต่อคณะกรรมการดิจิทัลฯที่ท่านนายกฯเป็นประธานไว้แล้ว ดังนั้น ถ้าหากรัฐมนตรีคลังไม่นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ว่าแผนการนี้มีความเสี่ยงหรือไม่ อย่างไร หากไม่เสนอชัดเจนว่า จะเกิดขึ้นได้แท้จริงหรือไม่ รัฐมนตรีคลังจะเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายอาญา มีความผิด ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

7. สำหรับงบประมาณที่ใช้สำหรับโครงการนี้ไปแล้ว 27.3 ล้านบาท และ 4.69 ล้านบาทนั้น เนื่องจากคณะกรรมการดิจิทัลฯที่ท่านนายกฯเป็นประธาน อาจไม่ได้พิจารณาว่าโครงการสามารถทำได้จริงตลอดครบวงจร ดังนั้น การใช้เงินงบประมาณดังกล่าว จึงมีความเสี่ยง อาจเข้าข่ายดำเนินการโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง

8. บุคคลที่เกี่ยวข้องจึงพึงต้องระมัดระวัง อาจมีภาระหน้าที่ต้องเอางบประมาณดังกล่าวมาคืนแก่ประชาชน โดยการหารความรับผิดชอบ ตามจำนวนเจ้าหน้าที่

ผมจึงขอแนะนำไว้ เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ทางราชการ