รมว.คลัง แจงโอนเงินหมื่น เฟสแรกวันที่ 3 กลุ่มเปราะบาง “ผู้ถือบัตรคนจน-ผู้พิการ” 4.5 ล้านคน ครบทุกบัญชีตั้งแต่ตี 4 ตื่นเช้ามาได้รับเงินหมดแล้ว ไร้ปัญหา พร้อมโอนลอตสุดท้าย 30 กันยายนอีก 2.26 ล้านคน ด้านผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเผยผลโอน 1 หมื่นสองวัน ไม่สำเร็จ 1.94 แสนราย พบปัญหาไม่ผูกพร้อมเพย์-บัญชีแบงก์ถูกปิด-บัญชีไม่เคลื่อนไหว แนะเร่งแก้ไขก่อน 18 ต.ค. เพื่อรอรับรอบโอนซ้ำ ส่วนนายกฯปัดตอบเฟสสองลดวงเงินเหลือ 5 พัน โยนตามรมว.คลัง

เมื่อวันที่ 27 กันยายน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (รมช.คลัง) เปิดเผยถึงการโอนเงิน 10,000 บาท ลงไปให้กลุ่มเปราะบาง ในวันที่ 27 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของเฟสแรกในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ โดยโอนให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนลงท้าย เลข 4,5,6,7 จำนวน 4.5 ล้านคนว่า สามารถโอนให้สำเร็จเรียบร้อยครบทุกบัญชี ตั้งแต่ช่วงเวลาตี 4 ทุกคนที่ตื่นมาจะได้รับเงินหมดแล้ว และไม่ได้มีปัญหาติดขัดอะไร

30ก.ย.โอนวันสุดท้าย2.26ล้านคน

“ส่วนยอดการโอนวันที่สองให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนลงท้ายเลขที่ 1, 2, 3 ผ่านมา กระทรวงการคลังสามารถโอนเงินให้ได้แล้ว ประชาชนสามารถนำเงินไปใช้จ่ายได้ทันที” นายจุลพันธ์กล่าว และว่า สำหรับการโอนเงินในรอบถัดไป ซึ่งเป็นวันสุดท้ายคือ วันที่ 30 กันยายน จะโอนเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนลงท้ายด้วยเลข 8-9 จำนวน 2.26 ล้านคน

2วันโอนเงินหมื่นไม่สำเร็จ1.9แสนราย

ด้านนายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังกล่าวว่า สำหรับโอนเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ซึ่งกระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางได้โอนเงินให้กลุ่มเป้าหมายตั้งแต่วันที่ 25-30 กันยายน 2567 นั้น ผลการโอนเงินเมื่อวันที่ 26 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่สอง สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีเลขประจำตัวประชาชนลงท้ายด้วยเลข 1,2,3 จำนวน 4.51 ล้านราย พบว่า มีการโอนเงินไม่สำเร็จ 141,062 ราย ทำให้มียอดสะสมของการโอนเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายสำเร็จแล้วรวม 7.48 ล้านราย และการโอนเงินไม่สำเร็จจำนวน 190,445 ราย

นายพรชัยกล่าวต่อว่า ภาพรวมสาเหตุการโอนเงินไม่สำเร็จของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ดังนี้ 1. คนพิการ เช่น บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง และ 2. ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เช่น ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหว บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีสิทธิดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน หรือติดต่อธนาคาร เพื่อแก้ไขบัญชีเงินฝากธนาคารที่มีปัญหาข้างต้น ภายในวันที่ 18 ตุลาคม 2567 เพื่อให้ได้รับการจ่ายเงินซ้ำได้ทันภายในวันที่ 22 ตุลาคม 2567

ย้ำคนพิการ9หมื่นรายต่อบัตรฯก่อน10ตค.

นอกจากนี้ สำหรับคนพิการจำนวนประมาณ 9 หมื่นราย ที่บัตรประจำตัวคนพิการหมดอายุ หรือข้อมูลบัตรประจำตัวคนพิการไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการโอนเงินเมื่อวันที่ 25 กันยายน ขอแนะนำให้ดำเนินการต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ ทำบัตรประจำตัวคนพิการ หรือแก้ไขข้อมูลประจำตัวคนพิการที่ศูนย์บริการคนพิการทั่วประเทศให้ถูกต้อง ภายในวันที่ 10 ตุลาคม 2567 เพื่อให้ได้รับการจ่ายเงินซ้ำได้ทันภายในวันที่ 22 ตุลาคม

นายพรชัยกล่าวอีกว่า ในส่วนช่องทางการติดต่อ 1. ตรวจสอบสิทธิและผลการโอนเงิน: เว็บไซต์ https://โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ2567.cgd.go.th (ตรวจสอบผลการโอนเงินได้ในวันถัดไปหลังจากวันที่จ่ายเงิน) 2. สอบถามข้อมูลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ: ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติ โทรศัพท์หมายเลข 0 2109 2345 กด 1 กด 5 ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ 24 ชั่วโมง 3. สอบถามข้อมูลคนพิการ: ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

อิงค์ปัดตอบเฟส2 ลดวงเงินเหลือ5พัน

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีจะมีการลด วงเงินในการจ่ายเงินในโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต (เฟสสอง) จะเหลือจ่ายเงินเพียง 5,000 บาทวซึ่งนายกฯเพียงแค่ยิ้ม พร้อมหันมากล่าวว่า รอก่อน รอให้กระทรวงการคลัง เขามายืนยันมันมีหลายแบบ ถ้าให้อธิบายตอนนี้มันสั้นไปหน่อย และหันมากล่าวอีกว่า จริงๆแล้วเราค่อยสัมภาษณ์กันวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดีกว่า

ตร.สารคามคุมหน้าแบงก์สกัดแก็งทวงหนี้

วันเดียวกัน ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) สาขาตักสิลา ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม พ.ต.อ.ไกรทอง ชัยสิงห์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม พร้อมเจ้าหน้าที่งานป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองมหาสารคาม ลงพื้นที่ดูแลความสงบเรียบร้อย และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนผู้พิการ และกลุ่มเปราะบางที่เดินทางมาตรวจสอบเงินหมื่นตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 โดยที่บริเวณด้านหน้าธนาคารมีประชาชนจำนวนมากเข้าแถวนำสมุดบัญชีมาปรับที่หน้าตู้ เพื่อดูว่าเงินเข้าแล้วหรือไม่ ก่อนไปเข้าคิวกดเงิน หากไม่มีบัตร ATM ก็ต้องรับบัตรคิวเพื่อเตรียมถอนเงิน ซึ่งทางธนาคารจะแจกบัตรคิวให้ลูกค้ามาทำธุรกรรมวันละ 200 คิว

พ.ต.อ.ไกรทอง ชัยสิงห์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองมหาสารคาม กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหนังสือคำสั่งด่วนที่สุดให้ดูแลประชาชนได้รับเงินในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง หลังได้รับข้อมูลว่ามีเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ กระทำการข่มขู่ คุกคามทวงหนี้จากลูกหนี้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจ ตระเวนไปดูแลความสงบเรียบร้อยตามจุดของธนาคารต่างๆ และได้กำชับให้ตำรวจที่ประจำอยู่ที่ธนาคารคอยสอดส่องดูแลว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติหรือไม่ เพื่อป้องปรามไม่ให้กลุ่มเจ้าหนี้เงินกู้ระบบฉวยโอกาส มาเฝ้าทวงหนี้หน้าตู้ ATM ได้ ซึ่งตลอดระยะเวลาการโอนเงินในช่วง 3 วันที่ผ่านมายังไม่พบเหตุ แต่หากประชาชนเดือดร้อนหรือมีการข่มขู่ทวงหนี้ไม่เป็นธรรม แจ้งความได้ที่ สภ.เมืองมหาสารคาม

ถอนเงินหมื่นวันที่3คึกคักก่อนปิดวันหยุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 3 สำหรับการเบิกเงิน 10,000 บาท ซึ่งเป็นผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขประจำตัวประชาชนหลักสุดท้ายเป็นเลข 4-7 ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาอำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ประชาชนผู้ที่เงินเข้าบัญชีวันนี้ต่างก็เข้าคิวทยอยกดเงินออกมาใช้จ่ายกันสำหรับผู้ที่มีบัตรเอทีเอ็ม รวมถึงมาปรับสมุดว่าเงินนั้นเข้าหรือยัง ส่วนบริเวณด้านในธนาคารช่วงเช้าก่อนเปิดทำการ เกิดเรื่องวุ่นวายเนื่องจากมีผู้ที่มารอเกือบ 500 คน ต่างก็แซงคิวกันเพื่อจะทำบัตรเข้าไปเบิกเงินด้านในธนาคาร จนเจ้าหน้าที่ต้องชี้แจงว่า ขอให้ต่อแถวอย่างมีระเบียบไม่เช่นนั้นทำให้หมายเลขคิวล่าช้า และแบ่งคิวเข้าไปทำบัตรและเบิกเงินครั้งละ 20 คน เพราะด้านในธนาคารคับแคบ โดยจะเรียกตามบัตรคิว นอกจากนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ บางรายมาลำพังไม่รู้ว่าจะต้องทำบัตรคิวอย่างไร ทำให้ต้องรอเจ้าหน้าที่มาทำบัตรคิวให้ถึงเก้าอี้ที่นั่งคอย เพราะเดินไม่สะดวก คาดว่าสาเหตุที่คนมาจำนวนมาก เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ ธนาคารปิดทำการ

โรงตึ๊งขอนแก่นคึกคักคนแห่ไถ่ของจำนำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานธนานุบาลเทศบาลนครขอนแก่น แห่ง 1 เขตเทศบาลนครขอนแก่น มีประชาชนที่ได้รับสิทธิ์เงิน 10,000 บาทจากรัฐบาล เดินทาง มาไถ่ถอนสิ่งของที่จำนำไว้กันอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่พบว่านำมาไถ่ถอนเครื่องมือทำกิน อุปกรณ์ทางการเกษตร รวมไปถึงทองคำรูปพรรณ

ด้านน.ส.ปิยะดา วงศ์ละคร ผู้จัดการสถานธนานุบาลเทศบาลนครขอนแก่น แห่งที่ 1 เผยว่า หลังรัฐบาลโอนเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มเป้าหมาย ตลอด 2 วันที่ผ่านมา มีประชาชนทยอยเข้ามาไถ่ถอนสิ่งของที่จำนำไว้ ส่วนใหญ่จะมาในกลุ่มที่จำนำไว้ในราคาไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งบางคนจำนำสิ่งของไว้เกือบปี ยังไม่มีเงินมาไถ่ถอน จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย แต่พอได้เงินก็ได้มาไถ่ถอนสิ่งของออกไป จากการสอบถามพบว่าคนที่มาไถ่ถอนได้เงินจากมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทางรัฐบาลจ่ายให้กับกลุ่มเปราะบางเป็นกลุ่มแรก