รายงานพิเศษ : เมื่อประเทศกลายเป็นเกมต่อรองผลประโยชน์

รายงานพิเศษ : เมื่อประเทศกลายเป็นเกมต่อรองผลประโยชน์

วันอาทิตย์ ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2568, 06.15 น.

เมื่อผู้นำประเทศคือนักธุรกิจ ผลประโยชน์ของประเทศก็ถูกลดทอนลง กลายเป็นเพียงเรื่องของการต่อรองและการจัดสรรผลประโยชน์ให้ “ลงตัว” กับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สิ่งที่เคยเป็นหลักการทางการทูต ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือแม้แต่ประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน ก็อาจจะถูกมองข้ามไป

หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือกรณีของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่นำหลักคิดแบบนักธุรกิจมาบริหารประเทศ ด้วยมุมมองว่าอเมริกา “ขาดทุน” จากการค้าระหว่างประเทศมานาน จึงเดินหน้าใช้มาตรการ “ภาษีศุลกากรตอบโต้” กับทุกประเทศคู่ค้า ไม่เว้นแม้แต่พันธมิตรเก่าแก่ อย่างสหภาพยุโรป หรือแม้แต่ประเทศเศรษฐกิจขนาดกลางอย่างไทยและประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทั่วโลก โดยตั้งภาษีขั้นต่ำ 10% และในบางกรณีอาจสูงกว่านั้น โดยเฉพาะกับจีน เยอรมนี และประเทศที่เขามองว่าได้เปรียบทางการค้า ส่งผลให้ห่วงโซ่การผลิตระดับโลกเกิดการสะเทือน ค่าแรงและต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ราคาสินค้านำเข้าสูงขึ้น เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น และสุดท้าย ผู้บริโภคชาวอเมริกันต้องเป็นฝ่ายแบกรับต้นทุนเหล่านี้แทน จนเกิดภาพชาวอเมริกันนับล้านคนทั่วสหรัฐในกว่า 1,300 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงเมืองใหญ่ เช่น นิวยอร์ก วอชิงตัน ดี.ซี. ลอสแองเจลิส และชิคาโก พร้อมใจกันลุกฮือขึ้นประท้วงต่อต้านแสดงความไม่พอใจกับนโยบายดังกล่าวของทรัมป์

แม้จะอ้างว่าเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ แต่แนวทางเช่นนี้กลับละเลยหลักการทางการทูต ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และผลกระทบระยะยาวต่อเศรษฐกิจโลก นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกเตือนว่าอาจนำไปสู่ “สงครามการค้า” และเศรษฐกิจถดถอยโดยไม่จำเป็น

หันกลับมามองประเทศไทย ซึ่งกำลังมีการผลักดันกาสิโนถูกกฎหมาย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการนำบทบาทนักธุรกิจมากำหนดทิศทางของประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแม้ประเด็นนี้กำลังเป็นที่ถกเถียงและมีเสียงคัดค้านอย่างมากมาย แต่รัฐบาลกลับเร่งจะให้มีการพิจารณา “ร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร” อย่างเร่งด่วน ท่ามกลางข้อกังขาของสังคมและหลายภาคส่วนที่ออกมาคัดค้านอย่างชัดเจน โดยระบุว่าการออกกฎหมายนี้อาจสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างทางสังคมในระยะยาวมากกว่าผลดี

ความเร่งรีบและท่าทีมุ่งมั่นของรัฐบาลต่อร่างกฎหมายฉบับนี้ สะท้อนถึงกลไก “การต่อรองทางการเมือง” ที่กำลังทำงานอย่างเข้มข้น กระทั่งมีรายงานข่าวว่าอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกมองว่าเป็น “นายกฯเงา” ได้สั่งการให้พรรคร่วมรัฐบาลโหวตรับร่างกฎหมายฉบับนี้ในวาระแรก ถึงกับมีข่าวพาดหัวตามสื่อหลายฉบับว่าหากพรรคใดแตกแถว ไม่สนับสนุน อาจถึงขั้นถูกขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล

พรรคการเมืองที่เคยออกมาคัดค้านอย่างหนัก ก็กลับลำมาสนับสนุนในเวลาต่อมาอย่างน่าฉงน ยิ่งตอกย้ำความเชื่อของสาธารณชนว่า การเมืองไทยกำลังถูกควบคุมโดยผลประโยชน์เบื้องหลัง และดีลลับๆ ที่ประชาชนไม่มีสิทธิ์รับรู้

แม้ล่าสุด นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแถลงร่วมกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่าจะเลื่อนการพิจารณาร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ออกไปก่อน แต่ก็ยังคงเป็นประเด็นที่สังคมต้องจับตามองว่าเป็นเพียงการเลื่อนออกไปเพื่อลดแรงเสียดทานที่กำลังถาโถมเข้ามาในขณะนี้หรือไม่

การบริหารบ้านเมืองควรตั้งอยู่บนหลักคุณธรรม กฎหมาย และความโปร่งใส ไม่ใช่การเอาคืน หรือต่อรองเพื่อผลประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง สิ่งที่ถูกแลกเปลี่ยนกันไม่ควรเป็นข้อเสนอทางเศรษฐกิจ หรือการแบ่งผลประโยชน์ให้ลงตัว แต่เป็นชีวิต ความเป็นอยู่ และอนาคตของประชาชนทั้งประเทศ ถ้ากาสิโนถูกมองว่าเป็นแหล่งรายได้ รัฐบาลก็ควรเริ่มต้นจากการรับฟังเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ต่อรองในห้องปิด

เพราะเมื่อประเทศถูกมองเป็นโต๊ะเจรจาธุรกิจ ผลลัพธ์สุดท้ายอาจไม่ใช่ “กำไร” สำหรับทุกคน แต่อาจเป็น “ต้นทุน” ที่ประชาชนทั้งประเทศต้องร่วมกันแบกรับโดยไม่เต็มใจ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top