แม่ทัพ2ลั่น‘ตาเมือนธม’ของไทย

ทหารถอยไม่ได้

กำชับกำลังพลอย่าประมาท

พร้อมจะเกิดอะไรได้ตลอด

‘อ้วน’โวคุยผู้นำเขมรตลอด

รอถก‘เจบีซี’-ไม่เผชิญหน้า

“ภูมิธรรม” ชี้สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร คลี่คลาย รอกก.เจบีซีหาทางออกสันติ ยันคุยผู้นำกัมพูชาตลอด ย้ำไทยยึดหลักการไม่เผชิญหน้า ด้านแม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่ให้กำลังใจทหาร ย้ำถอยไม่ได้ เตือนทหารดูแลปราสาทตาเมือนธมให้ดี อย่าประมาท พร้อมจะเกิดอะไรได้ทุกเวลา แต่ขอให้เชื่อมั่นว่าทำถูกแล้ว อะไรที่อนุโลมไม่ได้คือต้องไม่ได้ ยันปราสาทตาเมือนธมอยู่ในเขตประเทศไทย ต้องรักษา

เมื่อวันที่ 1มิถุนายนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศสิงคโปร์ถึงสถานการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาว่าสถานการณ์ขณะนี้คลี่คลายลงทั้งสองฝ่ายต่างยึดมั่นในการที่จะไม่ก่อให้เกิดการเผชิญหน้า และรอให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ได้หารือกัน ซึ่งขณะนี้ได้นัดหมายกันแล้ว เข้าใจว่าสัปดาห์หน้าจะเกิดการประชุมได้ ทางฝ่ายไทยได้พูดคุยกันวันนี้ ซึ่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดจะไปร่วมพูดคุยทั้งหมดด้วย โดยได้ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพบก และกองทัพไทยอย่างต่อเนื่อง

ย้ำไทยยึดหลักไม่เผชิญหน้าแก้ช่องบก

“คงยังไม่น่าเป็นห่วงอะไร แต่ก็ขอให้พูดคุยกันก่อน ซึ่งไทยยึดหลักการจะไม่เผชิญหน้า และพยายามจะหาข้อสรุปอย่างสันติ และเป็นประเทศเพื่อนบ้านซึ่งกันและกัน”นายภูมิธรรมกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะพูดคุยกับกัมพูชาในระดับรัฐมนตรีหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง และโอกาสการพบกันก็มีอยู่อย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งเรามีวงประชุมหลายๆ เรื่องที่เป็นเรื่องของการรักษาความสงบ รักษาสันติภาพในในบริเวณนี้อยู่แล้ว

มทภ.2ย้ำทหารไทยถอยไม่ได้!

วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊คของ “วาสนา นาน่วม” ผู้สื่อข่าวสายทหารชื่อดัง โพสต์ข้อความระบุว่า ถอยไม่ได้! แม่ทัพภาค2 เตือนทหารไทย ดูแลปราสาทตาเมือนธม อย่าได้ประมาทพร้อมจะเกิดอะไร ได้ทุกเวลาแต่ขอให้เชื่อมั่นว่า เราทำถูกแล้ว อะไรที่อนุโลมไม่ได้ ก็คือต้องไม่ได้ เยี่ยมให้กำลังใจ ตรวจฐานยันปราสาทนี้ อยู่ในเขตประเทศไทยมาตั้งแต่มีประเทศไทย เป็นที่มั่น ที่เราต้องรักษา ถอยไม่ได้

พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ กำลังพลกองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำฐานปฏิบัติการ ปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พร้อมมอบสิ่งของ ข้าวสาร อาหารแห้ง และให้โอวาทแก่กำลังพล โดยมี พลตรีสมภพ ภาระเวช ผบ.กกล.สุรนารี ร่วมภารกิจ

ยัน“ตาเมือนธม”ของไทยต้องรักษาดูแล

แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวขอบคุณ และเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของทหารทุกนายว่า จะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดียิ่ง ที่ผ่านมาหลายเหตุการณ์สามารถแก้ปัญหาได้ดีและทำได้อย่างถูกต้องแล้ว อะไรที่ปฏิบัติไม่ได้ การแสดงออกที่ไม่เหมาะสม ผู้เห็นต่าง จะมาทำตรงนี้ ไม่ได้ นี่เป็นพื้นที่ความมั่นคง พร้อมกำชับ อะไรที่อนุโลมไม่ได้ก็คือ ต้องไม่ได้ พวกเราทำถูกต้องแล้ว ยืนยันว่า ปราสาทนี้ อยู่ในเขตประเทศไทย มาตั้งแต่มีประเทศไทย บรรพบุรุษเรารักษาปกป้องมา เราเป็นคนรุ่นใหม่ ต้องตระหนัก และรักษาดูแล และเป็นที่มั่นที่เราต้องรักษาถอยไม่ได้ และขอให้ทหารทุกนาย ตระหนักเสมอว่าระดับผู้บัญชาการทุกระดับชั้น ทั้ง ผบ.ทบ.จนถึงระดับ ผู้การผู้พัน คอยให้กำลังใจอยู่เสมอ ที่ผ่านมา ผบ.ร้อย ผู้หมวด ทำหน้าที่ ได้ดีและถูกต้อง

“อย่าได้ประมาท พร้อมจะเกิดอะไรได้ทุกเวลา ต้องมีแผนเผชิญเหตุ ไม่ว่ากลางวันกลางคืน และขอให้ติดตามข่าวสาร อยู่ตลอดเวลา” แม่ทัพภาค2 กล่าวกับทหาร ที่ปราสาทตาเมือนธม

ไม่บังเอิญไทยปะทะเขมรมีการยั่วยุมาตลอด

มีความเห็นจากนายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีทหารไทยปะทะทหารกัมพูชาที่ “ช่องบก” จ.อุบลราชธานี ระบุว่า ไม่บังเอิญแน่นอน เหตุปะทะกันระหว่างทหารทั้งสองฝ่าย ไม่อยากให้เกิด แต่ไม่บังเอิญแน่นอนมีการเตรียมการลักลอบขุดคูเลตในไทย มีการยั่วยุตลอดแนวมาเป็นระยะๆ ไม่ใช่เรื่องชั้นผู้น้อยกระทบกระทั่งกันปากนักการเมืองเชื่อไม่ได้ ผู้ใหญ่คุยกันรู้เรื่อง นายพลเดอโกล ฝรั่งเศส เคยกล่าวไว้การเมืองระหว่างประเทศไม่มีมิตรมีแต่ผลประโยชน์ของประเทศ พยายามมาโดยตลอดเพื่อยึดหลักเขต

เอาไปทำไม เกาะกูด น้ำมันอ่าวไทยจำชื่อกันไว้ให้ดี ใครทำให้ไทยเสียดินแดน ด่านปิดได้ เพื่อความปลอดภัยของคนไทยแต่อย่าปิดด่านหนาแน่นมากนะ เปิดช่องให้หมาลอดได้บ้าง

ทหารป่ายันช่องบกอยู่ในเขตไทยชัดเจน

นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ถึงเวลาเปิดเผยวีรกรรมของทหารป่า(ผกค.ไทย) เขตงานอีสานใต้(เขต 11) เมื่อประมาณปีพ.ศ.2522 ได้สู้รบกับทหารเวียดนามที่บริเวณช่องบก เวียดนามบุกจะยึดไทย ผกค.ไทยจึงหยุดทำศึกกับทหารไทย แล้วช่วยต่อต้านทหารเวียดนาม เพื่อปกป้องมาตุภูมิไทย วีรกรรมครั้งนั้น ทางการรัฐไทยไม่เคยเปิดเผยความจริงเรื่องนี้ให้คนไทยทั่วไปได้รับรู้

นายวีระได้รับการถ่ายทอดความจริงดังกล่าวจากสหายทิว(นายคงเจตน์ พร้อมนำพล) หรือพี่อ๊อด (ปัจจุบันอายุ 72 ปี) เพื่อนรุ่นพี่ที่เคยทำกิจกรรมทางการเมือง(พรรคสัจจะธรรม)ด้วยกันเมื่อครั้งเรียนรามคำแหงในปี 2519 สหายทิวเป็นทหารป่าผู้หนึ่งซึ่งร่วมต่อสู้กับทหารเวียดนามในครั้งนั้น ที่สำคัญสหายทิวในปัจจุบันได้ออกมายืนยันว่าบริเวณช่องบกที่กำลังมีปัญหาเขตแดนกับเขมรนั้น อยู่ในเขตแดนไทยอย่างชัดเจน สหายทิวได้เล่าให้ฟังว่าระหว่างช่วงปี 2520 - 2522 ที่ทำการปฏิวัติเพื่อปลดแอกอยู่ที่เขตงานที่ 11 บริเวณช่องบกและสามเหลี่ยมมรกต มีแต่ ผกค. ไทยเท่านั้น ที่อยู่บริเวณดังกล่าว ไม่มีทั้งคนลาวและคนเขมร ชัดเจนนะ ว่าบริเวณสามเหลี่ยมมรกต และช่องบกเป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตแดนไทย อยู่ในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งมีหลักฐานปรากฏตามสนธิสัญญาไทยกับฝรั่งเศส ปี ค.ศ.1904 - 1907(พ.ศ. 2447 - 2450) ซึ่งรัชกาลที่ 5 ได้ทำกับฝรั่งเศส ซึ่งสนธิสัญญาดังกล่าวนี้ได้ระบุเขตแดนระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเอาไว้อย่างชัดเจน มีทั้งพิกัด และระวางแผนที่ ภายหลังจากฝรั่งเศสให้เอกราชแก่เขมรในปี พ.ศ. 2496 เขมรจึงได้ใช้ประโยชน์จากสนธิสัญญาดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบันนี้

“ชัดเจนนะเขมรไม่มีหลักฐานการครอบครองพื้นที่ดังกล่าวมาก่อน พื้นที่ที่กำลังเป็นกรณีพิพาทเป็นแผ่นดินไทยมาอย่างช้านาน หลักฐานยืนยันคือเขมรตกเป็นประเทศราช(เมืองขึ้น)ของไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2318 ภายหลังการล่มสลายของอาณาจักรพระนคร เขมรเป็นเมืองขึ้นของสยามมาตั้งแต่สมัยอยุธยามาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ในสมัยกรุงธนบุรีตอนต้น เขมรเคยลี้ภัยมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารสยาม แม้ว่าจะมีบางช่วงที่เขมรแสดงความกระด้างกระเดื่อง แต่โดยโดยรวมแล้วเขมรยังคงเป็นเมืองขึ้นของไทย ในสมัยรัชกาลที่ 3 มีสงครามอานามสยามยุทธ ทำให้เขมรกลายเป็นรัฐอารักขาระหว่างสยามและญวนก่อนที่จะตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสนี่คือความจริงที่เขมรต้องสำเนียก” นายวีระกล่าว