เมินเขมรเหลื่อมเวลาเปิด-ปิดด่าน
มท.1ลั่นยึดแบบเดิม
เย้ย‘กัมพูชา’คนเสียประโยชน์เอง
‘โรม’เตือนรัฐบาลอย่าประมาท
เตรียมรับมือถูกลากขึ้นศาลโลก
“อนุทิน”ไม่สนเขมรปรับเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดน ยันไทยเปิดของไทยอย่างนี้ ถ้าจะเหลื่อมเวลา คนที่เสียประโยชน์คือฝั่งเขมรเอง ลั่น “เราจะเปิดแบบนี้” รับบัญชานายกฯสำรวจหลุมหลบภัย ใช้งบมหาดไทยซ่อมแซมปรับปรุงให้ปลอดภัย ด้าน “บิ๊กเล็ก”ชี้ก่อนถึงเวลาถกเจบีซี 14 มิย.ไทยต้องนิ่งมากกว่านี้ ขณะที่โรมเตือนรัฐบาลประมาทไม่ได้ เตรียมพร้อมรับมือเขมรยื่นฟ้องศาลโลกแก้ข้อพิพาทชายแดน
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่จ.สุรินทร์ร่วมกับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า นายกฯเตรียมเรื่องการสนับสนุนแนวหลังเต็มที่ และให้นโยบายเหมือนสุภาษิต มหาดไทยเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว เราก็ต้องทำบ้านให้น่าอยู่ อบอุ่นปลอดภัย ส่วนทหารที่เป็นรั้วก็จะปกป้องบ้านไม่ให้มีใครมารุกรานหรือทำร้าย ในฐานะเป็นผู้ปฏิบัติงานถือว่า รับบัญชาจากนายกฯมาทำทุกอย่างให้เรียบร้อย ดูแลชาวบ้านในพื้นที่ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ การเตรียมพร้อมหากมีสถานการณ์ฉุกเฉิน และนายกฯย้ำว่าไม่ว่าจะเกิดอะไร ชีวิตประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุและเด็กนักเรียนต้องไม่ได้รับอันตรายอย่างเด็ดขาด
สั่งผวจ.ชายแดนสำรวจหลุมหลบภัย
นายอนุทินยังถามถึงงบประมาณทำบังเกอร์หลุมหลบภัยว่า กระทรวงมหาดไทยสั่งผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอเร่งสำรวจหลุมหลบภัยทั้งหมด กระทรวงมางบอยู่ ไม่ต้องของบกลางและจะเร่งทำหลุมหลบภัย ให้มีมาตรฐาน มั่นคงปลอดภัย แข็งแรง ตั้งอยู่ริมถนนที่เคลื่อนย้ายไปที่ปลอดภัยได้ง่าย และต้องซ้อมแผนเคลื่อนย้าย
ลั่นไทยยืนยันเปิดปิดด่านแบบนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าแปลว่าสถานการณ์ไม่น่ามีปัญหาหรือยังวางใจได้ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าดูฝ่ายทหารยังสื่อสารเชิงการเจรจาพูดคุยหารือกันอยู่ ส่วนผู้ว่าราชการจังหวัดคอยสนับสนุนทหารทุกประเด็น เรื่องเปิด-ปิดด่านก็เช่นกัน เราก็เปิดของเราอย่างนี้ ถ้าเขาจะมาเหลื่อมเวลา ตนคิดว่า คนที่เสียประโยชน์คือฝั่งเขา เอาเป็นประเด็นการเมืองอะไรตรงนี้ ไม่ก้าวล่วง ส่วนของเรายืนยันว่าจะเปิดแบบนี้ จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะตอนนี้เปิดวันละ 6-7 ชั่วโมงอยู่แล้ว ถ้าเปิดเหลื่อมกันจะเหลือ 6 ชั่วโมง ถามว่า ใครเสียประโยชน์มากกว่าระหว่างเขาเข้ามาขายของกับเราไม่ออกไปซื้อของเขา หรือไปทำธุรกิจที่เขา ก็แล้วแต่
ถามว่า จะทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่อย่างไร โดยเฉพาะการสื่อสารไม่ให้เกิดความคลาดเคลื่อน นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องการสื่อสารสำคัญมากเราใช้ในส่วนฝ่ายปกครองไปสร้างความมั่นใจ ความอบอุ่นกับประชาชน โดยรวมขวัญกำลังใจดี รวมถึงให้คำแนะนำ พื้นที่ไหนช่วงนี้ไม่ควรไป สภาพชีวิตก็ยังเป็นปกติอยู่ โดยวันที่ 13 มิถุนายน ตนจะลงพื้นที่จ.อุบลราชธานีประชุมหลังได้รับข้อสั่งการจากนายกฯ ที่จ.สุรินทร์เรื่อง 7 จังหวัดที่มีชายแดนติดกัมพูชา เพื่อลงรายละเอียดเป็นจุดๆจะมีแผนสั่งการหรือแผนเผชิญเหตุ แผนการซ้อม ซึ่งเราต้องทำให้พร้อม
บิ๊กเล็กชี้ไทยต้องนิ่งมากกว่าเดิม
ด้านพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์หลังเข้าให้ข้อมูลเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อคณะกรรมมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศร่วม 3 ว่า การเดินทางมาให้ข้อมูลครั้งนี้เสร็จแล้วจะไม่มีครั้งต่อไป ขณะที่ในส่วนสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ยังไม่นัดประชุมเรื่องนี้ ส่วนยุทธศาสตร์การเจรจาเจบีซี
กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้รับผิดชอบ ขอไม่กล่าวถึงในส่วนที่ไม่ได้รับผิดชอบส่วนที่ว่าหากการเจรจาไม่เป็นผลกองทัพจะมีมาตรการอย่างไรนั้น ให้รอฟังสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) อย่างไรก็ตาม สำหรับท่าทีของไทยระหว่างนี้ก่อนถึงวันที่ 14 มิถุนายน จะต้องนิ่งมากกว่าเดิม
ขณะที่พลตรีณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาค 2 เปิดเผยหลังเข้าชี้แจงคณะกรรมาธิการฯว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC ไทย-กัมพูชา วันที่ 27-28 มิถุนายน ยังเป็นไปตามกำหนดเดิม
ไทยประมาทไม่ได้-จี้รับมือเขมรยื่นศาลโลก
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูป แถลงหลังประชุมกมธ.ฯว่า เบื้องต้นได้พูดคุยถึงการเตรียมความพร้อมรวมถึงประเมินความเป็นไปได้หลายทาง ซึ่งกมธ.เห็นพ้องต้องกันในยุทธศาสตร์และการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคอลเซ็นเตอร์ซึ่งกมธ.ให้คำแนะนำว่า รัฐบาลควรเพิ่มมิติเกี่ยวกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่นอกจากแก้ปัญหาฝั่งไทย อีกส่วนหนึ่งถือเป็นท่อน้ำเลี้ยงสำคัญในอุตสาหกรรมที่มีผลต่อเศรษฐกิจกัมพูชา อีกทั้งเป็นการสร้างแต้มต่อสำคัญให้ฝั่งไทย
ส่วนการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับเรื่องศาลโลก นายรังสิมันต์กล่าวว่า เขมรพยายามยกระดับความขัดแย้งไปสู่การใช้กลไกศาลโลกแน่นอน กมธ.เสนอว่าจำเป็นต้องเตรียมความพร้อม ไม่สามารถประมาทได้ หลังมีประเด็นเรื่องปราสาทพระวิหาร ไทยถอนตัวเรื่องนี้แต่ไม่ได้หมายความว่าจะวางใจได้ เราทราบว่ากัมพูชาเตรียมพร้อมมานานแล้วในเรื่องขึ้นศาลโลก ไทยต้องเตรียมนักกฎหมายระหว่างประเทศที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญไปจนถึง กลไกที่อาจต้องใช้ เราเชื่อว่ากัมพูชาจะเอาทุกกระบวนการไปใช้ประโยชน์เพื่อเรื่องศาลโลกแน่นอนไทยต้องเตรียมทั้งตั้งรับและเชิงรุก
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า อีกเรื่องที่สำคัญคือหลุมหลบภัย หรือบังเกอร์ต้องยอมรับว่ากัมพูชา มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยมากกว่าเดิม ส่งผลให้มีศักยภาพในยิงระยะไกลกว่าเดิม กมธ.ให้คำแนะนำว่า นายกฯมีงบกลางดำเนินการแก้ปัญหาเรื่องนี้ จึงจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเร่งสร้างหลุมหลบภัยให้เพียงพอกับความต้องการ และก็ให้สามารถตอบโจทย์กับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว
“เราไม่รู้ว่าวันที่ 14 มิถุนายนจะจบอย่างไร แต่ว่าสิ่งที่เราเริ่มเตรียมการได้คือทำให้คนไทยปลอดภัยที่สุด เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญเรื่องหลุมหลบภัย แล้วเรื่องงบประมาณ ไม่ต้องไปบอกให้หน่วยงานไหนทำอะไรเอานายกฯเลย ท่านต้องสั่งการเรื่องนี้“ นายรังสิมันต์ กล่าว
แนะใช้กลไกทวิภาคีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นไปว่า การประชุม JBC จะถูกเลื่อนหรือยกเลิกหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า กัมพูชาจะไม่เอาเรื่องพื้นที่พิพาท อย่างปราสาททั้ง 3 และอีกหนึ่งพื้นที่ ที่เขมรบอกว่าเป็นของเขามาพูดคุย แต่ทางเรา ตนคิดว่าต้องคุย ไม่เช่นนั้น จะหาทางออกไม่ได้ และต้องยืนยันด้วยว่า ถ้าเราดูจากเอ็มโอยู 43 ก็มีความจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องเคารพ โดยเราต้องใช้กลไกทวิภาคีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะคือเครื่องมือ ที่จะลดความขัดแย้งได้จริง นอกจากนี้ เราควรมองหาการร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ถ้าเขมรไม่ใช้กลไกทวิภาคี จะทำให้สุดท้ายเขมรตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ โดยเฉพาะมิติเศรษฐกิจและเพิ่มมิติการปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ด้วย เพราะกลไกเรื่องคอลเซ็นเตอร์ สร้างความเสียหายให้คนทั่วโลก กัมพูชาปล่อยให้ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะปฏิเสธการไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ เมื่อรู้แล้วจะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ทหารสระแก้วซ้อมรบด้วยกระสุนจริง
วันเดียวกัน กองกำลังบูรพา พร้อมด้วยกองกำลังเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 12 (ฉก.ร.12) กองพันที่ 2 ฝึกยิงอาวุธประจำกายของกำลังพล ด้วยกระสุนจริง บริเวณพื้นที่เขาอีด่าง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อยกระดับความชำนาญการใช้อาวุธประจำกายสร้างความมั่นใจในการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมปกป้องดินแดนอธิปไตยของชาติ และการรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน เน้นเพิ่มทักษะความแม่นยำในการใช้อาวุธที่ประจำอยู่กับแต่ละกำลังพล หากมีคำสั่งจากหน่วยเหนือก็พร้อมปฏิบัติหน้าที่ได้ทุกเวลา
เขมรตั้ง‘รองนายกฯนั่งปธ.กก.ยื่นศาลโลก
ส่วนความเคลื่อนไหวของฝ่านกัมพูชา เว็บไซต์ขแมร์ไทม์สรายงานว่า กัมพูชามีความก้าวหน้าในการทำแผนนำข้อพิพาทแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย เข้ากระบวนการศาลโลก และการดำเนินการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนมากจากชาวเขมร ในเรื่องนี้ นายเพน โบนา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าโฆษกรัฐบาลกัมพูชาโพสต์เฟซบุ๊กว่า ได้วางกรอบการทำงานทางกฎหมายเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลโลกเกี่ยวกับข้อพิพาทกับไทยเหนือพื้นที่ 4 แห่งคือ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่มอมเบย ทั้งนี้ เขมรได้ตั้งคณะกรรมการจัดเตรียมเอกสารเพื่อยื่นคำร้องพื้นที่พิพาทดังกล่าวต่อศาลโลก มีนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศกัมพูชาเป็นประธาน ซึ่งจะมีอำนาจดำเนินการในนามราชอาณาจักรกัมพูชาก่อนไปสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศ ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดดังกล่าวแบ่งกลุ่มทำงาน 2 กลุ่มได้แก่ คณะทำงานด้านกฎหมายนำโดยนายคีต ริธ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และคณะทำงานทางการทูตนำโดยนางอีตโสเภีย รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศ
ฮุนเซนบริจาค300ล.เรียลหนุนฟ้องศาลโลก
ขณะที่สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊กเพจเรียกร้องให้ชาวเขมรร่วมกันบริจาคเงินให้กองทุน เพื่อสนับสนุนกองทัพกัมพูชาผ่านมูลนิธิ CTN เป็นของสถานีโทรทัศน์ CTN หนึ่งในสื่อที่ใหญ่ที่สุดในเขมร มีภาพที่ฮุน เซน เชิญชวนบริจาคมีข้อความว่า “นี่คือกองกำลังป้องกันประเทศที่แข็งแกร่งของประชาชนของเรา การต่อสู้กับการรุกรานของไทยผ่านวิธีการทางทหาร การเมือง การทูต และกฎหมาย ต้องดำเนินไปในกลยุทธ์ระยะยาว”
ฮุน เซนบอกอีกว่า กองทัพต้องพร้อมเสมอและต้องใช้เวลานาน การต่อสู้ผ่านศาลโลกต้องใช้เวลายาวนานเนกัน ตนและภรรยาต้องการบริจาคเงิน 300 ล้านเรียลหรือประมาณ 2.4 ล้านบาทให้กองทุนนี้ในระยะแรก ข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้เพื่อนร่วมชาติทุกคนร่วมสนับสนุนกองทัพ ประเทศและแผ่นดินของเรา”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี