'เอกนัฏ'ชี้พิรุธเอกสาร 21 สส. ลงชื่อเสนอนายกฯ ปรับ ครม. เป็นเอกสารเถื่อน หลัง สส. ทยอยปฏิเสธ ขอสื่อช่วยหาข้อเท็จจริงใครอยู่เบื้องหลัง โยนถาม'สุชาติ'มีชื่อร่วมเซ็น ยันพรรคมีข้อบังคับ หากใครทำผิดอาจหมดสมาชิกภาพ ไม่ต้องขับออก
เมื่อเวลา 10.40 น. วันีท่ 10 มิ.ย.2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีเอกสารมีลายเซ็น 21 สส. ของพรรครวมไทยสร้างชาติ และจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้ปรับคณะรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค ว่า ในข้อเท็จจริงของการทำงาน ตน และนายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รู้ดีว่าต้องเจอกับอะไร ในภารกิจของกระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม ฃ
เมื่อวานนี้ตนก็ไปจับล้อยางเถื่อน มูลค่า 20,000 กว่าล้านบาท การปิดโรงเหล็กที่ไม่ได้คุณภาพ ยกเลิกเตา IF ตนก็รู้ว่าต้องเจอกับอะไร เราก็ต้องมุ่งมั่นในภารกิจที่ทำ และขอตั้งข้อสังเกตเรื่องของเอกสารว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ และไม่ทราบว่ามีการยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งมีหลายปมพิรุธ และ สส.หลายคนออกมาปฏิเสธ อย่างน้อย สส. 3 คนของ จ.ชุมพร ก็บอกว่าไม่ได้เข้าร่วม ซึ่งไปลงพื้นที่ก็ถูกชาวบ้านด่า จึงต้องรีบออกมาชี้แจง
นอกจากนี้ เนื้อความในเอกสารก็เขียนว่ารัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีความรู้ ไม่มีความสามารถ และลงชื่อโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ซึ่งนายสุชาติ ก็เป็นรัฐมนตรีของพรรคเช่นกัน ตนไม่ทราบว่าท่านได้ลงนามหรือไม่ หากลงนามจริงก็เท่ากับเป็นการว่าตัวเอง ก็ต้องไปถามนายสุชาติ ว่าเป็นอย่างไร
ขณะเดียวกันหลายลายเซ็น มีคนส่งมาให้ตนได้ดู ก็ไม่ตรงกับที่ใช้ในเอกสารราชการ และตนก็จำลายเซ็น สส. คนอื่นได้ว่าไม่ตรงกับตอนที่มาสมัครสมาชิกพรรค บางชื่อเซ็นแค่ตัวอักษรย่อ หรือแค่ตัวนำของชื่อจริง มันก็ผิดวิสัยเอกสารสำคัญ และตนยังไม่เห็นเอกสารตัวจริง ดูจากไฟล์รูปยังแตกเลย จึงไม่รู้ว่าเอาลายเซ็นที่เคยเซ็นมาประกอบร่างในเอกสารแนบหรือไม่ แล้วตัวเอกสารก็มีความผิดปกติ ไม่มีความต่อเนื่อง เพราะเอกสารสำคัญต้องมีหน้าที่ 1 หน้าที่ 2 และต่อหน้าที่ 3 หรือการเซ็นรับรองต้องอยู่ในตัวเนื้อความ แต่นี่แยกออกมา ซึ่งตนได้ตั้งข้อสังเกตหลายเรื่อง แต่เรื่องในพรรคก็เป็นเรื่องในพรรค ตนต้องไปจัดการอีกที ไม่เกี่ยวอะไรกับเสถียรภาพหรือความเป็นอยู่ของรัฐบาล โดยได้มีการพูดคุยกับนายพีระพันธ์ุแล้ว
เมื่อถามว่า จะมีการเรียกประชุมพรรคด่วนหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตอนนี้ตนให้โอกาส และขอสื่อสารทางสื่อมวลชนว่าต้องทำให้โปร่งใส ถ้าใครมีรายชื่อปรากฏในเอกสาร โดยไม่ได้มีเจตนากดดันนายกรัฐมนตรี ไม่มีเจตนาด่ารัฐมนตรีของพรรคว่าขาดความรู้ความสามารถ ไม่มีจริยธรรม และขอให้ปลดออกจากตำแหน่งทั้งหมด ท่านก็ต้องออกมาพูด
เมื่อถามว่า ต้องเรียกคุยทั้ง 21 คนที่มีรายชื่อหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็คุยทีละคนอยู่แล้ว คุยตั้งแต่ตอนที่มีภาพปรากฏไปกินข้าว แต่ก็มีการปั่นข่าวว่าเป็นภาพที่มาร่วมคุยกันเพื่อจะย้ายพรรค จากนั้น สส.ในภาพ ก็ชี้แจงทันทีว่าไม่เป็นไปตามข่าว ก็เหมือนกับครั้งนี้ ที่ประกาศว่าไม่เป็นความจริง จึงขอตั้งข้อสังเกตและเชิญสื่อมวลชนหาเบื้องหลังของเอกสารฉบับนี้ เพราะใน 21 คน ตอนนี้ก็ออกมาปฏิเสธ ไม่ต่ำกว่า 3-4 คน นี่มันเอกสารเถื่อนแล้ว
เมื่อถามย้ำว่า เรื่องนี้ใครเป็นคนทำ นายเอกนัฏ ระบุว่า ยังไม่ทราบว่าคนที่ไปรวบรวมรายชื่อนี้เป็นใคร แต่ตั้งข้อสันนิษฐานว่า การทำงานของตน และนายพีระพันธ์ุ ไปสร้างศัตรูไว้จำนวนมาก ซึ่งตนก็เคยประกาศกลางสภาผู้แทนราษฎรแล้วว่า มีการลงขันหลายร้อยล้านบาทจัดการตน อย่างที่ตนได้ไปปิดโรงงานต่างๆ เขาลงทุนฆ่าตน ย้ายตน ดีกว่าลงทุนปรับปรุงคุณภาพของโรงงานตนเองดีกว่า เพราะฉะนั้นภารกิจสำคัญของเขาคือ เอาตนออกจากตำแหน่ง แต่ถ้าจะลงทุนก็เชิญเลย
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าว สส. อยากให้ขับออกจากพรรค จะได้ย้ายไปอยู่พรรคใหม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ยังไม่มีใครมาขอกรรมการบริหารพรรค แต่ที่จริง สส.ทุกคนก็มีเอกสิทธิ์ ถ้ารู้สึกว่าอุดมการณ์หรือจุดยืนของพรรคไม่เป็นไปตามอุดมการณ์ของเขาก็มีสิทธิ์ลาออก แต่ตราบใดที่ยังเป็นสมาชิกก็ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของพรรค และขอให้ไปดูข้อบังคับดีๆ อย่ามองแค่การขับออกจากพรรค แล้วไปหาพรรคใหม่ ขอเตือนว่าถ้ามีการกระทำผิดข้อบังคับร้ายแรง การฝักใฝ่ฝ่ายใด บิดเบือน ปลุกปั่น ทำให้เกิดความแตกแยกภายในพรรค สิ่งเหล่านี้อาจมีผลทำให้ขาดความเป็นสมาชิกของพรรค
สำหรับ สส. 21 คน ขอให้สื่อมวลชนไปถามเจ้าตัว คนในพื้นที่ก็ให้ไปถาม สส. และเรื่องนี้ก็ต้องไปถามนายสุชาติ ที่มีชื่อในเอกสารเป็นคนแรกด้วย ตนโทรไปนายสุชาติก็ไม่รับ ก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ สส. คนอื่นตนโทรไปก็รับ อย่าง นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง สส.ชลบุรี ตอนโทรคุยเมื่อวานนี้ ก็บอกว่าไม่มีอะไร รักเลขาฯ รักพรรครวมไทยสร้างชาติเหมือนเดิม ดังนั้นก็ไม่น่าจะมีอะไร แต่ตัวนายสุชาติ ยังไม่ได้คุย แต่มันแปลกว่าใครจะไปเซ็นชื่อมาปลดตัวเอง ด้วยเหตุผลว่าตัวเองขาดคุณสมบัติ เรื่องความรู้ความสามารถ และขาดจริยธรรม
ส่วนถ้านายกรัฐมนตรีเปิดโอกาสให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีได้ พรรครวมไทยสร้างชาติ จะเสนอปรับหรือคงเดิม นายเอกนัฏ กล่าวว่า ต้องรอรับสัญญาณจากนายกรัฐมนตรีก่อน เพราะเป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ส่วนจะปรับไม่ปรับอย่างไรแต่ละพรรคก็มีกลไกของตัวเอง ขอให้เป็นไปตามการตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับพรรค
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้สอบถามปัญหาของพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจทุกเรื่อง ที่ผ่านมาก็ให้การสนับสนุนการทำงาน
เมื่อถามย้ำว่า จากการพูดคุยกับ สส.ที่ลงชื่อ ได้ถามหรือไม่ว่าได้เห็นเอกสารปะหน้าหรือไม่ นายเอกนัฏ ระบุว่า เท่าที่คุยก็บอกว่าไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าลายเซ็นไปเซ็นตั้งแต่เมื่อไหร่ และเอกสารที่เซ็นก็ไม่เคยมีใจความแบบนี้ ที่เป็นการพาดพิงต่อว่ารัฐมนตรีของพรรค และไม่เคยไปท้าทายกดดันนายกรัฐมนตรีให้ปรับรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ
เมื่อถามว่า มองปรากฏการณ์นี้อย่างไรกับภาพรับประทานอาหาร และเอกสารหลุด นายเอกนัฏ ระบุว่า ตนเตรียมใจไว้แล้ว ตนเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ เขาก็ต้องใช้ทุกวิธีในการจัดการ
“ผมว่าแทงจากข้างนอก เขาก็รู้ว่าจุดอ่อนของผมแทงไม่เจ็บเท่ากับข้างใน ป่วนข้างนอกไม่พอ ก็ต้องมาป่วนข้างใน ผมเชื่อว่ามีคนที่ขาดผลประโยชน์ที่กำลังสร้างเรื่องนี้ให้เกิดความแตกแยก เชื่อว่าเป็นอย่างนั้น”
นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมากรรมการบริหารพรรคก็มีการสื่อสารกับ สส. ไปสภาผู้แทนราษฎรตนก็คุยกับทุกคน แต่แปลกที่ข่าวออกมาในสถานการณ์แบบนี้ โดยเฉพาะตน และนายพีระพันธ์ุ ก็คงไปเหยียบเท้าใครมาบ้าง เรื่องนี้เป็นหน้าที่สื่อมวลชน ก็ควรไปขยายความตามหาข้อเท็จจริงสาวลึกลงไปให้ได้ ว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลังกระบวนการนี้เป็นใคร เพราะได้อ่านในเอกสารก็เห็นความผิดปกติแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี