ปธ.กกต.สยบข่าว
ปัดเรียก60สว.แจ้งข้อกล่าวหาคดีฮั้ว
แจงอยู่ในขั้นตอนไต่สวน
สว.สำรองชี้อำนาจเจริญ
ต้นทางรวบรวม‘โพยฮั้ว’
‘ทวี’ลั่นใครเอี่ยวฟันหมด
สะพัด “กกต.” จ่อฟันสว.ลอตแรก 60 คน เรียกรับทราบข้อกล่าวหา 8 พฤษภาคม หลังชุดสืบสวนไต่สวน กกต.-DSI สรุปคดีฮั้ว “อนุทิน” ขออย่าเสี้ยมชนกัน ย้ำ “มท.-ยธ.” ไม่มีขัดแย้ง ให้ความร่วมมือทุกด้าน ยันไร้ปะทะ ต่างคนต่างทำหน้าที่‘ทวี’ยันดีเอสไอยึดหลักฐาน-พยาน แจ้งข้อหาสว.สาวถึงใครดำเนินการหมด ชี้แยกส่วนกับกกต.ด้านประธานกกต.ชี้แจง ไม่มีมูลฟันฮั้วสว.ได้ยินแต่ข่าว
เมื่อวันที่ 7พฤษภาคม 2568 จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ได้ดำเนินการสอบสวน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้อนุมัติให้ทำการสอบสวนกรณีความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เป็นคดีพิเศษที่ 24/2568;และใช้ประกอบการไต่สวนของ กกต.รวมเป็นเวลาเกือบ 2เดือน ภายหลังรับเป็นคดีพิเศษ มีการสอบปากคำพยานทั่วประเทศ สอบปากคำพยานกลุ่ม สว.สำรอง ตรวจสอบข้อมูลทางธุรกรรมธนาคารของบุคคลในขบวนการ ข้อมูลผู้ใช้โทรศัพท์ รวมทั้งรับโอนสำนวนการสอบสวนจาก สภ.รัตนาธิเบศร์ และ สภ.โกสุมพิสัย ตามที่มีผู้กล่าวหาในความผิดฐานอั้งยี่ มาสอบสวนรวมสำนวนในคดีพิเศษดังกล่าวนั้น
‘กกต.’จ่อฟันสว.ฮั้วล็อตแรก60คน
ความคืบหน้าล่าสุด มีรายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ซึ่งมี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต.เป็นประธานกรรมการสืบสวนและไต่สวนและมีกรรมการสืบสวนและไต่สวนที่มาจาก กกต.และดีเอสไอ รวม 7ราย ร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26มิ.ย.67 กระทั่งวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้หลังเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน การสอบสวนปากคำพยาน ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวของกลุ่มคณะบุคคล,การตรวจสอบเส้นทางการเงินที่สะพัดไม่ต่ำกว่า 500ล้านบาท ตั้งแต่การเลือก สว.ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ , การกาคะแนน การนับผลคะแนนที่มีการเลือกหมายเลขเดียวกันซ้ำๆกันหลายชุด เป็นต้น
เรียกรับทราบข้อกล่าวหา8พ.ค.นี้
เมื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์แล้วพบการกระทำที่เข้าข่ายมีกระบวนการ หรือพฤติการณ์ที่ไม่ได้เป็นไปด้วยสุจริตหรือเที่ยงธรรม พบการกระทำความผิดตาม พรป.การได้มาซึ่งสว.พ.ศ.2561 จึงส่งหลักฐานและข้อมูลทั้งหมดให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกอบการพิจารณาตามกฏหมายเลือกตั้ง อาทิ การพิจารณาเพิกถอนสิทธิ สว.นั้น ล่าสุด มีเสียงลือสะพัดว่า บรรดา 138 สว.พูดกันว่า มีการเคลียร์กันแล้ว ข้างบนเคลียร์กันแล้ว หลังรู้ตัวว่าภายใน1-2 สัปดาห์นี้จะถูกเจ้าหน้าที่ กกต.เรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมายเลือกตั้ง พรป.การได้มาซึ่งสว.พ.ศ.2561
อย่างไรก็ตาม การสืบสวนสอบสวนของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ที่มีเจ้าหน้าที่ กกต.และดีเอสไอ รวม 7ราย ได้ดำเนินการเก็บพยานหลักฐานสำคัญเข้มข้นมาอย่างต่อเนื่องและเป็นการตรวจสอบเชิงลึกอย่างละเอียดรอบคอบ ตามพฤติการณ์ที่ปรากฏจากคำให้การของพยานและหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ ดังนั้นในวันที่ 8พ.ค.68 กกต.จะทยอยเรียกแจ้งข้อกล่าวหาบรรดาสว.ลอตแรก 60ราย ส่วนใหญ่เป็นสว.คนดัง ตามความผิด พรป.การได้มาซึ่ง สว.2561
‘อนุทิน’วอนอย่าเสี้ยม’มท.’ชน’ยธ.’
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่ในวันพรุ่งนี้ (8พ.ค.) กกต.เตรียมเรียก สว.60คน ให้การเพิ่มเติมคดีฮั้วการเลือก สว.ว่า ก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับกระทรวงมหาดไทยและตนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ สว.เพราะตนเป็น สส.ซึ่งตนไม่ได้กังวลอะไร ไม่เกี่ยวข้องกัน ต้องพยายามไม่ผูกกัน เพราะบางที่สื่อผูกเรื่องกันจนเกิดความสับสนไปหมด ซึ่งกระทรวงมหาดไทยก็ให้ความร่วมมือในด้านการสืบสวนและสอบสวนกับดีเอสไอ ในเรื่องการสอบสวนต่างๆของส่วนราชการ ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ ถามถึงกรณีฝ่ายที่เกี่ยวข้องของกระทรวงมหาดไทย ไม่ให้ความร่วมมือ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ แสดงว่าผิดกฎหมาย ยืนยันว่าให้ความร่วมมือทุกกรณี หากผู้มาขอความร่วมมือ อยู่ภายใต้กฎหมายที่ระบุไว้ชัดเจนแล้ว ก็ขอให้สื่อมวลชนเสนอข่าวให้ถูกต้องด้วย
‘ทวี’ยันดีเอสไอยึดหลักฐาน-พยาน
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีกระแสข่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมแจ้งข้อกล่าวหา ส.ว.ล็อตแรก 60 คน ว่า เราต้องแยกส่วนกัน คณะทำงานของ กกต. ที่มี 7 คน จะมีพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปร่วม 3 คน ซึ่งมีกรอบเวลาทำงาน ที่ต้องส่งเรื่องต่อไปยัง กกต.ชุดใหญ่ อาจนำพยานหลักฐานจากดีเอส ไอบางส่วนไป ซึ่งตนไม่ทราบรายละเอียด รู้เพียงว่าหลักฐานต่างๆ จะเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ พยานบุคคลและกกต.เป็นองค์กรอิสระ ที่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนรายละเอียดคงต้องถามเขา แต่ในส่วนของดีเอสไอ เรามี 2คดี คือคดีฟอกเงินและคดีอั้งยี่ซ่องโจร ทั้ง2คดีจะมีพนักงานสอบสวนที่ไปร่วมกับ กกต.และเรายังทำหนังสือขอให้ กกต.มาเป็นที่ปรึกษาด้วย ซึ่งหลักฐานในส่วนของเราเป็นเอกสาร ภาพถ่าย เสียง สถานที่อยู่ มี 10กว่ารายการ
แจ้งข้อหาสว.สาวถึงใครจัดการหมด
เมื่อถามว่า 2คดีของดีเอสไอจะสรุปได้ในช่วงใด พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า หลังจาก กกต.ไม่นาน หากพยานไปถึงใครเอาหมด เมื่อถามย้ำว่า จะสาวไปถึงคนที่อยู่เบื้องหลังได้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า พยานไปถึงใครเอาหมด เมื่อถามว่า นอกจากการหาข้อมูลที่ จ.อำนาจเจริญแล้ว ยังมีจังหวัดอื่นๆ อีกหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ทุกจังหวัด และที่อำนาจเจริญ ไม่ได้มีการขัดขวาง หากไปดูการให้การใน10กว่าปากมีการพูดถึงผู้บงการอยู่ เมื่อถามว่า มีความขัดแย้งกับกระทรวงมหาดไทย หรือไม่ และได้พูดคุยกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย อย่างไรบ้าง พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า มีการพูดคุยในที่ประชุม ครม.ก็ได้ทักทายกันและตนไม่มีความขัดแย้งกับกระทรวงมหาดไทย
ประธานกกต.แจงไม่มีมูลฟันฮั้วสว.
อย่างไรก็ตาม นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.ให้สัมภาษณ์ถึง 2ครั้ง โดยปฏิเสธกระแสข่าวว่า วันที่ 8พ.ค.นี้ กกต.จะทยอยเรียกแจ้งข้อกล่าวหาบรรดาสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ลอตแรก จำนวน 60ราย ส่วนใหญ่ล้วนเป็น สว.คนดัง ในคดีฮั้วเลือก สว.ซึ่งเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พรป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ตามมาตรา 32 มาตรา 36 มาตรา 62 มาตรา 70และมาตรา77 โดย นายอิทธิพร กล่าวสั้นๆ ว่า เรื่องนี้ไม่มีมูล ได้ยินแต่ข่าว
เผยคดียังอยู่ขั้นตอนไต่สวนขั้นที่1
แหล่งข่าวจาก กกต.เผยว่า เรื่องดังกล่าว กกต.ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่26 ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน กกต.และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ร่วมกันดำเนินการไต่สวนกรณีมีการกล่าวหาการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการไต่สวนของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่26 ซึ่งเป็นขั้นที่1 เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วจะเสนอสำนักงาน กกต.เลขาธิการ กกต.หรือรองเลขาธิการ กกต.ที่ได้รับมอบหมายพิจารณา ตามขั้นที่2และขั้นที่3เสนอคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งและขั้นที่4 ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่เสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาชี้ขาดหรือสั่งการ ดังนั้นข่าวที่ปรากฏจึงคลาดเคลื่อนจากขั้นตอนตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.2561และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง(ฉบับที่5) พ.ศ.2566
ปูดอำนาจเจริญต้นทางจัดการฮั้วสว.
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลุ่มคณะสว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว กล่าวถึงกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ทำหนังสือลับถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย พบกลุ่มบุคคลอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บังคับอดีตผู้สมัครสว. 2 คนให้ยอมรับว่าฮั้วสว. ที่ จ.อำนาจเจริญ ว่า จ.อำนาจเจริญ เป็นพื้นที่ต้นทางในการรวมโพยทั้งหมด ซึ่งต้องส่งผ่านนักการเมืองใหญ่ ในจ.อำนาจเจริญ โดยเป็นคนรวมโผเพื่อส่งต่อให้ผู้มีอำนาจเลือกว่าใครควรจะได้เป็นสว. แล้วค่อยมารวมเป็นตารางโพย มีทั้งข้าราชการฝ่ายปกครอง หรือตำรวจเข้าไปร่วมด้วย นอกจากจะดูแลในจังหวัดดังกล่าวแล้ว ก็ยังเป็นแกนหลักในการบริหารจัดการการฮั้วสว.ของกลุ่มขบวนการนี้ทั้งประเทศด้วย เนื่องจากพบข้อมูลว่า กลุ่มเครือข่ายดังกล่าวที่เป็นตัวแทนในแต่ละจังหวัด จะต้องส่งรายชื่อเข้ามาพร้อมหมายเลข เพื่อที่จะให้กลุ่มผู้บงการได้กำหนดว่าใครควรจะเป็นสว.
“ก่อนหน้านี้พบว่าได้ทำบันทึกฉบับหนึ่งไปถึงกระทรวงมหาดไทยเพื่อหารือว่า ถ้าหากดีเอสไอเข้ามาตรวจสอบจะวางแนวทางว่าอย่างไร คงจะร้อนตัวตั้งแต่ช่วงนั้นแล้ว แล้วกระทรวงมหาดไทยเองก็มีการยกร่างหนังสือฉบับหนึ่งที่เป็นแนวทางในการปฏิบัติของอำเภอหรือจังหวัดต่างๆ ซึ่งผมได้เห็นฉบับร่าง ผมขอฝากไปถึงข้าราชการฝ่ายปกครอง รวมถึงตำรวจในหลายพื้นที่ เนื่องจากมีหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 22 (17) นายตำรวจชั้น หรือฝ่ายปกครอง ว่าหากได้รับการประสานงานร่วมมือท่านต้องให้ความร่วมมือกับดีเอสไอ หากไม่ให้ความร่วมมือ ขัดขืน ขัดขวางหรือมีพฤติการณ์ช่วยเหลือผู้ที่กระทำความผิดให้ได้รับโทษน้อยลง ก็จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีอัตราโทษจำคุก 1-10 ปี และกฎหมายอาญา มาตรา 200 เพราะฉะนั้นการที่พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมได้ให้สัมภาษณ์ไปนั้นก็เป็นไปตามกฎหมายแล้ว “ พล.ต.ท.คำรบ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี