‘ทูตรัศม์’ ยก 2 ข้อย้ำส่งกลับ‘อุยกูร์’คำนึงมนุษยธรรม พ้อประณามไทยเพื่อหาแพะ

‘ทูตรัศม์’ ยก 2 ข้อย้ำส่งกลับ‘อุยกูร์’คำนึงมนุษยธรรม พ้อประณามไทยเพื่อหาแพะ

วันอาทิตย์ ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2568, 14.19 น.

‘ทูตรัศม์’ ยก 2 ข้อย้ำส่งกลับ‘อุยกูร์’คำนึงมนุษยธรรม พ้อประณามไทยเพื่อหาแพะ

16 มีนาคม 2568 นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตเอกอัครราชทูต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Russ Charnsongkram แสดงความคิดเห็นกรณีสหรัฐอเมริการะงับวีซ่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยและครอบครัว ที่เกี่ยวข้องกับการส่งชาวอุยกูร์ 40 คนกลับประเทศจีน ระบุว่า...


(บทความวันนี้ในเพจทูตนอกแถวครับ)

ราคาของมนุษยธรรม ความถูกต้อง และการเป็นแพะสังเวยมโนธรรม (conscience scapegoat)

การชี้นิ้วประณามคนอื่นมันมักเป็นวิธีที่ง่ายกว่าเสมอ และบางทีก็ทำเพียงเพื่อได้แสดงว่าฉันเป็นคนดีนะ แล้วไปหาคนอื่นมาเป็นแพะเพื่อสังเวยกลบเกลื่อนต่อมมโนธรรมของตนเอง

ทุกวันนี้ หลายประเทศที่เคยชูเรื่องสิทธิมนุษยชนต้องเผชิญปัญหาเรื่องผู้อพยพ หลายประเทศเริ่มเนรเทศคนเหล่านี้กลับไปยังประเทศต้นทาง ที่บ้างยังมีการสู้รบและมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

ประเทศเหล่านี้ทำได้ ไม่เป็นไร ไม่มีใครประณาม

แต่เรื่องนี้มันบ่งบอกความจริงประการหนึ่งว่าการอพยพไปตั้งรกรากในประเทศที่สามมันไม่ใช่เรื่องสวยงามง่ายดายขนาดนั้น อย่างที่หลายคนชอบนึก

มันมีปัญหาเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับสภาพสังคมที่แตกต่าง ที่ก็ไม่ได้อยากต้อนรับจริง มีการดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติ ฯลฯ

มีประเทศหนึ่งบอกว่าขออย่าให้ไทยส่งตัวชาวจีนอุยกูร์กลับไปให้จีน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะรับคนเหล่านั้นไปอยู่ด้วยเอง โดยเสนอว่าจะให้เอาไปอยู่ในประเทศหนึ่งในแอฟริกา (ซึ่งจากข้อมูลที่ปรากฏ ประเทศที่ว่ายังมีความขัดแย้ง การสู้รบและก่อการร้ายอยู่)

ถามว่านี่คือมนุษยธรรมแค่ไหน? หรือเป็นเพียงแค่การเล่นเกมส์ในความขัดแย้งของภูมิรัฐศาสตร์ (geo-politics) ของบางประเทศแค่นั้น

เกณฑ์สำคัญในการพิจารณาการส่งคนกลับไปยังประเทศต้นทางว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศหรือไม่นั้น มีหลักๆสองประการ คือต้องไม่บีบบังคับและต้องไม่ส่งไปแล้วเขาจะมีภัยอันตรายต่อชีวิต 

ในกรณีของชาวจีนอุยกูร์ 40 คนนั้น จึงต้องมาดูว่าเข้าข่ายนี้ไหม

ประการแรก เรื่องการบีบบังคับให้กลับ จากข้อมูลที่ได้จากเจ้าหน้าที่รับผิดชอบดูแลคนเหล่านี้ระหว่างถูกคุมขัง พวกเขามีการติดต่อกับญาติพี่น้องและรับทราบถึงพัฒนาการความเจริญก้าวหน้ากินอยู่ดีของผู้คนในซินเจียงแผ่นดินเกิดของเขา และเมื่อทราบว่าทางการจีนมีหนังสือรับรองสวัสดิภาพของพวกเขาเป็นทางการ พวกเขาก็เลือกที่จะกลับ

ซึ่งการเลือกกลับไปอยู่กับสังคมญาติพี่น้อง ถิ่นฐานของตนเองที่พัฒนาแล้ว อาจดีกว่ารอในห้องขังต่อไปโดยไม่รู้จุดหมาย และต้องไปอยู่ในสังคมที่ไม่ได้ยินดีต้อนรับจริง

ประการที่สอง พวกเขาจะมีภัยอันตรายต่อชีวิตไหมเมื่อกลับไปแล้วนั้น ก็เป็นเรื่องที่จะต้องพิสูจน์โดยมีหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์ต่อไป (ที่ไม่ใช่การคิดเอาเองตามความเชื่อหรือสมมุติฐานส่วนตน) ซึ่งต้องมีการติดตามและตรวจสอบให้เป็นที่เชื่อถือได้ แต่อย่างน้อยที่สุดประเทศต้นทางได้ให้คำรับรองเป็นทางการที่เขาย่อมมีพันธะที่ต้องปฏิบัติตาม

ซึ่งจากทั้งสองข้อนี้ เมื่อเทียบกับสิ่งที่หลายประเทศทำในการเนรเทศคนกลับประเทศต้นทาง ที่บางแห่งมีการใส่กุญแจมือ ใส่ตรวนที่เท้า รวมทั้งส่งไปโดยไม่มีการรับรองความปลอดภัยในสวัสดิภาพใดๆ โดยคนเหล่านั้นอาจต้องเผชิญกับภัยอันตรายถึงชีวิต

คำถามคือใครกันแน่ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน?

แต่แน่นอนว่าการชี้นิ้วประณามไทยมันย่อมง่ายกว่า และอาจทำให้เขาไม่ต้องรู้สึกผิดกับมโนธรรมตนเองมากนัก

และในขณะที่หลายประเทศบอกไม่เชื่อในคำมั่นของจีน แต่ก็ยังคงมีปฏิสัมพันธ์ คบค้า ทำธุรกิจกับเขา

สิ่งนี้บอกถึงอะไร?

ชาวจีนอุยกูร์เหล่านั้นถูกขังมานานกว่าสิบปีโดยไม่มีความผิด (โทษหลบหนีเข้าเมืองนั้นหมดอายุไปนานแล้ว)

การกักขังคนโดยไม่มีความผิดแม้เพียงวันเดียวถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนรุนแรงไหม?

แต่ก็น่าแปลกใจที่คนไม่น้อย รวมทั้งนักสิทธิมนุษยชนบางท่านกลับเห็นด้วยว่าควรกักขังเขาต่อไปเรื่อยๆ ในขณะที่ไม่สามารถมีทางออกที่ดีกว่าและเป็นไปได้จริงมาเสนอ

ซึ่งผลที่จะตามมาคือพวกเขาจะต้องตายคาคุก ซึ่งพวกเขาได้เสียชีวิตระหว่างถูกกักขังไปแล้วสองคน

การที่ไทยตัดสินใจส่งตัวชาวจีนอุยกูร์ 40 คนกลับจีน จึงเป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานของมนุษยธรรม และความถูกต้อง บนทางเลือกที่มีไม่มาก

ที่แน่นอนว่าไม่ว่าเลือกทางไหนก็ต้องมีผลกระทบมหาศาลตามมา ที่เป็นราคาที่เราต้องจ่ายเพื่อสิ่งนั้น

นอกจากเสียจากจะเลือกวิธีขังเขาต่อจนตายคาคุกไป อย่างที่หลายคนเลือก

และเป็นที่น่าเสียใจว่าเพื่อนของเราบางประเทศไม่เข้าใจ และเลือกที่จะประณามเราง่ายๆ

เลือกการหาแพะมาสังเวยมโนธรรมของตัวเองแทน

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top