1 มิ.ย. 2568 กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม จัดเวทีสาธารณะ หัวข้อ “Why Nations Fail – บทเรียนที่ประเทศไทยต้องไม่ล้มเหลว” ที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 31 พ.ค. 2568 โดย นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า สิ่งที่หนังสือ Why Nations Fail พูดถึงคำว่า Fail ในที่นี้อาจใช้คำว่าไม่ประสบความสำเร็จมากกว่าล้มเหลว และไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับคำว่ารัฐล้มเหลว แม้กระทั่งตัวอย่างที่ไม่ดีที่ยกมาในหนังสือเล่มนี้ก็ไม่ได้แปลว่ารัฐล้มเหลว
แต่ปัญหาคือเวลาเราไปพูดกันเราตีความว่ารัฐล้มเหลว แต่พูดแล้วก็จะเกิดการถกเถียงว่ารัฐล้มเหลวนั้นหมายถึงอะไร แทนที่จะมาเข้าใจปัญหาที่กำลังเจอกันอยู่แล้วมาช่วยกันแก้ แต่กลับต้องมาเถียงกันว่าวันนี้เข้าข่ายรัฐล้มเหลวแล้วหรือยัง ดังนั้นขอย้ำว่าอย่าใช้คำว่ารัฐล้มเหลว หรือ Fail State โดยในที่นี้จะหมายถึงประเทศล้มเหลวในการพัฒนาศักยภาพของประเทศอย่างทั่วถึงและยั่งยืน พูดง่ายๆ คือเราอยากให้ประเทศประสบความสำเร็จ คือมีการพัฒนาศักยภาพของประเทศอย่างทั่วถึงและยั่งยืน แต่หากไปไม่ถึงก็คือล้มเหลวตรงนั้น
ส่วนคำถามว่าจะต้องแก้ไขอะไรและแก้อย่างไร หากยกที่หนังสือบอกจะมี 6 เรื่อง 1.นิติรัฐ อย่างวันนี้เราเริ่มรู้สึกกันหรือไม่ว่าคุณภาพของกระบวนการยุติธรรมมีปัญหา 2.ประชาธิปไตย จะทำอย่างไรให้ประชาชนมีส่วนร่วม สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้ 3.เศรษฐกิจไม่ผูกขาด ไม่ถูกกินรวบ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่เปิดกว้าง 4.การศึกษา อย่างที่เห็นคะแนนสอบ PISA ที่ประเทศไทยแย่ลงเรื่อยๆ
5.คอร์รัปชั่น ซึ่งไม่ควรให้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา เอกชนที่ไม่อยากโกงแต่ก็ไม่มีทางเลือกเพราะหากไม่จ่ายก็จะเสียความสามารถในการแข่งขัน และ 6.ความเข้มแข็งของภาคประชาชน ในการเฝ้าระวังและร่วมกำหนดอนาคตของประเทศ ซึ่งหากถามว่าโจทย์เหล่านี้จะแก้อย่างไร 1.สร้างการตื่นตัวในหมู่ประชาชน ให้เห็นว่าเป็นปัญหาและหากไม่แก้ก็จะแย่ลงเรื่อยๆ อาจจะต้องมี 5 – 6 วง แต่ละเรื่องที่กล่าวมาจะแก้อย่างไร ระดมสมองกันมากๆ
2.สร้างจุดกดดันให้นำไปสู่การปฏิรูป ซึ่งปัจจุบันจะเห็นในหลายเรื่อง อย่างเรื่องงบประมาณในสภา มีความพยายามให้เป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Format) เพื่อตรวจง่ายขึ้น สมัยก่อนมาเป็นกระดาษบ้าง เป็นไฟล์ PDF บ้าง หรือการทำข้อมูลเปิด (Open Data) อย่างที่เห็นกรณีตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างแล้วเกิดถล่มลงมา ในโลกออนไลน์ก็มีการไปหาพิมพ์เขียวชั้นต่างๆ ของอาคารมาจนได้
หากประชาชนมีความสามารถในการเข้ามามีส่วนร่วม มีความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูล มีการจับตานโยบาย รวมถึงการทำหน้าที่ของสื่อ หากนำประเด็นสำคัญมาเสนอให้คนสนใจ ให้เห็นว่าการทุจริตเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ ก็น่าจะขับเคลื่อนสังคมไปได้ และ 3.มีเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หากมองย้อนดูประวัติศาสตร์ อย่างทางยุโรปเคยมีเหตุการณ์โรคระบาดแล้วประชากรหายไป ทำให้เกิดการดูแลแรงงานมากขึ้น
“ถ้าถึงจุดที่เรารู้สึกว่ายอมรับกันไม่ได้ แล้วเรามีข้อเสนอในการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมา สุดท้ายมันก็ต้องกลับไปที่กระบวนการนำเสนอนโยบายในระบอบของประชาธิปไตย ถ้าเราคิดทางออกกัน มีคนนำเสนอเยอะๆ สุดท้ายเราไปตัดสินใจกันแล้วขับเคลื่อนไปด้วยกัน มันก็น่าจะเป็นจุดที่น่าจะสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ แต่กลับมาเริ่มที่ขั้นแรก คือเราตื่นตัวกันว่ามีปัญหาที่เราต้องช่วยกันร่วมกันแก้ไข แล้วก็ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง” นายพิพัฒน์ กล่าว
นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หากนึกถึงประเทศที่สามารถใช้คำว่าล้มเหลวได้ เช่น อาร์เจนตินา ซึ่งประธานาธิบดีคนล่าสุดจากการเลือกตั้งเมื่อ 2 ปีก่อนได้เข้ามาปฏิรูปอย่างรุนแรงมาก แม้บทสรุปท้ายที่สุดจะยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ผลของการปฏิรูปก็สามารถทำให้อาร์เจนตินากลับมาอยู่ในระบบการเงินสากลของโลกได้ เป็นภาพสะท้อนของการกลับมาสู่การเป็นประเทศปกติ จากที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครกล้าเชื่อถือรัฐบาลหรือประเทศแห่งนี้
หรืออีกประเทศหนึ่งคือ ไนจีเรีย ซึ่งมีทรัพยากรสำคัญอย่างน้ำมัน จริงๆ แล้วควรเป็นประเทศที่ร่ำรวยหรือประสบความสำเร็จ แต่ประธานาธิบดีคนล่าสุดที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อ 2 ปีก่อน แล้วปฏิรูปอย่างรุนแรงเช่นกัน อาทิ กำจัดนโยบายประชานิยม ซึ่งสร้างความเดือดร้อนพอสมควร แต่ปัจจุบันพบว่าเศรษฐกิจกลับมาเติบโต คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ในปี 2568 นี้น่าจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 10 ปี ไม่นับปีที่ฟื้นตัวจากโควิด
“มันสะท้อนให้เห็นว่าแม้แต่กับประเทศที่ดูเหมือนน่าสิ้นหวังแล้ว ด้วยผู้นำที่มุ่งมั่น นโยบายที่ดี แล้วถ้าประเทศมีของอยู่แล้ว คือมีศักยภาพอยู่ในตัว สามารถฟื้นตัวได้ นี่คือ 2 ปีสำหรับทั้ง 2 ประเทศ เพราะฉะนั้นมันเป็นสาเหตุที่ผมมองว่าประเทศไทยเรามีดีกว่านี้เยอะ อย่างไนจีเรียที่ตอนนี้ทุกคนชื่นชมกัน เขายังมีความพยายามตอนนี้ที่จะกดอัตราเงินเฟ้อลงมาจาก 24% ลองนึกภาพถ้าวันนี้เงินเฟ้อประเทศไทย 24% เราคงคิดว่าล้มเหลวแล้ว แต่ของเขาเป็นประเทศที่กำลังมีความหวัง แต่เป้าหมายยังต้องกดภาวะเงินเฟ้อลงมาอีก” นายกรณ์ กล่าว
นายวิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า นอกจาก 2 เรื่องใหญ่ที่พูดกัน คือ 1.การไม่ยอมรับคอร์รัปชั่น และไม่เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนคอร์รัปชั่น กับ 2.การใช้สิทธิ์ทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา เลือกพรรคการเมืองและนโยบายที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง สิ่งนี้คือพื้นฐาน แต่หากดูในบริบทสังคมไทยมี 3 เรื่อง คือ
1.การสร้างการตระหนักรู้ต้องนำไปสู่ความต้องการมีส่วนร่วมอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทุกวันนี้ในสังคมในความขัดแย้งอยู่มาก ทำอย่างไรที่เราจะไม่เป็นคนเติมเชื้อไฟเข้าไป การที่จะมีบรรยากาศการพูดคุยอย่างสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยจะมีบทบาทได้มาก ทำอย่างไรจึงจะมองเรื่องการหาทางออกให้กับประเทศอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งการรับฟังความเห็นต่างเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะแม้จะตระหนักรู้แต่หากมีอคติก็ไม่อาจมีพื้นที่สร้างสรรค์ได้ เลิกขับเคลื่อนด้วยการด่า แต่ทำอย่างไรจะหาความคิดสร้างสรรค์ เปิดพื้นที่รับฟังความเห็นต่าง
2.ปฏิเสธไม่ได้ว่าไทยเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัยมากขึ้น และโดยธรรมชาติแล้วผู้สูงอายุไม่ค่อยชอบการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่ประเทศต้องการปฏิรูปในด้านต่างๆ ทำอย่างไรจะทำให้เกิดการทำงานร่วมกันของคนระหว่างรุ่นให้ได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันหลายองค์กรมีปัญหาที่คนต่างรุ่นไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ และแต่ละคนก็จะตั้งการ์ดโดยมองตนเองเป็นตัวตั้ง
และ 3.การแสดงพลังสามารถทำได้ในฐานะผู้บริโภค เช่น แม้ปัจจุบันประเทศไทยยังใช้หลักสูตรการศึกษาแกนกลาง ปี 2551 ซึ่งล้าสมัยเมื่อเทียบกับทั่วโลก หลายประเทศที่คะแนนสอบ PISA สูงจะเลิกใช้หลักสูตรอิงความรู้แต่ใช้หลักสูตรที่อิงกับสมรรถนะ อย่างไรก็ตาม หลายจังหวัดไม่รอการปรับปรุงหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ โดยภาคเอกชนในพื้นที่ เช่น หอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด รวมตัวกันขอใช้กลไกเขตนวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาหลักสูตรอิงสมรรถนะออกมาใช้ เพราะไม่ต้องการให้เด็กในจังหวัดตามไม่ทันโลก
หรือที่ประเทศสิงคโปร์ ประมาณปี 2558 ประสบปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ซึ่งหลายคนก็บอกว่าคงทำอะไรไม่ได้เพราะต้นกำเนิดฝุ่นอยู่ภายนอกประเทศ โดยแหล่งกำเนิดการเผามาจาก 2 อุตสาหกรรม คือปาล์มน้ำมันกับเยื่อกระดาษ แต่มีการณรงค์ชื่อว่า “We Breath what We Buy” หรือเราหายใจในสิ่งที่เราซื้อ ซึ่งภาคส่วนต่างๆ ในสิงคโปร์ สามารถศึกษาและตรวจสอบจนรู้แม้กระทั่งว่าบริษัทใดบ้างมีส่วนร่วมในการเผาแล้วผลิตสินค้าส่งมาขายในสิงคโปร์ หรืออาศัยแหล่งเงินทุนจากสิงคโปร์
การรณรงค์นี้ทำให้ร้านค้าต่างๆ ต้องนำสินค้าจากบริษัทที่มีปัญหาออกไปจากชั้นวาง สถาบันการเงินต้องร่างกติกาใหม่ในการปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทในอุตสาหกรรมที่ก่อฝุ่น จนระยะหลังๆ ปัญหาฝุ่นพิษในสิงคโปร์ก็หายไป ทั้งที่เป็นเรื่องฝุ่นข้ามแดนเสียด้วยซ้ำ ทั้งนี้ ตนพยายามเสนอความคิดอย่างหนึ่ง คือปัญหาการจราจรและอุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทย หนึ่งในนั้นคือมอเตอร์ไซค์ที่ขับขี่ฝ่าฝืนกฎจราจร ซึ่งจำนวนมากเกี่ยวข้องกับธุรกิจส่งอาหาร
โดยเทคโนโลยีของบริษัทเหล่านี้บอกได้กระทั่งว่าไรเดอร์อยู่ตรงไหน ดังนั้นหากบริษัทเหล่านี้จริงจัง มีระบบคะแนน ใครขับขี่ฝ่าฝืนกฎจราจรก็ตัดคะแนน ลดสิทธิประโยชน์ต่างๆ ก็น่าจะช่วยได้มาก เพราะจริงๆ ไรเดอร์หลายคนก็กู้เงินบริษัทเหล่านี้มา เทคโนโลยีสามารถแก้ปัญหา เป็นพลังของภาคเอกชนและผู้บริโภคสามารถช่วยผลักดันได้ นี่คือตัวอย่างของการทำธุรกิจที่ไม่สร้างผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ให้กับสังคม
ส่วนกรณีที่มีสื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตว่า ในฝั่งไรเดอร์ก็ไม่ได้อยากขับขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่าฝืนกฎจราจร เพราะก็หมายถึงการเสี่ยงอันตรายบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของตัวไรเดอร์เองเช่นกัน แต่ในความเป็นจริงไรเดอร์มีปัญหาค่ารอบต่อเที่ยววิ่งค่อนข้างน้อย ดังที่มีข่าวว่าถึงขั้นชุมนุมประท้วงกับทางบริษัทแพลตฟอร์ม อีกทั้งแพลตฟอร์มยังมีระบบรับงานพ่วง หมายถึงการกดรับงาน 1 ครั้ง ไรเดอร์ต้องไปส่งมากกว่า 1 จุด หลายครั้งแต่ละจุดที่ระบบกำหนดมาก็อยู่กันคนละทาง แต่ขณะเดียวกันแพลตฟอร์มก็โฆษณากับผู้บริโภคโดยเน้นการส่งอย่างรวดเร็วหรือค่าส่งราคาถูกเข้าว่า แบบนี้จะเปลี่ยนค่านิยมให้ผู้บริโภคลดเรื่องความเร็วแต่เน้นความปลอดภัยมากขึ้นได้อย่างไร
ซึ่งเทียบได้กับการหาเสียงของพรรคการเมืองที่มักเน้นนโยบายหวือหวาเน้นประโยชน์เฉพาะหน้า (Quick Win) แต่อาจส่งผลกระทบเชิงลบระยะยาว แบบนี้จะสร้างความตระหนักกับประชาชนอย่างไร รวมถึงมีผู้ร่วมฟังเสวนาตั้งคำถามว่า ระบอบประชาธิปไตยและระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมยังใช้ได้กับสังคมไทยอยู่หรือไม่ ทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าวตนเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงหากจะทำให้เป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม ก็ต้องคิดทั้งระบบนิเวศ (Eco System) ในองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง
“ในธุรกิจไรเดอร์หรือธุรกิจเรียกรถ จริงๆ ก็มีผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่กี่ราย ถ้าเราช่วยกันออกเสียงดังๆ และทำให้ Regulator (ผู้มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแล) ที่เกี่ยวข้องเข้ามามีบทบาท แล้วก็หลายอย่างเวลาที่ทำเรื่องแบบนี้ ต้องคิดในเรื่องการจัด Eco System ซึ่งจะคล้ายๆ คำถามที่ว่าระบบการเมือง ระบบเศรษฐกิจ ระบบของเราทุกวันนี้ยังใช้ได้หรือเปล่า? ถ้าคิดแบบ Ecosystem ว่ามันมีจุดไหนที่เป็นจุดอ่อนแอแล้วเข้าไปแก้ไข ผมยังไม่คิดว่ามีระบบอื่นที่ดีกว่าระบบทุนนิยม และไม่คิดว่ามีระบบการเมืองอื่นที่ดีกว่าระบบประชาธิปไตย แต่ถ้าระบบนิเวศมันมีปัญหาในบางจุด ก็คิดว่าจะเข้าไปแก้ไขปัญหาในจุดพวกนั้นได้อย่างไรมากกว่า” นายวิรไท กล่าว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คำว่า Fail State หรือรัฐล้มเหลวนั้นมีนิยามเฉพาะ และจริงๆ ผู้เขียนหนังสือ Why Nations Fail ก็หลีกเลี่ยงที่ใช้คำว่า State หรือรัฐ แต่ใช้คำว่า Nation ที่น่าจะหมายถึงเศรษฐกิจหรือประเทศ โดยตัวรัฐอาจทำงานอยู่แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาประเทศ ตอบโจทย์เรื่องความยากจน ความเสมอภาค ความก้าวหน้า การยกระดับความเป็นอยู่ของทุกคน
แต่แม้เรื่องรัฐล้มเหลวจะไม่ใช่หัวข้อเสวนาในครั้งนี้ ตนก็ไปค้นหาข้อมูลแล้วพบว่ามีองค์กรที่จัดอันดับความล้มเหลวของรัฐอยู่ โดยบรรดาประเทศทั้งหมดในโลก ไทยอยู่อันดับ 95 ก็คือกลางๆ และแม้คะแนนจะอยู่ตรงกลาง แต่ไทยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ต้องมีคำเตือน โดย 2 กลุ่มที่ดีกว่านี้ จะใช้คำว่ายั่งยืนหรือมีเสถียรภาพ กับอีก 2 กลุ่มที่สถานการณ์แย่กว่านี้ จะใช้คำว่ามีสัญญาณอันตราย และสุดท้ายคือเป็นรัฐล้มเหลว
และนอกจาก Why Nations Fail แล้วยังมีหนังสืออีก 2 เล่ม จากผู้เขียนคนเดียวกัน คือ 1.The Narrow Corridor เล่มนี้ว่าด้วยช่องทางที่จะเดินไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาประเทศเป็นช่องทางที่ค่อนข้างแคบ จากความเสี่ยง 2 ด้าน นั่นคือรัฐรวบอำนาจไปเสียทั้งหมดจนทำลายระบบตลาดและการแข่งขัน กับรัฐที่ไม่ทำอะไรเลยจนกลายเป็นไร้ระเบียบกติกา คำถามคือจะวางบทบาทและอำนาจของรัฐอย่างไรให้พอดี
กับ 2. Power and Progress ซึ่งในปัจจุบันทุกคนตื่นเต้นว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยมนุษย์ในด้านต่างๆ แต่ผู้เขียนหนังสือเล่มดังกล่าวชี้ว่าการพัฒนาทางเทคโนโลยีโดยลำพังไม่ใช่คำตอบ พร้อมกับยกตัวอย่างยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งเกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ ในเวลานั้นอย่างเครื่องจักรไอน้ำหรือระบบไฟฟ้า พบว่าไม่ได้ทำให้ชีวิตคนส่วนใหญ่ดีขึ้น ในช่วงแรกที่เทคโนโลยีเหล่านั้นกำเนิดขึ้นมีแต่นายทุนที่ได้ประโยชน์
แต่สิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์จากการปฏิวัติอุตสาหกรรม คือกฎกติกาว่าด้วยการรวมตัวของแรงงาน มีอำนาจต่อรอง รัฐยอมรับระบบจัดเก็บภาษีและจัดทำสวัสดิการ แล้วเมื่อกลับมาที่ยุคปัจจุบันก็จะเห็นภาพว่าคนที่ได้ประโยชน์ที่สุดจากเทคโนโลยีกลายเป็นคนหยิบมือเดียวที่ร่ำรวยมหาศาลที่สุดในโลก ซึ่งย้อนกลับไปในช่วงที่อินเตอร์เน็ตเพิ่งแพร่หลาย ผู้คนเชื่อว่าจะเป็นประชาธิปไตยและเท่าเทียมกันมากขึ้น คนตัวเล็กแข่งกับคนตัวใหญ่ได้ แต่สุดท้ายคนมีข้อมูลขนาดใหญ่หรือเป็นเจ้าของเครือข่ายก็กินรวบอยู่ดีหากไม่มีการแก้ไขกติกา
อนึ่ง ที่มีการตั้งข้อสังเกตกรณีแพลตฟอร์มไรเดอร์ส่งอาหาร ตนมองว่าเป็นตัวอย่างที่ดีว่าเหตุใดคำว่าระบบ กฎเกณฑ์ สถาบัน แรงจูงใจ จึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่างที่ผู้ถามนั้นบอกว่าไรเดอร์เองก็ไม่อยากอยู่ในภาวะอันตราย แต่คนกดสั่งอาหารเคยสนใจว่าไรเดอร์จะปลอดภัยหรือไม่ หรือสนใจแต่ว่าอาหารจะมาถึงเมื่อใด แล้วก็เป็นตัวชี้วัดที่ย้อนกลับไปยังแพลตฟอร์ม ดังนั้นหลายเรื่องถึงแม้จะพยายามมองว่าควรทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่หากมีระบบ มีกติกา มีการสร้างโครงสร้างแรงจูงใจให้ตรงกับประโยชน์ของส่วนรวม ก็จะเป็นวิธีการที่ยั่งยืนกว่า
ส่วนเรื่องระบบการเมือง แม้จะทำให้มีระบบในอุดมคติแบบเสรีประชาธิปไตย ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่เข้ามาจะเป็นคนดี – คนเก่งเสมอไป แต่ข้อดีคือระบบเสรีประชาธิปไตยหากเป็นกลไกที่ทำงานได้จริงสังคมก็จะปรับแก้ตนเองกลับมาได้ สิ่งสำคัญคือระบบตรวจสอบการใช้อำนาจ ทุกคนมาก็บอกว่าตนเองเป็นคนดีกันหมด แต่ระบบตรวจสอบที่เข้มแข็งนั้นแม้แต่คนไม่ดีก็ทำชั่วไม่ได้ เพราะทำแล้วต้องรับผิดชอบ ต้องถูกลงโทษ
ส่วนประเทศที่มีประชาธิปไตยแต่ไม่เสรี จะเห็นว่าหลายประเทศที่ถูกชี้ว่าเป็นเผด็จการผู้นำก็มาจากการเลือกตั้ง แต่ระบบไม่เสรีเสียจนทำให้เลือกอย่างไรก็จะได้แต่คนคนนั้นมาเป็นผู้นำ ดังนั้นแม้การเลือกตั้งจะสำคัญ แต่การเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวยังไม่ใช่ ต้องมีสิ่งอื่นด้วย ส่วนเรื่องระบบเศรษฐกิจ ตนอยากฝากถึงนักเศรษฐศาสตร์ด้วย เพราะโตมากับกรอบความคิดที่เชื่อในระบบทุนนิยมและการแข่งขัน เนื่องจากมีสมมติฐานโยพื้นฐานว่ามีการแข่งขันโดยเสรี และคิดว่าการผูกขาดเปรียบเสมือนเป็นข้อยกเว้นเป็นส่วนน้อย
“แต่วันนี้สิ่งที่ผมอยากจะฝากไว้ก็คือผลของเทคโนโลยีที่เข้ามาเกิดขึ้นขณะนี้ประการหนึ่งก็คือการผูกขาดอาจกลายเป็นเรื่องปกติ เพราะคนที่เข้าไปก่อน ครอบครองข้อมูลอยู่ก่อน เป็นเจ้าของเครือข่าย ยากที่จะไม่ผูกขาด ดังนั้นฝากนักเศรษฐศาสตร์ว่าเวลาวิเคราะห์ในเชิงนโยบาย กติกา บทบาทรัฐ ถ้ายังเอากรอบความคิดว่ามันแข่งขันเสรี อย่าทำอย่างนั้น – ต้องทำอย่างนี้ เราจะได้คำตอบที่ผิด” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี