วันเสาร์ ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
พท.ยันโยกงบแจก1หมื่น ไม่ขัดรัฐธรรมนูญม.144

พท.ยันโยกงบแจก1หมื่น ไม่ขัดรัฐธรรมนูญม.144

วันพฤหัสบดี ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag : ชูศักดิ์ ศิรินิล แนวหน้าออนไลน์ มติป.ป.ช. มือกฎหมายเพื่อไทย โยกงบใช้แจกเงินหมื่น ไม่ขัดรธน.ม.144
  •  

พท.ยันโยกงบแจก1หมื่น
ไม่ขัดรัฐธรรมนูญม.144

“ชูศักดิ์”มือกฎหมายเพื่อไทยแจง กมธ.ปี’68 ปรับลด 35,000 ล้านบาท ไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ“แจกเงินหมื่น”ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ม.144 ตาม ถูกร้องเรียนเอาผิด ครม. สส.สว. ‘ศิริกัญญา’มองโยกงบฯ3.5หมื่นล้าน ไปกระตุ้นศก.ไม่ขัดม.144 ชี้หากป.ป.ช.ผลออกมาว่าผิด อาจเป็น‘นิติสงคราม’ขณะที่ประชุมกมธ.69‘ศิริกัญญา’เผย4หน่วยงานหลักแจงกมธ.งบฯ69 เศรษฐกิจปีนี้-ปีหน้าตกต่ำ ยอมรับGDPปีหน้าตก1.6% เชื่อปี 70 หนี้สาธารณะทะลุเพดาน

จากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)มีมติรับคำร้องกล่าวหาน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและพวก จัดทำร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568โดยฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่งและวรรคสองเนื่องจากมีปรับลดงบประมาณ35,000 ล้านบาท ไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นั้น


เมื่อวันที่ 11มิถุนายน 2568 นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย ชี้แจงว่า การนำงบประมาณที่ กมธ.ปรับลดจำนวน 35,000 ล้านบาท ไปใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ไม่เข้าข่าย ข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ที่เป็นการห้ามแปรญัตติปรับลด หรือตัดทอนรายการ เงินส่งใช้ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ และ เงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย

“รายการทั้ง3นี้ เรียกว่ารายการงบประมาณเพื่อชำระหนี้ภาครัฐ เป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันและหนี้ของรัฐวิสาหกิจ รวม 7 หน่วยงานเป็นหนี้สาธารณะ ที่บังคับให้รัฐต้องตั้งงบประมาณชดใช้ทั้งเงินต้น ดอกเบี้ย เพื่อรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศ จะเอาแต่กู้แต่ไม่ใช้คืน ประเทศก็จะล้มละลาย รายการทั้งสามนี้จึงห้ามกรรมาธิการปรับลดตามรัฐธรรมนูญมาตรา144วรรคแรก”นายชูศักดิ์ ย้ำ

นายชูศักดิ์กล่าวว่าสำหรับรายการส่วนที่ปรับลดไป35,000ล้านบาท เป็นงบประมาณในส่วนที่กระทรวงการคลังและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 5 แห่ง ได้ทบทวนงบประมาณในส่วนที่สามารถชะลอการดำเนินการได้ และเป็นงบประมาณในส่วนของการชดเชยค่าใช้จ่าย หรือการสูญเสียรายได้ของหน่วยงานของรัฐอันเกิดจากโครงการของรัฐบาลซึ่งรัฐต้องรับภาระชดเชยให้ โดยสามารถที่จะมียอดค้างได้ ทั้งหมดรวมกัน ไม่เกินร้อยละ32 ของงบประมาณแผ่นดิน ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด

“ดังนั้นงบประมาณ 35,000ล้านบาท ที่นำไปใช้ในโครงการ Digital Wallet (หนึ่งหมื่นบาท) ที่เป็นประเด็นร้องเรียน จึงมิใช่งบประมาณชำระหนี้ภาครัฐ ที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ห้ามแตะต้องแต่อย่างใด เท่าที่ตรวจสอบดู การแปรญัตติตอนจัดทำงบประมาณปี2565 ก็ดำเนินการทำนองนี้เช่นกัน”นายชูศักดิ์ กล่าว

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า หลักการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่ง มีมานานแล้ว สาระสำคัญคือ ห้าม สส. แปรญัตติรายจ่ายตามที่มีข้อผูกพัน มีหลักการสำคัญ ที่มิให้ฝายนิติบัญญัติเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมรายจ่ายในโครงการที่มิได้เสนอโดยฝ่ายบริหาร ส่วนหลักการตามมาตรา 144 วรรคสอง มีมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 , 2550 เพียงแต่รัฐธรรมนูญ 2560 เพิ่มมาตรการที่เข้มข้นขึ้น ตามที่มีความพยายามร้องเรียนเอา ครม. สส. สว. ทั้งสภาให้สิ้นสุดสมาชิกภาพไป

ด้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชนให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการป.ป.ช.มีมติรับเรื่องที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์และคณะยื่นคําร้องและหลักฐานให้ตรวจสอบกรณีการตัดงบชำระหนี้ให้ธนาคารรัฐในปีงบประมาณ2568หรือหนี้มาตรา 28 วงเงิน 35,000 ล้านบาทโดยโยกไปใส่ไว้ในงบกลางเพื่ออาจนำไปใช้ในโครงการแจกเงิน1หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตอาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา144 มองว่าเป็นการเมืองหรือนิติสงครามหรือไม่ว่า น่าจะเป็นกรรมาธิการงบปี68ที่มีการอนุมัติลดงบในการจ่ายหนี้คืนธนาคารรัฐและแปรเปลี่ยนงบประมาณเพื่อไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในปี 68ในชั้นกรรมาธิการและวาระสอง

น.ส.ศิริกัญญามองว่า หากมองตามกฎหมายข้อนี้ไม่เข้ามาตรา 144ซึ่งยังไม่ทราบผล แต่หากป.ป.ช.สอบออกมาแล้ว บอกว่าผิดมองว่าเริ่มเป็นนิติสงครามแล้ว ต้องรอผลสอบของป.ป.ช.ทั้งนี้ หากจะถามว่า กรณีนี้ควรทำหรือไม่ ก็ไม่ควรทำ”

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯปี2569ว่า วันนี้เป็นนัดแรก มีหน่วยงานเข้าชี้แจง 4 หน่วยงานหลัก ได้แก่กระทรวงการคลัง , สภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ , ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงบประมาณ ในขั้นต้นก่อนที่จะมีการจัดทำร่างพ.ร.บ. โดยทุกหน่วยงานพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเศรษฐกิจทั้งปีนี้และปีหน้า จะตกต่ำ จึงเป็นสิ่งที่หน้ากังวล ในปี 68แต่ละหน่วย ก็คาดการณ์ ให้ตัวเลขจีดีพีไม่เท่ากัน อยู่ระหว่าง 1.8-2 เปอร์เซ็นต์ ส่วนในปี 69จะตกต่ำลงไปอีก อยู่ที่ประมาณ 1.6 เปอร์เซ็นต์ เป็นที่น่ากังวล

โดยเฉพาะสิ่งที่ส่งผลกระทบต่องบประมาณ ประเด็นแรก คือ การประมาณการรายได้เข้ารัฐซึ่งเรามีการคำนวณเบื้องต้นว่าหากจีดีพีตกต่ำแบบนั้น ในปี 69 รายได้รัฐจะหายไป 6 หมื่นล้านบาทหรือประมาณ2เปอร์เซ็นต์ ของการประมาณการรายได้ หากไม่สามารถหารายได้จากที่อื่นมา หมายความว่า รายจ่ายปี 69 จะใช้ได้อย่างไม่เต็มที่ ตามที่ได้ตั้งไว้ 3.78 ล้านล้านบาท เพราะหากจะกู้เพิ่มก็กู้เพิ่มได้ไม่มาก เพราะรัฐบาลตั้งขาดดุลจนเกือบเต็มเพดานอยู่แล้ว ถ้าจะกู้เพิ่ม จะกู้เพิ่มเกินได้อีกแค่1.7หมื่นล้านบาท

“จึงมีการพูดคุยกับกระทรวงการคลังว่าจะมีแนวทางอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนภาษีสรรพสามิตที่เราเก็บได้ต่ำกว่าเป้ามาโดยตลอด โดยกระทรวงการคลัง มีการเสนอแนวทาง 2อย่าง คือประเด็นแรก ที่จะใช้ทั้งปี 68และ69 คือจะมีการเก็บภาษีน้ำมันเพิ่มขึ้น1บาท อาจจะยังไม่กระทบกับราคาน้ำมันที่ประชาชนต้องควักเงินจ่าย แต่จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 พันล้านบาท ต่อเดือน”น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ประเด็นที่ 2 คือ การเก็บภาษีตัวอื่นๆเพิ่มเติม หรือมีการรื้อโครงสร้างของภาษีรถยนต์ในอนาคต เพราะการเก็บสรรพสามิตที่ลดลงมาก คือในส่วนภาษีรถยนต์ ตามที่เราขายได้น้อยลง รวมถึงการที่เราเก็บภาษีรถ EV ต่ำลงด้วย จึงถือว่าเป็นการปฏิรูปทั้งระบบ จะนำมาซึ่งรายได้ที่นำมาใช้จ่ายในปีงบประมาณ 69 แต่เรายังคงมีข้อกังวล เนื่องจากยังไม่มีการลงละเอียดชัดเจนว่าจะมาจากเงินในส่วนไหน และเม็ดเงินเท่าไหร่ ที่ผ่านมาเมื่อมีปัญหาเช่นนี้กระทรวงการคลังจะใช้วิธีการเอาเงินปันผลจากรัฐวิสาหกิจต่างๆอย่าง ปตท.กองสลาก กองทุนวายุภักดิ์ ซึ่งอาจไม่จีรังยั่งยืน เนื่องจากผลประกอบการรัฐวิสาหกิจ อาจจะไม่ดี มีเพียงแค่ท่าอากาศยานไทยที่มีผลประกอบการดีขึ้น

สำหรับสัดส่วนดอกเบี้ย ที่จะต้องจ่ายในแต่ละปี ที่ไม่มีการตั้งไว้ตามที่ได้วางแผนตอนต้น แต่สำนักงบประมาณได้ให้ความเห็นว่าจะต้องรอลุ้นว่าดอกเบี้ยนโยบายจะตกลงเรื่อยๆแล้วทำให้ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายลดลงหรือไม่อย่างไรซึ่งเป็นข้อกังวลในอนาคตว่า หากไม่เพียงพอ คงต้องใช้เงินคงคลัง หรืองบกลางมาชำระดอกเบี้ยอีก เหมือนปี 67

น.ส.ศิริกัญญากล่าวอีกว่าขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี เราได้ฉายภาพให้ดูว่า ด้วยความที่จีดีพีโตตกต่ำ จะทำให้ไปถึง 70เปอร์เซ็นเร็วขึ้น และปลายปีงบประมาณ 69 จะขึ้นไปถึง 69 เปอร์เซ็นต์ เร็วกว่าที่เคยวางแผนเอาไว้ ส่วนในปี 70 อย่างไร ก็ต้องมีการขยายเพดานหนี้สาธารณะออกไปอย่างแน่นอน ซึ่งกระทรวงการคลังก็ไม่ได้ปฏิเสธในเรื่องนี้ เท่ากับว่าประเทศไทย คงต้องมีมติของคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เพื่อขยายเพดานหนี้สาธารณะในปี 70 และไม่แน่ใจว่า จะเป็นงบประมาณที่รัฐบาลไหนได้ใช้ หากมีการยุบสภาเร็วกว่านี้ ก็อาจไม่ใช่รัฐบาลนี้ ที่จะรับภาระหนี้สาธารณะเกิน 70 เปอร์เซ็นต่อจีดีพี

สำหรับกรณีเงินฝืด เรารับรู้กันว่า ตลาดต่างๆ เงียบเหงา กำลังซื้อประชาชนกำลังอ่อนตัวลง โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้แจงว่า ยังไม่เข้าสู่ช่วงเงินฝืด เพราะเวลาเงินเฟ้อติดลบ ติดลบเป็นหย่อมๆ ไม่ได้ติดลบ ทุกๆ รายการอย่างเท่าเทียม จึงยังไม่เข้าเกณฑ์ภาวะเงินฝืด แต่ต้องยอมรับว่า มีการจับตาดูเรื่องกำลังซื้อที่อ่อนแอลงเรื่อยๆ อย่างที่เราเห็นว่า คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง ตลาดเงียบเหงา หรือรายได้ของคนที่ลดลง ทั้งค่าจ้างแรงงาน และเกษตรกร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘ฮุนเซน’อำมหิต! ‘อ.ไชยันต์’ซัด ปล่อยข่าว‘ไทยปิดด่าน’ทำเขมรนับหมื่นแตกตื่น ‘ฮุนเซน’อำมหิต! ‘อ.ไชยันต์’ซัด ปล่อยข่าว‘ไทยปิดด่าน’ทำเขมรนับหมื่นแตกตื่น
  • ระทึก!‘สภาหมื่นล้าน’ ประตูเหล็กลานจอดรถร่วงตอนฝนถล่ม ระทึก!‘สภาหมื่นล้าน’ ประตูเหล็กลานจอดรถร่วงตอนฝนถล่ม
  • ปิดดีลอีกสอง! ‘อนุทิน’บินอุดรฯ 15 มิ.ย.เปิดตัว‘2 สส.ไทยสร้างไทย’ ปิดดีลอีกสอง! ‘อนุทิน’บินอุดรฯ 15 มิ.ย.เปิดตัว‘2 สส.ไทยสร้างไทย’
  • รทสช.แตก 2 เสี่ยง!!! \'สุชาติ\'ประกาศตั้งกลุ่ม 18 หักก๊วน\'พีระพันธุ์\'รอวันแยกทาง รทสช.แตก 2 เสี่ยง!!! 'สุชาติ'ประกาศตั้งกลุ่ม 18 หักก๊วน'พีระพันธุ์'รอวันแยกทาง
  • ‘พิพัฒน์’รับลูก‘อนุทิน’ สอบวินัยซื้อตึก‘skyy9’พร้อมตั้ง 7 จุดยืน ‘พิพัฒน์’รับลูก‘อนุทิน’ สอบวินัยซื้อตึก‘skyy9’พร้อมตั้ง 7 จุดยืน
  • \'ทักษิณ\'ปัดตอบสื่อ หลังศาลเรียกพยานเพิ่ม 20 ปาก คดีชั้น 14 'ทักษิณ'ปัดตอบสื่อ หลังศาลเรียกพยานเพิ่ม 20 ปาก คดีชั้น 14
  •  

Breaking News

มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 13-19 มิ.ย.68

'ทูตประศาสน์'พร้อมคณะฝ่ายไทย เดินทางถึงกัมพูชา เตรียมเข้าร่วมประชุม JBC พรุ่งนี้

ไต่สวนคดีติดคุกทิพย์นัดแรก! 'ผบ.เรือนจำ'ยอมรับส่งตัว 'ทักษิณ' ไป รพ.ตร.ไม่ผ่านรพ.ราชทัณฑ์

จุดเริ่มต้นที่ดี! 'ภูมิธรรม' หวังเวที JBC พรุ่งนี้ราบรื่น ขอปชช. 2 ประเทศไม่บิดเบือนข้อมูล

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved