รัฐบาลสวน‘มูดี้ส์’
ด่วนลดความน่าเชื่อถือไทย
เชื่อถกสหรัฐส่งผลดีต่อปท.
“มูดี้ส์”ปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตประเทศไทยลงสู่มุมมอง“เชิงลบ” สะท้อนเศรษฐกิจอ่อนแอ จากเอฟเฟกต์ภาษี“ทรัมป์” ด้านโฆษกรัฐบาลสวนทันควันด่วนตัดสิน ลดความน่าเชื่อถือ ชี้ยังไม่ได้เจรจายังไม่รู้ผล มั่นใจถ้าได้เจรจาเป็นผลดีต่อไทย โวครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยยังเติบโตจากมาตรการรับมือของรบ. รมว.พาณิชย์มอง“มูดี้ส์”ลดเรตติ้งไทยแปลกๆ แต่ไม่กระทบเชื่อมั่น สบน.ออกโรงแจงเกิดจากทรัมป์ เอฟเฟกต์ ยันการคลังไทยแข็งแรง มีมาตรการรับมือนโยบายภาษีและสงครามการค้า “ไหม”สะกิด รบ.เบรกแจกเงินหมื่น เก็บกระสุนไว้ใช้ยามจำเป็น
เมื่อวันที่ 29 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท จัดอันดับเครดิต มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส (Moody’s) ประกาศปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยจากระดับ “มีเสถียรภาพ” (Stable) เป็น “เชิงลบ” (Negative) แม้ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้สกุลเงินบาทที่ระดับ Baa1 และตราสารหนี้ระยะสั้นสกุลเงินต่างประเทศที่ระดับ P-2
มูดี้ส์ระบุต่อว่า การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มครั้งนี้สะท้อนความเสี่ยงที่เศรษฐกิจและการคลังของไทยอาจอ่อนแอลง โดยเฉพาะจากมาตรการเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้าหลักอย่างไทย ซึ่งพึ่งพาตลาดสหรัฐฯระดับสูง ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนจากการเก็บภาษีเพิ่มเติมหลังหมดช่วงผ่อนผัน 90 วัน ยังเพิ่มแรงกดดันต่อการฟื้นตัวที่เปราะบางอยู่แล้วของเศรษฐกิจไทย
นอกจากนี้ มูดี้ส์ยังปรับลดประมาณการ GDP ของไทยในปี 2568 เหลือเพียง 2% จากเดิมคาดการณ์ไว้ 2.9% สะท้อนถึงความเปราะบางของภาวะเศรษฐกิจ และภาระหนี้รัฐบาลที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แม้มูดี้ส์ยังคงอันดับเครดิตไทยไว้ในระดับ Baa1 เนื่องจากพิจารณาว่าสถาบันภาครัฐ ระบบธรรมาภิบาล และทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยยังแข็งแกร่ง แต่แนวโน้ม “เชิงลบ” บ่งชี้ว่าไทยมีโอกาสน้อยที่จะได้รับการปรับเพิ่มอันดับในระยะสั้น และหากสถานการณ์เศรษฐกิจหรือหนี้สาธารณะเลวร้ายลง อาจนำไปสู่การปรับลดอันดับได้
โฆษกรบ.โต้มูดี้ส์ด่วนตัดสิน
หลังมูดี้ส์เผยแพร่รายงานดังกล่าวออกมา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงในประเด็นดังกล่าวว่า เป็นการวิเคราะห์คาดการณ์ของบริษัทเอกชนอย่างมูดีส์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมายในทุกประเทศทั่วโลก เพราะปัจจัยที่ปรับลด มูดี้ส์เองก็ระบุว่ามาจากกำแพงภาษีของสหรัฐ ซึ่งเชื่อว่าปัจจัยนี้จะทำให้บริษัทเอกชนที่จัดอันดับ จะปรับลดอีกหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบเดียวกัน
“ผมคิดว่าการปรับลดครั้งนี้เร็วเกินไป เพราะทั้งไทยและประเทศทั่วโลกก็อยู่ระหว่างการเจรจาพูดคุย ยังไม่มีผลออกมาชัดเจน หากผลออกมาเป็นบวก มูดี้ส์ จะปรับอย่างไร“ นายจิรายุกล่าว และว่า รัฐบาลเตรียมความพร้อมรับมือแล้วทุกมิติ ในเรื่องกำแพงภาษี ขณะที่นโยบายการกระตุ้นเศษฐกิจครึ่งปีหลังนี้จะเน้นเครื่องยนต์ใหญ่สำคัญ 4 เรื่อง ที่รัฐบาลจะออกมากระตุ้น อาทิ การบริโภคภาคเอกชนในประเทศ การค้าต่างประเทศ การใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุน ซึ่งรวมถึงการลงทุนภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐ
เชื่อนโยบายรบ.ครึ่งปีหลังดันGDPฟื้น
นายจิรายุกล่าวอีกว่า รายงานของมูดี้ส์ ยังให้ความเชื่อมั่นด้วยการคงอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ Baa1 ซึ่งสะท้อนถึงสถาบันการเงินและระบบธรรมาภิบาลของไทยที่ยังแข็งแกร่ง ความสามารถชำระหนี้ได้ดี และสถานะด้านต่างประเทศที่ยังแข็งแกร่ง รวมถึงการมีทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศในระดับสูง ทำให้เห็นว่าแม้ทั่วโลกจะโดนปัญหารุมเร้าจากนโยบายภาษีสหรัฐฯ แต่เชื่อมั่นว่าครึ่งปีหลังเมื่อสถานการณ์คลี่คลายประเทศไทยจะมี GDP ที่ดีขึ้น แม้ว่าจากเดิมในปีที่ผ่านมา มูดี้ส์คาดการณ์ไว้ว่า ไทยจะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 2.9 แต่เมื่อมีเหตุการณ์สหรัฐฯ ก็ปรับลดการคาดการณ์ไว้ที่ 2.0 ซึ่งประเทศไทยยังถือเป็นตัวเลขที่อยู่ในกราฟ GDP เติบโต ไม่ได้ติดลบเหมือนบางประเทศ ทำให้มั่นใจว่านโยบายต่างๆ ของรัฐบาลในครึ่งปีหลังนี้จะ ทำให้ GDP ของประเทศมีโอกาสเติบโตสูงขึ้นอย่างแน่นอน
