’วันนอร์‘วาดหวังอยากเห็นบทลงโทษคนทำ ’รัฐประหาร’ แบบใช้ได้จริง ประชาชนยอมรับ ชี้โลกเปลี่ยนไปมาก หากไทยยังไม่ปรับ ประชาธิปไตยจะล้าหลัง

10 ธ.ค.2567 ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการกล่าวเปิดงานเสวนาวิชาการวันรัฐธรรมนูญ ประจำปี 2567 ในหัวข้อ “อนาคตรัฐสภาไทย“ ที่ระบุ อยากเห็นรั้วในการป้องกันการรัฐประหาร โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ว่า ก็น่าจะมีบทบัญญัติในการลงโทษผู้ที่กระทำการล้มล้างรัฐธรรมนูญ หรือปฏิวัติฉีกรัฐธรรมนูญ และขอให้บทบัญญัตินั้น นำไปสู่การปฏิบัติ และใช้ได้ ไม่ใช่แค่การเขียนตัวหนังสือเพียงอย่างเดียว แต่จะทำอย่างไรนั้น ก็ต้องไปดูที่รัฐธรรมนูญของเกาหลีใต้ ที่เขียนบัญญัติไว้ เมื่อมีการยึดอำนาจ เขาสามารถนำบทบัญญัตินั้น มาให้รัฐสภาลบล้างอำนาจที่ยึดได้ จึงเป็นตัวอย่างง่ายๆ และคิดว่าคนไทยเราเก่งที่จะร่างต่างๆ ให้ใช้ได้ อยู่ที่ประชาชนต้องร่วมมือกันเหมือนเกาหลีใต้ ซึ่งแม้แต่เกาหลีใต้ที่มีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่จะมาใช้ล้มล้างอำนาจของคนที่มายึดอำนาจนั้น แต่หากประชาชนไม่เอาด้วย หรือไม่ร่วมมือ ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ

เมื่อถามว่า หลักการดังกล่าวจะสอดคล้องกับการแก้กฎหมายของกระทรวงกลาโหม ที่พรรคเพื่อไทยเสนอไว้ด้วยหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เป็นคนละส่วนกัน การแก้กฎหมายว่าด้วยการบริหารกระทรวงกลาโหม เป็นเรื่องของพรรคการเมือง หรือสส. ที่จะเสนอมา แต่สิ่งที่ตนพูดเนื่องในวันรัฐธรรมนูญ คือการไม่ให้รัฐธรรมนูญฉบับที่เราเสียเวลาที่จะแก้ไข และไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่ควรจะสำเร็จ และหากสำเร็จแล้ว ก็ควรมีมาตรการป้องกัน ไม่ให้รัฐธรรมนูญนั้นถูกฉีกอีก

เมื่อถามถึงบทลงโทษของคนที่ทำรัฐประหารจะต้องมีความรุนแรงอยู่ที่ระดับใด นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ตนไม่อยากจะชี้แนะ ขึ้นอยู่กับกรรมการที่ร่างฯว่าบทลงโทษนั้น ควรจะขนาดไหน และต้องปฏิบัติได้ด้วย เดิมทีเรามีบทลงโทษที่รุนแรงว่า การฉีกรัฐธรรมนูญเท่ากับกบฏ แต่ไม่ได้ผลในด้านการปฏิบัติ ซึ่งบทบัญญัติเหล่านี้ จะต้องสอดคล้องกับการปฏิบัติ และประชาชนยอมรับ จึงต้องเอาทุกฝ่ายมาคุยกัน 

“โลกมันเปลี่ยนแปลงไปเยอะ เราต้องยอมรับ หากประเทศไทยจะอยู่อย่างนี้โดยไม่เปลี่ยนแปลง ประชาธิปไตยของเราก็คงจะล้าหลังมาก” นายวันมูหะมัดนอร์ ระบุ