‘ขุนคลัง’ลั่นยังไม่ยกเลิก-รอดูสถานการณ์
ชะลอแจกเงิน1หมืน
หากศก.ดีพร้อมเดินหน้าต่อ
บอร์ดทบทวนงบ1.57แสนล.
ใช้กระตุ้นศก.ภาพรวมแทน
‘น้ำ-คมนาคม-การท่องเที่ยว’
นายกฯ นั่งประธานประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ยอมรับภาษีสหรัฐฯ กระทบหลายประเทศทั่วโลก ไทยต้องปรับตัวหาทางออก สั่งทบทวนแผนงาน คาดจัด
เก็บภาษีต่ำกว่าเป้า “พิชัย” เผย บอร์ด ทบทวนงบดิจิทัลวอลเล็ต นำเงิน 1.57 แสนล้านบาท นำไปใช้กระตุ้น ศก.ภาพรวม “น้ำ-คมนาคม-ท่องเที่ยว” ยัน ไม่ยกเลิก ไม่ยื้อเวลา แค่ชะลอหากสถานการณ์ดีพร้อมดันต่อ “สรวงศ์” บอก ชะลอ แจกเงินหมื่นไม่กระทบฐานเสียงเพื่อไทย เชื่อ ชี้แจงได้หลังสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเปลี่ยน เผย เลื่อนคลอด “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ด้าน”ชูศักดิ์’ ชี้ หากชะลอโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่ผิดนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาฯ เหตุ ทำแล้วไม่ใช่ไม่ทำเลย
เมื่อเวลา 15.10 น. วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2568 โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ประชุมอย่างพร้อมเพรียง
โดยนายกฯ กล่าวว่า วันนี้ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีภาวะผันผวน เนื่องจากมีการประกาศนโยบายจัดเก็บภาษีของประเทศมหาอำนาจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายประเทศทั่วโลก ดิฉันเองไปทุกที่ผู้นำจากหลายประเทศมีฟีดแบคมา ซึ่งทุกประเทศจะต้องปรับตัวต้องหาทางออกของแต่ละประเทศ อย่างประเทศไทยเองก็จับกลุ่มอาเซียนช่วยให้เรามองเห็นปัญหาร่วมกัน
วันนี้มีการหารืออย่างเป็นทางการกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียก็ได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้ และเห็นว่าส่งผลต่อทุกประเทศจริงๆ ทำให้ประชาชนมีรายได้ในภาพรวมลดลงโดยเฉพาะภาคการส่งออกของไทย โดยภาคที่ต้อง พึ่งพาตลาดต่างประเทศ ต้องมีการทบทวนประกอบกับการจัดเก็บภาษีรายได้ของรัฐบาล คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมาย จึงจำเป็นต้องทบทวนแผนงานและโครงการของรัฐบาล รวมถึงเร่งปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ โดยจะต้องให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาวให้มากขึ้น รวมถึงสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้วย
“และด้วยเหตุผลที่กล่าวมาจึงเป็นที่มาของการประชุมในวันเดียวกันนี้ เพื่อร่วมกันคิดและเสนอแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ทั้งนี้ ขอให้ทุกท่านร่วมมือกันอย่างเต็มที่ เพื่อจัดเตรียมการในเรื่องของโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยให้ทุกฝ่ายพิจารณากันอย่างรอบคอบ เพื่อให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจเกิดประโยชน์เต็มที่ และที่สำคัญต้องปฏิบัติตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด” นายกฯ กล่าว
ต่อมา เวลาประมาณ 16.10 น. ภายหลังการประชุมฯ ที่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง น.ส.แพทองธาร กล่าวพร้อมรอยยิ้ม โดยยอมรับว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแจกเงิน 1 หมื่นบาท ต้องมีการทบทวน โดยรายละเอียดกระทรวงการคลัง จะเป็นผู้ชี้แจง
จากนั้น เวลา 16.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2568 ว่า เราต้องทบทวนงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท โดยจะพิจารณาแก้ปัญหาเรื่องที่เราเห็นแบบชัดเจนก่อน โดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยอยากเห็นการทบทวนโครงการดิจิทัลฯ วันนี้จึงมีการประชุมเพื่อดูว่าจะทบทวนอย่างไร ซึ่งเรานำงบดังกล่าวไปแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเกี่ยวกับเรื่องน้ำอุปโภคบริโภค และการเกษตร
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องระบบคมนาคม รถไฟความเร็งสูง รถไฟรางคู่ ถนนต่างๆ รวมถึงการท่องเที่ยวว่าอะไรที่เป็นปัญหา ซึ่งสิ่งต่างๆ อยู่ในแผน แต่อะไรเร่งด่วนจะหยิบขึ้นมาดูเลย รวมถึงปัญหาเฉพาะหน้าของเอสเอ็มอี ทบทวนโครงการที่จะสามารถสร้างงานได้ทั้งหมด โดยจะเน้นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน การจ้างงาน โดยวันนี้ที่ประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจอนุมัติเป็นกรอบไว้ โดยมีคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการแผนงาน รวมถึงมีคณะกรรมการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณด้วย
เมื่อถามว่า ดิจิทัลวอลเล็ตเร่งด่วนหรือไม่ นายพิชัย กล่าวย้ำว่า ดิจิทัลวอลเล็ตเราขอชะลอไปก่อน จนกว่าสถานการณ์เหมาะสม
เมื่อถามว่า ปัจจัยที่ต้องชะลอ เพราะเงินไม่พอด้วยใช่หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะงบมีอยู่แล้ว แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนมีข้อจำกัดมากขึ้น จึงต้องปรับแผนการใช้เงิน ซึ่งไม่เกี่ยวกับไม่มีเงิน
เมื่อถามว่า เป็นการซื้อเวลาหรือไม่ ทำไมจึงไม่บอกว่ายกเลิกไปเลย นายพิชัย กล่าวว่า ไม่เรียกว่าซื้อเวลาดีกว่า ถ้าสถานการณ์ดีเราก็หยิบขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้ เพราะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรง แต่วันนี้เราอยากให้เกิดการจ้างงานก่อน เราจึงดูตามเหตุการณ์ที่เหมาะสม
เวลา 16.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจชะลอดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 จะกระทบฐานเสียงพรรคเพื่อไทยหรือไม่ และจะตอบประชาชนอย่างไร ว่า จริงๆ แล้วนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอกแล้วว่ามีหลายปัจจัยเปลี่ยนแปลง ต้องรับฟังทุกหน่วยงาน จึงมองว่าเป็นการชะลอมากกว่าไม่น่าจะเป็นประเด็นได้ แต่ทั้งหมดคือการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกมิติหนึ่ง
เมื่อถามว่า ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นโยบายเรือธงจะกระทบฐานเสียงพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวย้ำว่า ยังไม่ได้ถูกยกเลิก แต่เป็นการเลื่อนออกไป เมื่อถามว่า จะกระทบกับนโยบายอื่นๆที่จะใช้ในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยในอนาคตหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ต้องดู และต้องทำความเข้าใจกับประชาชน แต่ทั้งหมดตอนนี้เป็นแค่การปรับเปลี่ยนแผน เพราะมีเรื่องเศรษฐกิจโลก ประชาชนต้องเข้าใจว่าทุกอย่างไม่ได้เข้ามาแบบที่เราคิดไว้หรือแบบที่ต้องการ แต่ก็ถือสิ่งที่ออกมาเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกอย่างหนึ่ง
เมื่อถามว่า โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 2568 หรือ เที่ยวไทยคนละครึ่ง จะยังมีการเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 20 พฤษภาคม หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ยัง เพราะก่อนหน้านี้มีกำหนดว่าจะเข้า เนื่องจากแผนเสร็จหมดแล้วอยู่ที่สำนักงบประมาณ แต่เมื่อมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่จึงค่อยว่ากัน
ก่อนหน้านี้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 หากถูกยกเลิกจะมีปัญหาด้านกฎหมายหรือไม่เนื่องจากแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปแล้ว ว่า ที่ผ่านมาเขาก็ทำกัน แต่สถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ จากที่ตนฟังดูไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำ แต่อาจจะต้องชะลอไว้ก่อน ไม่ใช่ไม่ทำ และใช้กลไกกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น เพราะเมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้ก็ต้องชะลอ
เมื่อถามว่า ที่ดำเนินโครงการเฟส 1-2 ถือว่าทำแล้วจะไม่ผิดกฎหมายใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ถือว่าทำ ไม่ใช่ไม่ทำเลย
เมื่อถามว่า หากไม่ทำตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาจะถือว่าผิดกฎหมายหรือผิดต่อประชาชนหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเมื่อไม่ทำตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ก็อภิปรายกันไป แต่ครั้งนี้เขาก็ทำไปหลายโครงการแล้ว ก่อนจะย้ำว่า เท่าที่ฟังไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ทำ แต่อาจจะทบทวนหรือช้าออกไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี