แม้ในขณะที่วงการเมืองไทยกำลังไหลวนอยู่ในกระแสของรัฐบาลผสมและการจัดวางอำนาจใหม่ พรรคการเมืองที่เพิ่งเปิดตัวอย่าง‘พรรคกล้าธรรม’กลับเป็นจุดสนใจขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด จากการที่มีส.ส.จากหลายพรรคหลายภูมิภาค ทยอยเข้าสังกัดอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่พรรคยังไม่มีฐานเสียงชัดเจนไม่มีผลงานในสภา และเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน
ภายใต้แกนนำคนสำคัญ‘ผู้กองธรรมนัส’ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม อดีตรมว.เกษตรและสหกรณ์ โดยมี ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นั่งเป็นหัวหน้าพรรคฯ
สังคมแวดวงทางการเมือง มองการตั้งขึ้นคือ“กล้าธรรม”เป็นพรรคเกิดใหม่จริง หรือ เป็นพรรคสาขาในเงาของเพื่อไทย เป็นการรวมตัว เน้นทำพรรคเชิงจุดยุทธศาสตร์โดยตรง โดยพรรคกล้าธรรม สามารถดึง ส.ส.และอดีตส.ส.เข้าร่วมสังกัดพรรคได้จำนวนมากทั้งในภาคกลาง ภาคเหนือ โดยเฉพาะภาคใต้ซึ่งเป็นพื้นที่อ่อนไหวของพรรคเพื่อไทยที่ไม่เคยปักธงส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ได้
จึงเป็นเรื่องน่าจับตา ปกติพรรคการเมืองใหม่มักเริ่มจากการตั้งฐานในท้องถิ่นก่อนแต่พรรคกล้าธรรมเลือกเดินทางลัดโดยใช้“ทุนทางเครือข่าย”เพื่อดึงบุคลากรและส.ส.นั่นชี้ให้เห็นถึงการมี“กลไกสนับสนุนเบื้องหลัง”ที่แข็งแรงพอสมควร
บุคคลที่อยู่เบื้องหลังนั้นไม่ใช่ใครอื่นร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรี และนักการเมือง ที่ถูกเชื่อมโยงกับทุกขั้วอำนาจ โดยเฉพาะกับตระกูล‘ชินวัตร’และกลุ่มการเมืองสายทักษิณ เพราะเคยมีบทบาทเป็น“มือจัดการในภาคเหนือ”ให้พรรคเพื่อไทยมาก่อน
แม้ตลอดที่ผ่านมา แกนนำพรรคเพื่อไทยทุกระดับต่างยืนยันหนักแน่นว่า“พรรคกล้าธรรมไม่ใช่พรรคสาขา”และไม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรง แต่ผู้สังเกตการณ์การเมืองต่างมองเห็นภาพซ้อนที่เชื่อมโยงชัดเจนผ่านความสัมพันธ์ระหว่าง‘นายใหญ่’ทักษิณ ชินวัตร กับ ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งเคยลูกน้องเก่ากันมาก่อน ยังมีความสัมพันธ์เหนียวแน่นให้ความเคารพมาตลอด
ทั้งสองมีประวัติการทำงานทางการเมืองร่วมกัน มีภาพการพบปะและมีแนวโน้มทางนโยบายที่ใกล้เคียงกันโดยเฉพาะตัว ร.อ.ธรรมนัสเอง ก็เป็นบุคคลที่มีความสามารถ เรียกว่า“เดินได้ทุกขั้ว”หรือ“มือประสานสิบทิศ”และมักถูกใช้เป็น“ตัวแทนเจรจาเงา”ในหลายโอกาสสำคัญลงนำไปช่วยในบางพื้นที่
สิ่งสำคัญ หากพรรคเพื่อไทยต้องการเจาะฐานใน“พื้นที่ภาคใต้”ซึ่งเป็นภารกิจที่เพื่อไทยทำเองไม่ได้
มีข้อจำกัดในการลงพื้นที่อย่างเปิดเผย ทั้งในเชิงประวัติศาสตร์และภาพลักษณ์ทางอุดมการณ์ที่ยังฝังใจคนปักษ์ใต้กับการเลือกปฏิบัติในการจัดสรรงบประมาณลงไปพัฒนาภาคใต้
พรรคเพื่อไทยจึงมักใช้ยุทธศาสตร์“พันธมิตรเงา”หรือ“พรรคพันธมิตรจำเป็น”เพื่อเจาะพื้นที่เหมือนเช่นการส่งเสริมให้“พรรคประชาชาติ”ตรึงปักหลักพื้นที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อเจาะกลุ่มมุสลิม โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนฯ อดีตหัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นแกนนำ กลุ่มวาดะห์ซึ่งในอดีตเคยสังกัดไทยรักไทย แม้วันนี้ลาออกพ้นหัวหน้าพรรคฯ เปิดทางให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง นั่งหัวหน้าพรรคประชาชาติ แทนและนั่งคุม รมว.ยุติธรรม มีบทบทโดดเด่นช่วยงานรัฐบาลชุดนี้
พรรคกล้าธรรมอยู่ในบริบทเดียวกันซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ยังเป็น“พรรคพันธมิตร”เจาะพื้นที่ภาคใต้ลุยขยายฐานการเมืองแทนเพื่อไทยที่ไม่สามารถเติบโตขยายฐานมานานกว่า 20 ปี
โดยพรรคกล้าธรรม มีเป้าหมายชัดเจน คือ เจาะขยายฐานการเมืองทุกระดับ“แย่งคะแนน”ทั้งประชาธิปัตย์รวมถึงเดินหน้าตัดทอนฐานเสียงภูมิใจไทย ที่กำลังครองอิทธิพลในท้องถิ่นภาคใต้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจะเห็นได้ชัดจากผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 8 นครศรีธรรมราช ที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคกล้าธรรมก็คว้าชัยชนะด้วยคะแนนท่วมท้น เหนือผู้สมัครทั้งภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ เห็นจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นส่งสัญญาณในอนาคต
และเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 พรรคกล้าธรรม ได้เปิดตัวน.ต.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ นายการุณ โหสกุล อดีต สส.กทม.เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ โดยมีนายอรรถกร ศิริลัทธยากร นายทะเบียนพรรคและนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เลขาธิการพรรค ให้การต้อนรับ
โดยนายอรรถกร ยืนยันว่านี่คือการเสริมทัพที่“ตรงจุด”พร้อมได้รับมอบหมายจากนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค ให้เร่งแต่งตั้ง น.อ.อนุดิษฐ์ เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อวางยุทธศาสตร์ใหญ่ในการขับเคลื่อนการเลือกตั้ง สิ่งสำคัญยังปูทางขยายฐานหวังปักธงส.ส.พื้นที่ในกทม.
ยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรมยังเดินหน้าขยายฐานทั่วประเทศ หวังผลทางการเมืองในระยะยาว หากพรรคกล้าธรรมสามารถรักษาทิศทางกับพรรคเพื่อไทยได้โดยไม่เปิดเผยมากจนเกินไปก็อาจเป็นเหมือนยุทธศาสตร์“แตกแบงค์พัน”ที่ได้ผล โดยเฉพาะระบบเลือกตั้งที่ใช้บัตรใบเดียวคะแนนของพรรคใหม่ อาจช่วยตัดคะแนนฝ่ายตรงข้ามและดึงเสียงบัญชีรายชื่อให้กับกลุ่มพันธมิตรทางอ้อมได้มากกว่าที่คาดด้วย
ในแง่นี้พรรคกล้าธรรมก็กลายเป็น“ฟันเฟืองเงียบ”แผนสร้างอำนาจทางการเมืองรอบใหม่ โดยไม่ต้องให้พรรคเพื่อไทยออกหน้าทำเอง ในฐานเสียงเดิมในพื้นที่อื่น
แม้จะไม่สามารถฟันธงได้อย่างเป็นทางการว่าพรรคกล้าธรรม คือ“พรรคสาขาเพื่อไทย”แต่เมื่อพิจารณาจากบริบททางบุคคล เส้นทางการเคลื่อนไหวของส.ส.และยุทธศาสตร์ในพื้นที่แล้ว บทบาทของพรรคกล้าธรรมมีลักษณะคล้าย“หน่วยปฏิบัติการเชิงยุทธศาสตร์”ที่ได้รับไฟเขียวให้เคลื่อนไหวในพื้นที่เฉพาะที่เพื่อไทยไม่สามารถไปเองได้เต็มที่
พรรคกล้าธรรมคือ พรรคใหม่ในโครงสร้างเดิม หากยุทธศาสตร์นี้ประสบความสำเร็จ อาจกลายเป็น “หมากสำคัญ”ในเกมการเมืองรอบหน้า และหากไม่สำเร็จเพื่อไทยก็ไม่ต้องแบกรับต้นทุนทางการเมืองใดๆแต่ได้พรรคใหม่ไปเจาะฐานเสียงคู่แข่ง การันตีล่วงหน้า ยังเป็นพันธมิตรพร้อมร่วมจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน ไม่แปลกใจที่จะสามารถดึงสส.เข้าร่วมงานอย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีใครไม่อยากอยู่ซีกรัฐบาล เพื่อหวังเติมต้นทุนงบลงไปพัฒนาพื้นที่
ล่าสุด นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ออกพูดการันตีว่า เสียงเดิมที่พรรคฯมี 25 เสียง น่าจะมีบวก11เสียง พร้อมยกมือหนุนร่างพ.ร.บ.งบฯแน่ และบอกว่าขอให้รอดูมีเพิ่มหรือไม่ ถึงตอนนี้เท่าที่เห็นชัดกล้าธรรมมีเสียงส.ส.ในมือถึง 36 เสียง และเป็นไปได้อาจมากมะลุถึง 40 เสียง
พรรคกล้าธรรมจึงกล้าเปิดหน้าทำการเมืองแบบใจถึงๆ จึงขอให้จับตาการโหวตร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี69ให้ดีๆ ซึ่งจะเห็นภาพชัดๆจาก‘สส.งูเห่า’ฝากเลี้ยงในพรรคฝ่ายค้านที่กล้าธรรมคุมเอาไว้ เพื่อสร้างความมั่นใจในมือโหวตเสียงสนับสนุนรัฐบาลเพียงพอ รองรับอุบัติเหตุทางการเมืองในสภา
แต่ในสถานการณ์ทางการเมืองไทยช่วงนี้ อย่ากระพริบตาเด็ดขาด มีประเด็นร้อนแรง รุมเร้ารัฐบาลรอบด้าน ทุกอย่างอาจเกิดขึ้นได้หรือมีตัวแปรใหม่ๆอาจทำให้เกมการเมืองพลิกเปลี่ยนแปลงได้เสมอทันที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี