"ทักษิณ"การันตีเสถียรภาพของรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์แน่นปี้ก โวลั่นตอนนี้ฟากรัฐบาลมีกว่า 300 เสียง ไม่น่าจะมีอะไรเสี่ยงแล้ว พร้อมมั่นใจสุดๆรัฐบาล"แพทองธาร"จะไม่ถูกรัฐประหาร 100 เปอร์เซ็น แถมเลือกตั้งครั้งหน้า พท.จะกลับมาเป็นอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน

22 ส.ค. 2567 ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน “Vision for Thailand 2024” ในตอนหนึ่งตอบคำถามเรื่องการแข่งขันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา และการที่พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วจนผ่านมา 1 ปี เปลี่ยนนายกฯ จากนายเศรษฐา ทวีสิน มาถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่า ตนมองว่าไม่มีปัญหาเรื่องเสถียรภาพ แต่เรื่องข้ามหรือไม่ข้ามขั้ว บ้านเราชอบบัญญัติศัพท์แล้วก็ติดปากกัน

แต่ประเทศไทยเป็นระบบรัฐสภา ใครรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งก็จัดตั้งรัฐบาลได้ แต่โดยมารยาทเขาให้สิทธิ์คนได้ที่ 1 ก่อน แต่ถ้าอันดับ 1 ตั้งไม่ได้ ก็จะเป็นอันดับ 2 รวบรวมเสียง จึงไม่ใช่การข้ามขั้ว ในเมื่อพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้เพราะไม่ยอมลดเรื่องแก้ ม.112 เรื่องนี้เรื่องเดียวเลย พรรคอื่นทุกพรรคเขาก็บอกว่าไม่เอาด้วย หากวันนั้นไม่มีเรื่อง 112 พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยคงจับมือตั้งรัฐบาลกันจบไปแล้ว ก็เพราะจะเอาเรื่อง ม.112  ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ประเทศต้องเดินต่อไป

ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่ารัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร จะมีเสถียรภาพ เนื่องจาก 1.จำนวน สส. ที่อยู่ในฟากรัฐบาลมีถึง 300 กว่าเสียง ไม่น่ามีอะไรเสี่ยง 2.งานที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะทำ และมีทีมงานรองรับอยู่เบื้องหลัง น่าจะผลักดันงานหลายๆ อย่างได้ดี และตนเชื่อว่าเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยจะกลับมาเป็นพรรคอันดับ 1 ซึ่งครั้งก่อน หาก  น.ส.แพทองธาร ไม่ลาคลอดไป 10 กว่าวัน ตอนนั้นเป็นโค้งสุดท้ายแล้ว หากหาเสียงต่อไปจนจบ ตนว่าไม่แพ้ ตนมั่นใจเพราะทำโพลตลอด พอ น.ส.แพทองธาร หยุดหาเสียงกระแสก็ตกทันที

ส่วนเรื่องวางบทบาทตัวเองหลังจากนี้จะวางตัวอย่างไร ในขณะที่ น.ส.แพทองธาร บุตรสาวเป็นนายกฯ นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ต้องทำหน้าที่ช่วยคิด ช่วยเสนอแนะ แต่การตัดสินใจเป็นเรื่องของนายกฯ ของ ครม. ตนมีหน้าที่ว่า ไปพบสิ่งไหนต้องปรับปรุงแก้ไข หรือแนวทางประเทศควรไปทางไหนดี ก็จะบอกเขา แต่การตัดสินใจเป็นเรื่องของนายกฯ และ ครม. ไม่ใช่เรื่องของตน ก็คงจะอยู่เฉย มองปัญหาบ้านเมืองแบบไม่สนใจคงไม่ได้ ถ้าจะตั้งตำแหน่งให้ตัวเองคือ “สทร.” ถึงแม้ไม่ใช่ลูกตนเป็นนายกฯ ก็ต้องบอก ส่วนจะลงมือทำเองเลยหรือไม่นั้น หากเป็นเรื่องเล็กๆ เช่น ถ้าเจอขยะหล่นสักชิ้นคงเก็บเอง

พิธีกรได้ถามว่า พรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ทั้งพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน และรัฐบาลทั้งที่นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ก็เคยถูกรัฐประหารมาแล้ว ดังนั้นการเมืองไทยในปัจจุบันจะมีรัฐประหารอีกหรือไม่ ซึ่งนายทักษิณ ตอบว่า ไม่มีโอกาสแล้ว เพราะวงจรนั้นหายไปแล้ว

“ผมไม่เชื่อว่ามีแล้ว เพราะตอนนี้ผมเชื่อว่าทุกอย่างมันมีกลไกเยอะ คิดว่าเรื่องปฏิวัติรัฐประหารไม่น่าจะมี” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวต่อไปว่า ส่วนคำถามว่า รัฐบาลปัจจุบันที่นำโดยนายกฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะปลอดภัยจากรัฐประหารหรือไม่ เรื่องนั้นแน่นอน 100%

ส่วนคำถามว่าอะไรที่ทำให้มั่นใจว่าจะชนะพรรคก้าวไกล ที่ปัจจุบันคือพรรคประชาชน ตนมองว่าของมันเคยชนะ หากฟิตอีกหน่อยก็ชนะ ซึ่งพรรคประชาชนหรือพรรคก้าวไกล หลักของเขาคือต้องการความเท่าเทียมของคน แต่มันเป็นไปไม่ได้ต่อสังคมไทย ฉะนั้นเขาก็จะอยู่ในบริบทของการเมือง แต่หลักของพรรคเพื่อไทยอยู่ในเรื่องการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันของประชาชน พรรคเพื่อไทยเน้นโอกาสในขณะที่พรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาชนเน้นสถานะ ซึ่งไม่เหมือนกัน

“เขามองว่าทุกคนต้องเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะมียศถาบรรดาศักดิ์อะไรก็คือเท่าเทียมกันหมด แต่ว่าสังคมไทยเรามันเคารพกันด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิ มันก็มีตรงนี้อยู่ มันก็ได้ระดับหนึ่งแต่ไม่ได้ทั้งหมด แต่โอกาสทางเศรษฐกิจ โอกาสในการสร้างเนื้อสร้างตัวของคนไทย มันมีปัญหาตรงที่คนชนบทลำบาก” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวต่อไปว่า ตนทำแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ปี 2541 โดยเฉพาะตอนที่ชนะเลือกตั้งถึง 377 เสียง ตนชนะด้วยคำเดียวคือคำว่าโอกาส ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาล น.ส.แพทองธาร และพรรคเพื่อไทยจะทำต่อไปคือสร้างโอกาส เพราะไม่ใช่ว่าคนไทยงอมืองอเท้า หรือคนไทยไม่ฉลาด แต่ปัญหาคือไม่มีโอกาสให้เขา อย่างที่เห็นวันนี้เราดึงเงินออกจากต่างจังหวัด แต่เมื่อเงินไม่อยู่งานก็ไม่อยู่ และคนฉลาดก็ไม่อยู่เพราะหนีตามเงินไปหมด ในระบบทุนนิยมคือเงินอยู่ที่ไหนคนก็ไปทำงานที่นั่น เมืองหลวงถึงได้ใหญ่โตมโหฬารเพราะเงินมาอยู่ที่นี่