(ต่ออาทิตย์ที่แล้ว)

คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) พิจารณาเห็นว่า กรณีนี้เป็นประเด็นปัญหาข้อกฎหมายที่สำคัญจะต้องพิจารณาวินิจฉัยโดยรอบคอบ สมควรรับฟังความคิดเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะอื่นด้วย จึงเสนอให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดให้มีการประชุมของคณะกรรมการกฤษฎีกา(คณะพิเศษ) เพื่อพิจารณาประเด็นปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว

(4) คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้พิจารณาข้อหารือดังกล่าวแล้วมีความเห็นโดยสรุปว่า โดยที่มาตรา 12(11) ดังกล่าวบัญญัติคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านไว้ว่าต้องไม่เป็นผู้เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่า กระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายตามที่กำหนด ดังนั้น จึงไม่ต้องพิจารณาว่าบุคคลนั้นจะมีโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ เพียงแต่บุคคลดังกล่าวถูกศาลพิพากษาว่ากระทำความผิด ก็ต้องถือว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ขาดคุณสมบัติและมี ลักษณะต้องห้ามในการเป็นผู้ใหญ่บ้านตามมาตรา 12(11) แล้ว

ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายส. ถูกศาลพิพากษาว่ากระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง นาย ส. จึงเป็นผู้เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่า กระทำความผิดตามกฎหมายซึ่งเป็นการขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 12(11) แล้วสำหรับประเด็นที่ว่า นายส.จะได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติล้างมลทินฯ พ.ศ.2550 หรือไม่นั้น คณะกรรมการกฤษฎีกา(คณะพิเศษ) เห็นว่า การล้างมลทินมีผลเป็นการล้างมลทินเฉพาะโทษที่ต้องโทษได้รับเท่านั้น มิได้มีผลเป็นการลบล้างการกระทำความผิดอันเป็นเหตุให้ถูกลงโทษด้วย ดังจะเห็นได้จากบทบัญญัติในมาตรา 3ประกอบกับมาตรา 4 ที่บัญญัติให้ล้างมลทินแก่ผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่างๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 และได้พ้นโทษแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้นๆ โดยที่มิได้มีบทบัญญัติใดที่กำหนดให้ลบล้างพฤติกรรมการกระทำความผิดด้วย ซึ่งจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ผ่านมาก็ได้พิพากษาไว้ตามแนวทางดังกล่าวเช่นเดียวกัน

(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)