“พิชัย”กังขามูดี้ส์จัดเรทติ้งแปลกๆ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวถึงกรณีมูดี้ส์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของไทยว่า การเจรจากับสหรัฐฯ เรื่องภาษีตอบโต้ยังไม่เกิดขึ้น จึงมองว่า มูดี้ส์ตัดสินประเทศไทยเร็วเกินไป อย่างไรก็ดี ขณะนี้ประเทศไทยพร้อมไปเจรจา เพราะเตรียมการไว้ตลอดอยู่แล้ว ซึ่งการเจรจานั้นต้องจบในครั้งเดียว ไม่ยืดเยื้อ ขอให้มั่นใจว่าเราทำได้ และหากเจรจาจบ การส่งออกของเราก็จะดี มั่นใจว่าส่งออกปีนี้จะเป็นบวก
“มูดี้ส์ฯ เองก็แปลกทั้งที่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เศรษฐกิจไทยก็ไม่ได้โต จีดีพีไทยโตเฉลี่ยแค่ 1.9% แต่ก็ยังคงเรทติ้งให้เรา แต่ตอนนี้กลับมาลดอันดับ ทั้งที่ส่งออกเราโตต่อเนื่อง 6 เดือน และคาดว่าทั้งปีจะโตได้ถึง 3% และเชื่อว่าในเดือนถัดไปยิ่งเราเจรจาจบ การส่งออกจะเราจะดี มูดี้ส์ก็ต้องกลับไปดูการคาดการณ์ของตัวเองบ้าง และประเมินอันดับไทยโดยใช้จากอัตราภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ ที่ 36% ก็ต้องไปปรับลดประเทศอื่นๆ ด้วย ย้ำไม่กังวล ไม่กระทบความเชื่อมั่น”นายพิชัยกล่าว
สบน.แจงเหตุจากทรัปม์เอฟเฟกต์
ด้านนายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เผยถึงกรณีมูดีส์ รายงานผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของไทยว่า การปรับมุมมองดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากปัจจัยความเสี่ยงภายนอก โดยเฉพาะความไม่แน่นอน ที่เกิดขึ้นจากนโยบายการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการค้าและการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งในระดับโลกเป็นปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมของรัฐบาลไทย และยังไม่สามารถประเมินระยะเวลาและความรุนแรงได้อย่างชัดเจน
“ทั้งนี้ สบน. ขอให้ข้อมูลและข้อเท็จจริง ดังนี้ จากแนวทางการรองรับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ ไทยกำลังขอเจรจาเพื่อรองรับต่อมาตรการดังกล่าวที่อาจส่งผลกระทบทั้งระยะสั้น ปานกลาง และระยะยาว อาทิ การลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ และการรองรับผลกระทบจากประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ โดยจะกำหนดมาตรฐานสินค้าและควบคุมการสวมสิทธิ์แหล่งกำเนิดสินค้า ตลอดจนเจรจาข้อตกลงทางการค้ากับประเทศอื่น เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น”นายพชรกล่าว และว่า ภาคการคลังเศรษฐกิจไทย จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง จากนโยบายการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ ทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง คาดว่ารัฐบาลจะจัดเก็บรายได้ภาษีไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ส่งผลให้แผนเข้าสู่สมดุลทางการคลังล่าช้า แต่รัฐบาลวางแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษีเพื่อเพิ่มรายได้ภาครัฐ ลดภาระการคลังระยะปานกลางและระยะยาว รวมถึงเพิ่มพื้นที่การคลังรองรับเหตุผันผวนในอนาคตได้เพียงพอ
ยันการคลังไทยแข็งแกร่ง-การลงทุนสูง
นายพชรกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ไทยยังคงมีสถาบันเศรษฐกิจและธรรมาภิบาลที่แข็งแกร่งระดับปานกลางถึงสูง มีความสามารถดำเนินนโยบายการเงินและการคลังอย่างรอบคอบ บริหารจัดการหนี้สาธารณะอย่างมีวินัย สะท้อนจากหนี้สาธารณะเกือบทั้งหมดเป็นสกุลเงินบาท ทำให้ไม่มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน และการที่มีตลาดทุนภายในประเทศที่รองรับความต้องการกู้เงินได้อย่างเพียงพอ
ในส่วนภาคการลงทุน ไทยยังคงสนับสนุนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) โดยตัวเลขคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 2567 มีมูลค่ากว่า 1.13 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านคมนาคม สาธารณูปโภค และพลังงานที่ครอบคลุมทั่วประเทศ อีกทั้ง ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ อาทิ การลงทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) สำหรับภาคท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มาไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 เหตุแผ่นดินไหวส่งผลกระทบระยะสั้นต่อจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงดังกล่าว คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับมาช่วงครึ่งหลังของปี 2568
ย้ำรบ.เตรียมแผนรองรับทั้งระยะสั้น-ยาว
“สบน. ในนามกระทรวงการคลัง ขอเน้นย้ำว่ารัฐบาลดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคอย่างรอบคอบ เตรียมมาตรการรองรับผลกระทบจากความไม่แน่นอนด้านการค้าและการลงทุนต่อเนื่องทั้งระยะสั้นและระยะยาว มีแผนปฏิรูปโครงสร้างรายได้ภาครัฐ และแผนเข้าสู่สมดุลทางการคลังระยะปานกลาง กำลังถูกเร่งดำเนินการ ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีพื้นฐานความแข็งแกร่งทั้งจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่สูง ภาคการส่งออกที่หลากหลาย และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”นายพชร กล่าวและย้ำว่า การปรับมุมมองครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมหภาคหรือเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ เพราะไทยยังมีศักยภาพรองรับความผันผวนจากปัจจัยภายนอก ด้วยนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่มีความยืดหยุ่น และความสามารถฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะปานกลางถึงระยะยาว อย่างไรก็ดี สบน. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและฐานะทางเครดิตของประเทศให้มั่นคงระยะยาวต่อไป
“ไหม”เบรกแจก1หมื่นเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น
ขณะที่น.ส. ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุ รายงานนี้ถือเป็น นาฬิกาปลุก ที่จะทำให้รัฐบาลต้องหันมาเผชิญหน้ากับวิกฤตเศรษฐกิจอย่างจริงจัง โดยแนะว่า ไม่ควรเร่งแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ในภาวะที่การคลังยังเปราะบาง ควรเก็บทรัพยากรไว้ใช้ยามจำเป็น เพื่อลดภาระหนี้ในอนาคต
เอกชนชี้มูดี้ส์ส่งสัญญาเตือน
มีความเห็นจากนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานสภาหอการค้าไทยกรณีมูดี้ส์ลดความน่าเชื่อถือไทยเหลือเชิงลบว่า เป็นสัญญาณที่ควรให้ความสำคัญ เนื่องจากส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและตลาดการเงินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะช่วงที่ไทยกำลังพยายามดึงดูดเงินทุนและฟื้นฟูเศรษฐกิจ แม้จะยังไม่ได้ปรับลดอันดับเครดิตโดยตรง แต่การเปลี่ยน outlook เป็น Negative ถือเป็น “สัญญาณเตือน” ถึงความกังวลต่อเสถียรภาพทางการคลังในระยะกลางและระยะยาว โดยเฉพาะประเด็นด้านวินัยการคลัง การบริหารหนี้สาธารณะ และประสิทธิภาพจัดเก็บรายได้ของรัฐ และส่วนหนึ่งเชื่อว่า มาจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวนจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ที่กระทบหลายประเทศที่ส่งออกและค้าขายกับสหรัฐฯ ทั้งนี้ หอการค้าไทยฯยังเชื่อมั่นว่า แม้ในภาวะที่ความเชื่อมั่นบางด้านอาจลดลง แต่ไทยยังมีเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจอื่นที่พร้อมเดินหน้าต่อ ทั้งจากภาคท่องเที่ยว การบริโภคในประเทศ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ภาครัฐกำลังดำเนินการ รวมถึงการฟื้นตัวของการลงทุนเอกชนและต่างชาติ
นายพจน์กล่าวต่อวา ส่วนผลกระทบทางอ้อมจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะกรณีที่อาจมีการปรับอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศคู่ค้า หากดำเนินการตามแนวทางที่เคยประกาศไว้ มีโอกาสกระทบภาคการส่งออกของไทยและGDP ในภาพรวม อย่างไรก็ตาม ตามหลักการค้าระหว่างประเทศแล้ว ที่เคยแจ้งว่า เป็นแบบ กาลักน้ำ สินค้ายังไงก็ต้องไหลไปที่อื่น ดังนั้น สำหรับสินค้าและตลาดที่มีแนวโน้มปรับตัวได้ การเร่งขยายตลาดใหม่ในประเทศที่มีศักยภาพ จึงเป็นแนวทางสำคัญที่ไทยควรเร่งดำเนินการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี