30 เม.ย. 2568 หลังจากที่สร้างเสียงฮือฮาตั้งแต่กลางปี 2567 ที่มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) แล้วเป็นผู้ได้คะแนนสูงสุด แต่ล่าสุดชะตากรรมของ “หมอเกศ” พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย ก็มาถึงจุดพลิกผัน เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาตามมาตรา 62 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 เพื่อวินิจฉัยสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง กรณีกระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถหรือชื่อเสียงเกียรติคุณ ตามมาตรา 77 (4) ของกฎหมายเดียวกัน จากเหตุแจ้งว่ามีคุณสมบัติ “ด็อกเตอร์ (ดร.)” หรือจบการศึกษาระดับ ป.เอก จาก california university ในการยื่นสมัคร สว.
สำหรับประวัติของ “หมอเกศ” พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย ในช่วงที่มีการเลือก สว. เมื่อปี 2567 นั้น ระบุอายุไว้ที่ 45 ปี มีธุรกิจส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับแวดวงการแพทย์ถึง 4 บริษัท คือ 1.เกศกมล คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป 2.เกศกมล เด็นทัล คลินิก 3.อินเตอร์ เดอร์มา แลบอราทอรี่ และ4. เมดดิคอล ฟาร์มา อีกทั้งยังเคยมีบทบาทเป็นพิธีกรรายการสุขภาพดี ช่อง 18 JKN, พิธีกรรายการคุณหมอขอถาม เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร, คณะอนุกรรมการ กต.ตร.บก.น.2, อาจารย์พิเศษ ศสร. โรงเรียนศูนย์กลางกำลังสำรอง
ส่วนประวัติด้านการศึกษา พญ.เกศกมล จบ ป.ตรี หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต (วิทยาลัยแพทยศาสตร์) มหาวิทยาลัยรังสิต ขณะที่ฐานข้อมูลของแพทยสภา ระบุว่า เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมมาตั้งแต่ปี 2550 และเคยผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรความชำนาญเฉพาะทางที่แพทยสภารับรอง ในสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน จากนั้นไปเรียนต่อจนจบ ป.โท หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารจัดการองค์การ มหาวิทยาลัยเกริก และยังผ่านการอบรมเป็นผู้ประกาศกระจายเสียงในกิจการวิทยุและโทรทัศน์ระดับสูง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนวุฒิการศึกษา ป.เอก นั้น พญ.เกศกมล อ้างว่า จบหลักสูตร รัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิต (Doctor of Political Science) จาก California University สหรัฐอเมริกา ซึ่งนำมาสู่การตั้งคำถามจากสังคมว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีอยู่จริงหรือมีการเรียนการสอนจริงหรือไม่ จนมีการส่งเรื่องให้ กกต. ตรวจสอบ และล่าสุด กกต. ได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้ศาลฎีกาชี้ขาด
ซึ่งหากท้ายที่สุดศาลฎีกามีคำพิพากษาตามที่ กกต. ชงเรื่อง กล่าวคือ มีความผิดตาม 77 (4) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ที่ระบุว่า ผู้ใดกระทำการหลอกลวง บังคับขู่เข็ญใช้อิทธิพลคุกคามใส่ร้ายด้วยความเท็จหรือจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณของผู้สมัครใด เพื่อให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด ก็จะต้องรับโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
https://www.naewna.com/politic/814721 'หมอเกศกมล' ว่าที่ สว. คะแนนอันดับ 1 เคลื่อนไหว หลังถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องวุฒิการศึกษา
https://www.naewna.com/politic/880934 ‘กกต.’เชือด‘หมอเกศ’ ชงศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง อ้างจบด็อกเตอร์ ม.แคลิฟอร์เนีย
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี