คปท.บุกสถานทูตมาเลย์จี้‘อันวาร์’
ปลด‘เทวดาทักษิณ’
พ้นเก้าอี้ที่ปรึกษาประธานอาเซียน
มีคดีม.112ติดตัว/รอไต่สวนชั้น14
‘ผู้ช่วยผบ.ตร.’ค้านมติ‘แพทยสภา’
ไม่เคยเซ็นเอกสารรับรอง‘แม้ว’ป่วย
เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) บุกสถานทูตมาเลเซีย จี้ “อันวาร์ อิบราฮิม” ปลดเทวดาทักษิณ พ้นประธานที่ปรึกษาอาเซียน ชี้มีคดี 112 ติดตัว และถูกไต่สวนกรณีชั้น 14 ด้านผู้ช่วย ผบ.ตร.อดีตแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ 1 ใน 3 ที่ถูกแพทย์สภาเชือด ร้องขอความเป็นธรรม รมว.สาธารณสุข ยันไม่เคยเซ็นรับรองเอกสารเทวดาป่วย
เมื่อ ที่ 14 พ.ค.68 ที่กรมอนามัย นายสุรินทร์ สู่สวัสดิ์ นำทีมทนายความที่ได้รับมอบจาก พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ อดีตนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ กรณีแพทย์สภามีมติลงโทษแพทย์ที่ทำการรักษานายทักษิณ ชินวัตร รี จำนวน 3 คน โดยมีนายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้รับมอบหนังสือ
โดยนายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าวว่า หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากทางนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ที่ติดต่อมาโดยตรง และได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งตนได้กราบเรียนนายสมศักดิ์ ทราบแล้ว หลักๆ มี 8 ประเด็นที่ท่านมีความไม่สบายใจและขัดข้องใจ แม้ว่ายังไม่ได้รับหนังสือจากแพทยสภา แต่ทราบจากสื่อ และเป็นข้อมูลเดิม ว่าท่านเป็นหนึ่งในผู้ที่ยื่นคำชี้แจง และได้รับการไต่สวนโดยแพทย สภา จึงเข้าใจโดยปริยายว่าท่านเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกลงโทษ ทั้งนี้ ที่ท่านบอกว่าเป็นความอึดอัดใจ
ยันไม่ได้วินิจฉัยโรคแม้ว
นายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าวต่อว่า ท่านเป็นเพียงแค่ผู้บังคับบัญชา และเป็นคนที่ไม่ได้เป็นผู้วินิจฉัยโรคด้วย ดังนั้น สิ่งที่ท่านได้รับคือความเห็นของผู้บริหารแพทยสภา ท่านให้ข่าวกับสื่อมวลชนในการแถลงข่าวเรื่องราวทั้งหลายทำให้ไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งพูดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงตั้งแต่เริ่มต้นรับตัวมาดูจากผลวินิจฉัยโรค ผลทะเบียนประวัติที่ส่งมาตั้งแต่อดีตนายกทักษิณเข้ารับการรักษาตัวจากต่างประเทศ และตรวจสุขภาพต่างๆ ซึ่งพบถึงรอยโรคที่เกิดขึ้น ย้ำว่าตนในฐานะเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีมีข้อห้ามตามกฎหมาย PDPA ห้ามเผยแพร่ข้อมูลผู้ป่วย แม้เจ้าตัวยินยอม แต่ทางราชทัณฑ์ก็ต้องยินยอมด้วย โดยเฉพาะข้อมูลคนไข้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ผ่านมาคนไม่ค่อยให้ข้อมูลการป่วย เพราะบางคนเป็นโรคที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ จึงไม่แปลกที่จะให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน หรือให้ข้อมูลได้เฉพาะเท่าที่ผู้ป่วยอนุญาต
บอกเหมือนโดนโทษประหาร
ดังนั้น ความไม่สบายใจนี้และส่งผลให้ท่านได้รับโทษ เหมือนเป็นการประหารชีวิตการทำงานราชการตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเป็นเกียรติยศและศักดิ์ศรีตลอดชีวิตราชการ จึงรวบรวมพยานเอกสารหลักฐาน ซึ่งตนยังไม่มั่นใจว่าจะอยู่ในเนื้อหาของแพทยสภาด้วยหรือไม่ ย้ำว่าตนไม่ได้มาพูดแทน ส่วนคนอื่นๆจะมายื่นด้วยหรือไม่ ตนไม่ทราบ ยังไม่มีการติดต่อมา จริงๆ มีคนที่ถูกสอบ 4 คน และมี 3 คนที่ได้รับโทษ
