ซัดเขมรรุกล้ำพื้นที่‘โนแมนแลนด์’200เมตร
ไทยเตรียมปิดด่าน
‘อ้วน’ฮึ่มเจรจาเหลวสั่งปิดทันที
เขมรลุยศาลโลก-เลิกเจรจาไทย
รบ.แถลงไม่รับอำนาจศาลโลก
ขอใช้เวที‘เจบีซี’แก้ข้อพิพาท
กัมพูชาปิดประตูเจรจา! ออกแถลงการณ์ไม่ร่วมประชุม JBC เดินหน้าส่ง 4 พื้นที่พิพาทสู่ศาลโลก ด้าน “บิ๊กอ้วน” ลั่นประชุมเจบีซี 14 มิถุนายน ยังเหมือนเดิม คุยเฉพาะพื้นที่ช่องบก กร้าวถ้าจำเป็นก็ต้องยกระดับ หากเจรจาไม่เป็นผลพร้อมปิดด่าน ชี้หากต้องประกาศกฎอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที ลั่นอย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นโจมตีการเมือง รับเขมรล้ำพื้นที่โนแมนแลนด์ ผิดข้อตกลงเจบีซี ยันไทยมีหลักฐานทำหนังสือประท้วงตลอด ขณะที่คปท.บุกจี้กลาโหมใช้กลไกสมช.แก้ปมพิพาทชายแดน และเปิดทางให้กองทัพตัดสินใจปมพิพาทเอง
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน น.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวชื่อดังสายทหารโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า สถานการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่คลี่คลาย เมื่อล่าสุดพลเอก ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกแถลงการณ์ย้ำจุดยืนชัดเจนว่า รัฐบาลของเขาจะไม่เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน ที่กรุงพนมเปญ พร้อมประกาศขอใช้ช่องทางทางกฎหมายระหว่างประเทศโดยการยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) แทนการเจรจาทวิภาคีกับไทย โดยยืนยันจะนำปัญหากรรมสิทธิ์ในพื้นที่ 4 จุดคือ ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ให้ศาลโลกพิพากษาชี้ขาด
ทั้งนี้ ท่าทีของนายกฯฮุน มาเนตสอดคล้องกับแนวทางของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา อดีตนายกฯผู้เป็นบิดา ซึ่งยังคงมีอิทธิพลทางการเมืองสูง โดยระบุชัดว่า กัมพูชาจะไม่ประนีประนอมในพื้นที่พิพาทสำคัญๆ อาทิ ช่องบกในเขตชายแดนอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ไปจนถึงกลุ่มปราสาทโบราณสำคัญ ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ซึ่งทอดยาวตามแนวชายแดนกว่า 200 กิโลเมตร
ทร.เขมรโชว์ศักยภาพซ้อมยิงกระสุนจริง
รายงานข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลเปิดเผยว่า พล.ร.ท.เตียโซะคา ผู้บัญชาการทหารเรือกัมพูชา (ผบ.ทร.กพช.) ได้โพสต์ข้อมูลแจ้งการฝึกทางทะเล โดยซ้อมยิงกระสุนจริงระหว่างวันที่ 11 -13 มิถุนายน บริเวณเกาะปูลูไว เกาะตัง ในพื้นที่เกาะพระสีหนุ ประกาศของกองทัพเรือกัมพูชาลงวันที่ 3 มิถุนายน จึงขอให้ประชาชน และชาวประมงระมัดระวัง อย่าตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเสียงปืนและคลื่นแรง รวมทั้งให้เลี่ยงเส้นทางเดินเรือ หรือตกปลาบริเวณดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การฝึกครั้งคาดว่ามีเรือรบจีนร่วมด้วย โดยจำลองเหตุการณ์ผู้รุกล้ำน่านน้ำกัมพูชา เพื่อให้เป็นไปตามแผนยุทธการทางเรือน่าสังเกตว่ากองทัพเรือกัมพูชางดฝึกยิงด้วยการยิงกระสุนจริง 2 ปีแล้ว คาดว่าการฝึกครั้งนี้เป็นแผนที่วางไว้ต่อเนื่องจากการฝึกโกลเด้นดราก้อน ซึ่งปัจจุบันเรือรบจีน 2 ลำ ขอจอดที่ฐานทัพเรือเรียมมีการออกไปฝึกทางทะเลของกัมพูชามาตลอดการฝึกครั้งนี้เป็นการแสดงกำลังและความพร้อมของกองทัพเรือกัมพูชา เพื่อสนับสนุนรัฐบาลกัมพูชาที่เรียกร้องให้ทุกฝ่ายออกมาแสดงความรักชาติ อีกทั้งแสดงให้เห็นว่า กองทัพเรือกัมพูชาพร้อมและพัฒนาขีดความสามารถทางทะเล
“บิ๊กอ้วน”โต้วางทุนระเบิดภาพเก่า
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานีว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลปัจจุบันผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่มากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุนระเบิดเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน
ฉะฝ่ายค้านโพสต์ข้อมูลเท็จว่อนโซเชียล
ส่วนแนวคิดปิดด่านของแม่ทัพภาคที่สอง หมายความว่าหากเจรจา JBC ไม่สำเร็จการปิดด่านคือมาตรการต่อไป เป็นการเสนอตามลำดับขั้นตอน นอกจากนี้ยังมีถึงกรรมการบริหารและโฆษกพรรคการเมืองบางพรรคเอาข้อความไปโพสต์ทางกลุ่มไลน์ ซึ่งไม่เป็นผลดี เพราะการให้ข้อมูลที่เป็นเท็จมีผล เป็นถึงกรรมการบริหารพรรคต้องระวัง ตนมองว่าพรรคฝ่ายค้านต้องมีสติ เพราะวันนี้เราต้องการความร่วมมือกัน สามารถเสนอแนะได้ แต่ไม่ใช่เอาข้อมูลเท็จไปร่อนอยู่ในโซเชียลมีเดีย
เตือนระวังข่าวปลอมบั่นทอนรบ.
นายภูมิธรรมยังกล่าวด้วยว่า ตนสั่งการสมช.ในฐานะฝ่ายนโยบายต้องประชุมกันตลอดช่วงนี้ เพื่อให้ฝ่ายนโยบายกับฝ่ายปฏิบัติการสอดคล้องกัน และหากมีการปิดด่านสมช.ก็ต้องเป็นผู้พิจารณาโดยตรง แต่หากมีการประกาศกฎอัยการศึก อำนาจอยู่ที่แม่ทัพภาคที่สอง ยืนยันว่าเราทำงานอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่ว่าไม่แสดงอะไรออกมาหรือไม่ทำงาน แม้วันนี้จะออกมาถล่มรมว.กลาโหมอย่างไรก็ไม่เป็นไร แต่อย่าทำให้ประเทศชาติเกิดผลกระทบ เรื่องนั้นสำคัญที่สุด และเชื่อว่าทุกคนรักประเทศ ขอให้ระวังเรื่องข่าวปลอม เพราะออกมาแต่ละครั้งบั่นทอนรัฐบาล และก็เชื่อกันไปว่าเป็นอย่างนั้น มาซักมาถามบางทีเราก็ยังตอบไม่ได้ ถ้าตนปฏิเสธไปเรื่อย ก็ยืนอยู่บนจุดที่ไม่อยู่กับความเป็นจริง แต่เมื่อวานลงพื้นที่ไปแล้วก็มาถามได้
รับเขมรล้ำโนแมนแลนด์ละเมิดJBC
ผู้สื่อข่าวถามถึงการรุกล้ำเขตแดนในพื้นที่อ้างสิทธิ์ 200 เมตร นายภูมิธรรมกล่าวว่า อยู่ระหว่างใช้กลไกJBC จัดการซึ่งปัญหาอยู่ในพื้นที่การกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดทับซ้อนกันอยู่ ซึ่งเราก็กำหนดเป็นโนแมนแลนด์ ยอมรับว่ามีการล้ำเข้ามาในจุดดังกล่าว แต่ไม่ใช่เกินเข้ามาในเขตแดน ซึ่งละเมิดข้อตกลง JBC ข้อ5 ตนเชื่อว่ากลไก JBC แก้ปัญหาได้ แต่ถ้าเขาไม่ยอมรับก็เป็นปัญหา ก่อนย้ำว่าการที่กัมพูชาเข้ามาในพื้นที่โนแมนแลนด์ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงแต่ยังไม่ใช่เป็นการบุกแผ่นดินไทย เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นปัญหาชายแดนที่ยังถกเถียงกันไม่จบ ย้ำว่าใช้กลไกสันติวิธีระหว่างประเทศ ผ่านการเจรจาแก้ปัญหา แต่ไม่ใช่เป็นการยอมแต่อย่างไร
“ข่าวที่ออกมา สร้างความแตกแยกภายใน ผมไม่ว่าถ้าจะเอาชนะทางการเมือง และมาบ่อนทำลายเครดิตของผม แต่เรื่องประเทศชาติ ไม่ควรเอาเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ เอามาใช้เป็นประโยชน์ทางการเมือง หรือสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้น”นายภูมิธรรมกล่าว
ยันมีหลักฐานไทยประท้วงทุกครั้ง
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนสั่งกองทัพบกเตรียมความพร้อม ตั้งแต่ที่กัมพูชาเผาศาลาตรีมุข จึงให้ความมั่นใจได้ว่า หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกองทัพพร้อม แต่หากมีการละเมิดข้อตกลงก็ต้องไปเจรจาในJBC ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน ที่กรุงพนมเปญ และทางการไทยประชุมเตรียมความพร้อมตั้งแต่ตนอยู่สิงคโปร์ และยืนยันความพร้อมทั้งหมด เตรียมการเป็นอย่างดีไม่ต้องห่วง โดยเฉพาะมีหลักฐานของการยื่นประท้วงของกองกำลังสุรนารีทุกครั้ง ทุกอย่างที่มีการประท้วงไปแสดงว่าเราไม่ได้ยอมรับในการเจรจา หลายอย่างตนยังไม่อยากพูด เพราะไม่ใช่เวทีที่จะพูดกันกลางอากาศ ไม่อยากให้เขารู้ว่าเราเตรียมอะไร ส่วนหากเจรจายังไม่สำเร็จก็ต้องคิดว่าจะใช้มาตรการอย่างไรต่อไป
ตั้งอนุกก.ดูแลปมชายแดนไทย-เขมร
ผู้สื่อข่าวถามว่าระหว่างรอเจรจาทุกฝ่ายต้องหยุดเคลื่อนไหวใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นสิ่งที่ควรจะเป็น แต่เราห้ามแต่ละฝ่ายไม่ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น เราจะประท้วง ย้ำว่าการใช้วิธีเจรจา ไม่ได้หมายความว่าเราจะยอมศิโรราบ ทั้งนี้ ตนให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ประชุมวงเล็ก แล้วเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน และกำลังจะตั้งอนุกรรมการขึ้นดูแลปัญหาชายแดนไทย-เขมร โดยตนลงนามแต่งตั้งวันนี้ ฉะนั้นไม่ต้องห่วง เพราะเราคาดไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เมื่อถามว่า ที่เกิดเหตุแบบนี้จะสามารถใช้ความสัมพันธ์พิเศษนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และฮุนเซ็น ทำให้ปัญหายุติลงได้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ฝ่ายปฏิบัติการยังทำเต็มที่ เรื่องที่นายทักษิณจะคุยเพื่อช่วยประเทศอย่างไร ซึ่งท่านคุยหรือไม่ตนไม่ทราบ
ย้ำคุยปมช่องบกเท่านั้น-สื่ออย่าหลงประเด็น
ถามย้ำว่า การประชุมJBC จะคุยเฉพาะปัญหาพื้นที่ช่องบกอย่างเดียว ไม่รวมถึงเกาะกูดและพื้นที่อ้างสิทธิ์อื่นด้วยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เวลาเกิดเหตุการณ์ ยิ่งคุยกว้างยิ่งจบยาก หากปัญหาเกิดตรงนี้ เราก็ต้องโฟกัสตรงนี้ เขาต้องการขยายกว้าง แต่เราคุยแคบ หากเราไปตามเขา เท่ากับเปิดประเด็นทั้งหมดที่เป็นปัญหา ถ้าเขาร้อนเราก็ต้องเย็น สื่ออย่าไปหลงประเด็นเขา เพราะตอนนี้ที่เขาบอกว่าจะขึ้นศาลโลก เขาพูดฝ่ายเดียวก็ไม่มีผลอะไร แต่ถ้าเราไปบอกว่าโอเคหรือไม่จะเป็นประเด็น ดังนั้นเราต้องอยู่ตรงนี้
“ถ้าเขานำเรื่องขึ้นศาลโลก ต้องได้รับการยอมรับจากเรา เรายืนยันว่าจะให้จบที่การประชุมเจบีซี ที่เราทำขณะนี้ เราใช้สติดูว่าแค่ไหนอย่างไรจึงจะเหมาสมตอนนี้เราเตรียมพร้อมตลอดแนวชายแดน โฟกัสจุดที่เป็นปัญหา”นายภูมิธรรมกล่าว
ลั่นถกเจบีซี14มิย.ยังเหมือนเดิม
และว่า ส่วนกรณีกัมพูชาออกแถลงการณ์ไม่เข้าร่วมประชุมJBCวันที่ 14 มิถุนายนนั้น เวลาอ่านแถลงการณ์ต้องอ่านให้ครบถ้วน แถลงการณ์ระบุว่า 4 พื้นที่พิพาทจะไม่นำเข้ามาประชุมใน JBC ซึ่งไม่มีประเด็นที่จะพูดคุยเรื่องนี้อยู่แล้ว ตนพูดชัดเจนแล้วว่า จะไม่เอาเรื่องอื่นมาคุย จะคุยแค่เรื่องพื้นที่นี้อย่างเดียว ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เราจะคุยเฉพาะจุดที่เป็นปัญหา ส่วนที่กัมพูชาจะเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเข้าศาลโลกก็เป็นเรื่องของกัมพูชา เราไม่สามารถไปห้ามเขาได้ อยากทำอะไรก็ทำ ยืนยันว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิถุนายนยังคงเหมือนเดิม ยืนยันไม่มีปัญหาอะไร เรายังยึดมั่นในกรอบของเรา ศาลโลกไม่มีอำนาจบังคับเรา
ถ้าจำเป็นก็ต้องยกระดับมาตรการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่าทีของกัมพูชา ต้องการนำเรื่อง 4 พื้นที่พิพาท ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ขึ้นศาลโลกเท่านั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ไม่มีอะไรหนักหนา แต่ละคนต่างตรึงกำลังและทำหน้าที่ รอว่าสถานการณ์จะจบอย่างไร แต่หากสถานการณ์ไม่จบดี จะทำให้เกิดความตึงเครียด ต้องมีมาตรการต่อไป เราเตรียมมาตรการได้แล้ว ขอให้มั่นใจในสิ่งที่ทำอยู่ และระหว่างกลไก JBC ก็พูดคุยตลอดเวลา หากประเมินว่าต้องเพิ่มมาตรการก็จะเพิ่มโดยจะประเมินในการประชุมร่วมฝ่ายความมั่นคง 6 มิถุนายน
นายภูมิธรรมเปิดเผยด้วยว่า ได้คุยกับพล.อ.เตียเซ็ย ฮา รองนายกฯและรมว.กลาโหมกัมพูชา และยืนยันจุดยืนเรา ขอร้องให้ฝ่ายทหารทบทวน สถานการณ์แบบนี้คนที่อยู่ฝ่ายแนวหน้าและกองบัญชาการทั้งหลายมีพูดคุยกันว่า จะใช้มาตรการอะไร ได้ประโยชน์หรือไม่
“ได้คุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ว่า หากมีอะไรกลไกที่ดำเนินการได้ และผลเป็นอย่างไร ให้สรุปรายงานมา ขณะนี้ทุกคนทำหน้าที่ตามกลไกที่มีอยู่ และกระทรวงการต่างประเทศก็กำลังประชุมอยู่ว่า สถานการณ์ที่ออกมาขณะนี้เราควรมีท่าทีอย่างไร ซึ่งตนได้คุยกับปลัดกระทรวงการต่างประเทศแล้ว”นายภูมิธรรมกล่าว
ถามว่า ได้รับรายงานการซ้อมรบของกองทัพเรือกัมพูชา บริเวณชายแดนเกาะกูด จ.ตราด หรือยัง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน แต่เมื่อไม่นานมานี้กองทัพเรือไทยฝึกซ้อมใกล้เกาะกูดเช่นกัน
เรียกถก”สมช.”กำหนดมาตรการตอบโต้
ด้านนายธิติวัฐอดิศรพันธ์กุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองเปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม เรียกประชุมสมช.ด่วน วันที่ 6 มิถุนายน เวลา 10.00 น. เพื่อสรุปมาตรการตอบโต้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน โดยย้ำว่าจุดยืนรัฐบาลและกองทัพพร้อมปกป้องอำนาจอธิปไตยและดินแดนของไทยอย่างเต็มที่ ผู้ใดจะละเมิดมิได้
‘สมช.’ตั้งกก.เฉพาะกิจถกนัดแรก6มิย.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีกัมพูชาออกแถลงการณ์ไม่ร่วมเจรจา JBC วันที่ 14 มิถุนายน โดยจะมีการยื่นเรื่องฟ้องศาลโลก สมช.ประชุมประเมินสถานการณ์ โดยตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อติดตามและประสานการปฎิบัติการแก้ไขสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อติดตามการปฎิบัติงาน ระหว่างฝ่ายนโยบายและฝ่ายปฏิบัติ โดยมีนายฉัตรชัย บางชวด เลขา สมช. เป็นประธานกรรมการชุดดังกล่าว ซึ่งจะเริ่มประชุมนัดแรกวันที่ 6 มิถุนายน และจะสรุปข้อมูลส่งนายภูมิธรรม เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนอีกครั้ง
คปท.จี้กห.ใช้สมช.แก้ปมชายแดน
วันเดียวกัน กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. เดินทางไปกระทรวงกลาโหมแสดงจุดยืนเรียกร้องให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เร่งแก้ปัญหาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเสนอให้ใช้กลไกสมช. มีบทบาทขับเคลื่อนแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาให้มากกว่านี้ พร้อมย้ำจะจับตาการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซีไทยกัมพูชาที่กรุงพนมเปญ 14 มิถุนายนนี้ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ช่องบกจังหวัดอุบลราชธานี และเห็นว่าไทยต้องมีจุดยืนชัดเจน ก่อนไปเจรจากัมพูชา
แนะเปิดทางกองทัพตัดสินใจแก้ปัญหา
คปท.ยังเรียกร้องให้รมว.กลาโหมให้อำนาจกองทัพตัดสินใจในพื้นที่ชายแดนมากกว่านี้ ซึ่งที่ผ่านมากองทัพเสนอมาตรการแก้ปัญหาชายแดนจากเบาไปหาหนัก เช่นข้อเสนอปิดการชายแดน แต่ไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควรไทยเป็นประเทศเข้มแข็งทางกองทัพมากกว่ากัมพูชา แต่ที่ผ่านมาฝ่ายการเมือง เป็นผู้ชักนำ และกองทัพก็ให้เกียรติฝ่ายการเมือง ดังนั้นวันนี้ถึงเวลาที่ฝ่ายการเมืองต้องให้เกียรติกองทัพตัดสินใจ เชื่อว่าแผนที่กองทัพเสนอรัฐบาลมีหลายข้อแต่ถูกปฏิเสธไป และมองว่าหลังประชุม JBC วันที่ 14 มิถุนายน อาจเกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้นได้ ดังนั้นต้องเรียกร้องให้รมว.กลาโหมใช้กลไกสมช.แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ให้มากที่สุดจากนั้น คปท.เคลื่อนขบวนไปแสดงจุดยืนที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก เพื่อให้กำลังใจพลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ดูแลสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร
นายกฯถกกต.แถลงยึดสันติวิธี
เวลา 15.00 น. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ พร้อม นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบนายกฯเพื่อหารือถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากนั้น นายกฯโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กและทวิตผ่าน X ว่า จากกรณีรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ตนได้หารือกับรมว.ต่างประเทศ และ
นายภูมิธรรม ซึ่งโทรศัพท์รายงานการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด รัฐบาลไทยขอยืนยันหลักการแก้ปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน
ลั่นไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก
กรณีกัมพูชาประสงค์เสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่าประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ไทยยังยึดมั่นกลไกหารือทวิภาคี ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ
ยันใช้กลไกทวิภาคีแก้จุดที่ขัดแย้งเท่านั้น
จากนั้นรัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสรุปว่า ตั้งแต่เกิดเหตุปะทะบริเวณช่องบกเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงใช้กลไกทวิภาคีแก้ปัญหา ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) บนพื้นฐานความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งเป็นผลจากการหารือระหว่าง ผบ.ทบ.ของทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ตามที่กัมพูชาแสดงความตั้งใจใช้กลไกศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ไทยไม่ได้ประกาศยอมรับเขตอำนาจของ ICJ ตั้งแต่ปี 2503 ถึงปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายมีกลไกทวิภาคีจัดการประเด็นชายแดนอยู่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ตกลงกันตั้งแต่แรก สิ่งสำคัญคือ ทั้งสองฝ่ายต้องแก้ปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ซึ่งจะสร้างความซับซ้อนมากขึ้น
ยันไทยพร้อมถกJBCกับเขมร14มิ.ย.
“ไทยไม่ต้องการเห็นฝ่ายใดได้รับความสูญเสีย ไทยและกัมพูชามีกลไกเขตแดนอยู่แล้ว โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ช่วง 26 ปีที่ผ่านมาคืบหน้าหลายพื้นที่อย่างเห็นได้ชัด เช่น กรณีสะพานมิตรภาพไทย – กัมพูชา และการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จ.จันทบุรี ไทยพร้อมเข้าร่วมประชุม JBC วันที่ 14 มิถุนายน และหวังว่า ฝ่ายกัมพูชาจะแสดงความปรารถนาเช่นเดียวกัน ในการร่วมมือกับไทยในลักษณะสะท้อนเจตนารมณ์ร่วมกันของเราในสันติภาพ เสถียรภาพ และการเคารพ ซึ่งกันและกัน”แถลงการณ์รัฐบาลระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี