ศาลสั่งคุก3ปี4เดือน

‘อดีตสส.เพื่อไทย’

ทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง

สร้างสนามฟุตซอล

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 3 ปี 4 เดือน ปรับ 1 แสนบาท “สมหญิงบัวบุตร”อดีต สส.เพื่อไทยคดีทุจริตสร้างสนามฟุตซอล ที่ จ.อำนาจเจริญ แต่ให้รอลงอาญา 3 ปี ขณะที่กลุ่มเอกชนถูกลงโทษจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือน

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษา คดีดำ อม.18/2565 กรณี นางสมหญิง บัวบุตร อดีต สส.พรรคเพื่อไทย กับพวกรวม 12 ราย ทุจริตในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบประมาณปี พ.ศ.2555 งบแปรญัตติ ให้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดอำนาจเจริญ ทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างงานปรับปรุงสนามกีฬาพร้อมอุปกรณ์ (สนามฟุตซอล)มีลักษณะมุ่งหมายมีให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่การเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ และการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานและวิธีการสร้างสนามกีฬา ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง

สำหรับจำเลยทั้ง 12 ราย ในคดีนี้ ประกอบไปด้วย 1.นางสมหญิง บัวบุตร อดีต สส.พรรคเพื่อไทย 2.นายชินภัทร ภูมิรัตน อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) 3.นายอดุลย์ กองทอง อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอำนาจเจริญ 4.ห้างหุ้นส่วนจำกัด จี โอ โอ ดี 5.นายอนุชา หรือ นนทชิต วงศ์มณีรัตน์ 6.บริษัท ที วี เอ็น เทคโนโลยี จำกัด 7.นางสาวพรเพ็ญ ภิรมย์กิจ 8.บริษัท วาย อีอี จำกัด 9.นายยี พณิชยา 10.บริษัท สปอร์ตแอนด์ เกม จำกัด 11.นางสาว เบณจพันธ์ บุญบงการ และ 12.นายพิพัฒน์ กาลพัฒน์

โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา จำคุก นางสมหญิง บัวบุตร จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน ปรับ 100,000 บาท จำคุกนายชินภัทร ภูมิรัตน จำเลยที่ 2 เป็นเวลา 5 ปี ปรับ 150,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 5, 7, 9, 11 คนละ 2 ปี ปรับจำเลยที่ 4, 6, 8, 10 รายละ 22,467,500 บาท ให้จำเลยที่ 1, 2 และ 7 รอการลงโทษ 3 ปี ทางนำสืบของจำเลยที่ 4-11 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้คนละ 1 ใน 3 จำคุกจำเลยที่ 5, 7, 9,11 คนละ 1 ปี 4 เดือน ปรับจำเลยที่ 4, 6, 8,10 คนละ 14,978,333.33 บาท จำคุกจำเลยที่ 12 เป็นเวลา 2 ปี และยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3

หลังทราบคำพิพากษา นางสมหญิง ได้กล่าวว่า วันนี้ศาลให้รอลงอาญา เหมือนศาลมองว่านักการเมืองกับงบประมาณที่จะไปใช้ในพื้นที่ต่างๆ เป็นการผลักดันมาเอง เหมือนเตือนนักการเมืองไม่ให้ก้าวก่ายในเรื่องงบประมาณ ตนเองเป็นผู้ยับยั้งไม่ได้เบิกงบประมาณ และเป็นคนร้องเรียน จึงได้รับความเมตตาจากศาลจึงได้รอลงอาญา ตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นนักการเมืองแล้ว รู้สึกประทับใจที่ศาลมีเมตตา เหมือนเตือนนักการเมืองทุกคนให้ระวังเรื่องงบประมาณ ต้องดูรายละเอียดให้ชัดเจนตนยังไม่คิดจะกลับไปเล่นการเมือง อยากไปทำบุญ ตอนนี้ดีใจและโล่งมาก