เมื่อถามว่าหลักฐานหลักๆ คือ เวชระเบียนหรือไม่ นายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าวว่า เมื่อวานนี้อีกคนพูดถึงข้อมูลเชิงประจักษ์ วันนี้พูดถึงการที่ท่านไม่ได้เป็นผู้วินิจฉัยโรค แต่นำเสนอข้อมูลที่สื่อติดตามสอบถาม ขณะที่ไทม์ไลน์ในการรักษาเป็นคนละห้วงเวลาที่มีการพิจารณาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ต้องนำข้อมูลจากผู้ร้องทั้ง 2 คนมาดู และดูว่าแพทยสภากล่าวหาใคร อย่างไร ตรงกับตรงนี้หรือไม่ หรือมีการสรุปสำนวนคดีมีเนื้อหาที่เป็นสาระสำคัญหรือไม่ โดยเอามาประกอบการพิจารณาของสภานายกพิเศษ หลายคนสงสัยว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้นายกสภาพิเศษให้ไปทบทวนหรือไม่ แต่กฎหมายไม่ได้ให้ทำเช่นนั้น แต่ให้สรุปความเลยว่าเห็นด้วยหรือไม่เป็นด้วยกับมติของแพทยสภา โดยตอบกลับไปภายใน 15 วัน
เตรียมฟ้องศาลปกครองด้วย
เมื่อถามว่าได้รับข้อมูลยืนยันหรือไม่ หรือได้รับทราบจากที่ใดที่ทำให้มั่นใจว่าท่านเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกแพทยสภาลงโทษ นายสุรินทร์ สู่สวัสดิ์ ทนายความ กล่าวว่า ทราบข้อมูลจากสื่อมวลชนที่การนำเสนอชัดเจนว่าท่านถูกลงโทษ ส่วนตัวท่านเองนั้นก็ทราบจากสื่อเช่นเดียวกันว่าเป็นแพทย์ที่ถูกลงโทษอยู่ที่รพ.ตำรวจ จำนวน 2 คน ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้อยู่แล้ว ก็มีแพทย์ใหญ่คนปัจจุบันกับ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ ทั้งนี้ การยื่นขอความเป็นธรรมจะต้องมายื่นก่อนที่สภานายกพิเศษจะพิจารณามติของแพทย สภาใน 15 วัน หากหลัง 15 วันแล้ว สภานายกพิเศษไม่มีความเห็นไป แพทยสภาก็ใช้คำสั่งเดียว แล้วเราจะทำได้อย่างเดียวคือฟ้องศาลปกครอง อย่างไรก็ตาม ตนไม่ทราบว่าหลังแพทยสภามีมติออกไปนั้น ตนไม่ทราบว่า พล.ต.ท. โสภณรัตช์ กับพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ ติดต่อไปหรือไม่ แต่ตนไม่ได้ติดต่อไปแน่นอน
“มีผู้ถูกกล่าวหา 4 คน จากรพ.ราชทัณฑ์ 2 คน จากรพ.ตำรวจ 2 คน ดังนั้น มันเป็นอื่นไปไม่ได้ เพราะที่รพ.ตำรวจมี 2 คนเท่านั้น” นายสุรินทร์ กล่าว และว่า พล.ต.ท. โสภณรัตช์ เป็นแพทย์ผู้บริหาร ไม่ใช่แพทย์ที่ทำการรักษา ซึ่งในวันที่ 2 ส.ค. ซึ่งมีการมารักษาตัวนั้น ท่านยังเป็นแพทย์ใหญ่ หลังจากนั้นจึงขึ้นมาเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ไม่เคยพูดเรื่องป่วยวิกฤต
เมื่อถามว่าทางนายความได้ให้คำแนะนำหรือไม่ นายสุรินทร์ กล่าวว่า ใช่ เพราะเห็นว่ามติที่ออกมาไม่ยุติธรรม ไม่เป็นธรรม เพราะท่านไม่ได้เป็นแพทย์ที่รักษา แต่ให้ความเห็นต่อสื่อที่ไปสัมภาษณ์ โดยให้ข้อมูลว่ามีอาการที่ท่านรู้จากแพทย์ที่รักษาว่าอาการเป็นอย่างไรก็ให้ไปตามนั้น แล้วท่านก็มาถูกลงโทษจากการให้ข้อมูลทางการแพทย์ที่ไม่ตรงความจริง ซึ่งไม่เป็นเป็นธรรม
เมื่อถามว่าแพทยสภาแถลงว่ามติที่ออกมามีการพิจารณาจากเอกสาร ซึ่งไม่สอดคล้องอาการวิกฤติ นายสุรินทร์ กล่าวว่า คำว่าวิกฤตหรือไม่วิกฤตต้องเป็นแพทย์ที่ทำการรักษาเป็นคนดูไม่ใช่คนนอกไปดู และนพ.โสภณรัตช์ ไม่เคยบอกว่าวิกฤตและท่านไม่ได้เป็นคนรักษา แต่พูดตามแพทย์ที่รักษาบอกมา ซึ่งที่จำได้ มีการพูด 2 ครั้งคือวันที่ 23 ส.ค.และ วันที่ 25 ส.ค. เท่านั้น
เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าเอกสารที่ส่งให้แพทยสภาไม่เป็นความจริงหรือไม่ นายสุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบและไม่เคยเห็นรายงาน จึงไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าจริงหรือไม่จริง
ไม่เคยเซ็นเอกสารรับรองแม้ว
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่การเป็นนายแพทย์ใหญ่ต้องมีการเซ็นเอกสารรับรองทุกอย่างทำให้เป็นที่มาของการถูกลงโทษ นายสุรินทร์ กล่าวว่า เท่าที่ตนได้คุยกัน พล.ต.ท.โสภณรัตช์ ไม่ได้เซ็นเอกสารแม้แต่ใบเดียว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าเมื่อนายแพทย์ใหญ่ยืนยันว่าไม่ได้เซ็นเอกสารแม้แต่ใบเดียว ขณะที่แพทยสภาพิจารณาจากเอกสารก่อนมติออกมา แปลว่าจะโต้แย้งประเด็นว่า เอกสารที่แพทยสภาพิจารณาเป็นเอกสารเท็จหรือไม่ นายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าวว่า คำถามนี้เหมือนเอา 2 คน มารวมเป็นหนึ่งคำถาม ซึ่งต้องแยกส่วนกัน เราต้องดูเอกสารจากแพทยสภาว่ากล่าวหาใคร ประเด็นใด แล้วค่อยมาดูว่าผู้ร้องว่าถูกกล่าวหาที่ร้องขอความเป็นธรรมเข้ามานั้นตรงกับแพทย สภาหรือไม่ ที่สำคัญใช้ข้อมูลที่เค้าให้และข้อมูลที่เราแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน เมื่อจำกัดความวิกฤติหรือวิกฤติไม่รู้ว่าใครเป็นผู้พิจารณา หรือคนที่พูดออกมานั้นพูดเองหรือไม่ หลังจากที่ตนได้ฟังทั้ง 2 คน ก็ไม่เคยพูดคำว่าวิกฤติเลย ซึ่งต้องเก็บเป็นข้อมูลในสาระสำคัญที่พูดถึงคำนี้คือใครพูด คำว่าวิกฤติจากตนได้สอบถามแพทย์จะเห็นว่าวิกฤตหรือไม่ ยกตัวอย่าง รพ.ราชทัณฑ์จะส่งคนรักษาที่รพ.ตำรวจ สาระสำคัญโรงพยาบาลไม่สามารถรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคนั้นได้จึงต้องมีการส่งต่อ แต่การทำหัตถการเล็กหรือใหญ่ ถือว่ามีความเสี่ยงทุกครั้งที่มีการรักษาหรือผ่าตัด เพราะสามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนในการรักษาได้
และว่า หากการพิจารณาสุดท้ายแล้วออกมาเป็นโทษ เราก็ต้องแสวงหาความยุติธรรมต่อไป โดยการพึ่งศาลปกครอง
ยังไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไร
นายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าวว่า ในอดีตก็เคยมีที่แพทยสภามีวินิจฉัยออกมาแล้ว รมว.สาธารณ สุขวินิจฉัยตามแพทยสภาด้วย แต่พอไปถึงศาลปกครอง ศาลปก ครองกลับคำพิพากษาทั้งหมดว่าสิ่งที่แพทยสภาทำนั้นไม่ถูกต้อง ผิด และต้องชดใช้เงิน โดยเอาเงินรัฐที่มาจากภาษีประชาชน ก็เหมือนกันทุกคนมีโอกาสผิดพลาดได้ แต่อย่างไรก็แล้วแต่ มาถึงยุคท่านสมศักดิ์ ที่มีคณะทำงานที่เป็นนักกฎหมาย และมีผมอยู่ด้วยก็ต้องดูให้ละเอียดที่สุด อย่างน้อยที่สุดให้เกิดความเสียหายน้อยสุด หรือไม่เสียหายเลย ดังนั้น อยากให้สบายใจได้ ไม่กดดันเลย ยังกินอิ่มนอนหลับตามปกติ ใครถามมาก็ตอบ
จี้”อันวาร์”ปลด”ทักษิณ
วันเดียวกัน ที่อาคารโครนอส สาทร ทาวเวอร์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล และนายนัสเซอร์ ยีหมะ พร้อมด้วย นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ตัวแทนศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และนายใจเพชร กล้าจน ตัวแทนกองทัพธรรม ยื่นหนังสือถึงนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเชีย ในฐานะประธานอาเซียน ให้ทบทวนการแต่งตั้ง นายทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน ผ่านสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย โดยมีตัวแทนสถานทูตมาเลเซียลงมารับหนังสือ
สำหรับเหตุผลที่คปท.ต้องการให้นายอันวาปลดนายทักษิณ คือ นายทักษิณ เป็นจำเลยคดีความผิดอาญา มาตรา 112 ในประเทศไทย ขณะเดียวกันศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังมีคำสั่งไต่สวนนายทักษิณว่าเกี่ยวกับคดีชั้น 14 อีกด้วย
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pichit Chaimongkol หัวข้อ “ขบวนการไสยศาสตร์การเมือง”นัดชุมนุมที่หน้ากระทรวงสาธารณสุข ในวันที่ 15 พค.เวลา 9.00 น.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี